นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 1415

เฟิ่งหลีหยูตะโกนออกไปด้วยความหวาดกลัว ใบหน้าของเขาซีดขาว พุ่งไปด้านหน้าอย่าบ้าคลั่ง คิดจะคว้าร่างของเฟิ่งชิงเฉินเอาไว้ แต่......

เฟิ่งชิงเฉินห้อยอยู่บนเส้นโซ่ เลื่อนไปด้านหน้าด้วยความเร็วสูง ชั่วพริบตาก็ไปถึงระหว่างกลางของภูเขาทั้งสองลูก

ฮู้ว......เฟิ่งหลีหยูถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่ร่างกายของเขาตอนนี้นั้นได้ล้มลงกับพื้นไปแล้ว

น่าตกใจยิ่งนัก มันน่าตกใจเกินไป หากครั้งหน้ายังเป็นเช่นนี้อีกเขาคงได้ตกใจตายเพราะเฟิ่งชิงเฉินจริง ๆ

เฟิ่งหลีหยูเสียสติไปแล้ว แต่ก็ไม่มีใครหัวเราะเขาแต่อย่างใด เนื่องจากในตอนนี้ สายตาของทุกคนกำลังจับจ้องไปที่ร่างของเฟิ่งชิงเฉิน การเคลื่อนไหวของเฟิ่งชิงเฉินรวดเร็วขึ้นเรื่อย ๆ หลังจากนั้น......นางก็ไปถึงภูเขาอีกลูกหนึ่ง

ระยะห่างนั้นไกลมาก พวกเขามองไม่ชัดว่าเฟิ่งชิงเฉินเช่นนั้นได้อย่างไร พวกเขารู้แค่ว่าเฟิ่งชิงเฉินขึ้นไปบนกำแพงของภูเขาอีกลูกหนึ่งด้วยการกระโดดเพียงเล็กน้อยเท่านั้น จากนั้นก็ปีนขึ้นไปสู่ด้านบน

“แม่นางเฟิ่งไม่เป็นวรยุทธ์จริง ๆ อย่างนั้นหรือ?” ครั้งนี้ความสนใจของทุกคนได้เปลี่ยนไปอีกครั้ง

“น่าจะไม่เป็น หากเป็นวรยุทธ์ นางก็ไม่จำเป็นต้องใช้ของพวกนี้ในการเดินทางไปอีกฝั่ง นางคงใช้วิชาตัวเบาออกมาและบินไปโดยตรง ข้าเคยเห็นคนใช้วิชาตัวเบามาก่อน” นายกองผู้หนึ่งอธิบายออกมาเพื่อให้ทุกคนเข้าใจ

“ที่แท้ก็สามารถใช้วิธีนี้ในการข้ามไปอีกฝั่งหนึ่งได้ หลังจากนี้......หากพวกเราได้เผชิญหน้ากับกองกำลังอื่น หรือต้องต่อสู้ในสถานการณ์เช่นนี้ ต้องการลอบโจมตี พวกเราเองก็สามารถทำเช่นนี้ได้เหมือนกัน แม่นางเฟิ่งที่เป็นผู้หญิงยังมีความกล้าที่จะไถลข้ามไป พวกเราเองก็ทำได้เหมือนกันใช่ไหม?” นายกองที่มีดวงตาอันกว้างไกลกล่าวออกมา

ดูเหมือนว่าเขาจะเห็นการต่อสู้ในอนาคต พวกเขาสามารถจัดการศัตรูนับพันได้ด้วยวิธีการนี้

“ผู้หญิง? เจ้ายังเห็นแม่นางเฟิ่งเป็นผู้หญิงอยู่อีกงั้นหรือ เจ้าจะต้องพ่ายแพ้อย่างน่าอนาถ”

“พวกเราเองก็อยากจะลองดูบ้าง” ชายห้าคนที่ร่างกายเต็มไปด้วยโคลนยืนอยู่ด้านหลัง ตอนนี้พวกเขาเพิ่งจะได้สติกลับคืนมา พวกเขาเห็นเฟิ่งชิงเฉินไถลตามโซ่ไปต่อหน้าต่อตาของพวกเขา หัวใจของพวกเขาก็ไม่อาจต้านทานได้

พวกเขาไม่ใช่แค่พ่ายแพ้อย่างเดียวเท่านั้น แต่มันคือการพ่ายแพ้ที่ยิ่งใหญ่ในชีวิต

“อยากตายพวกเจ้าก็ลองดู แต่ข้าจะไม่ไปเก็บศพให้พวกเจ้า” ในตอนนั้นเอง แม่ทัพก็ได้แสดงความเป็นผู้นำของเขาออกมา “แม่นางเฟิ่งคือผู้นำของพวกเรา พวกเจ้าจะเอาอะไรไปเทียบกับแม่นางเฟิ่ง?”

ในตอนที่แม่ทัพพูดคำว่าแม่นางเฟิ่งสามพยางค์นี้ออกมา น้ำเสียงของเขาก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เห็นทุกคนยืนอยู่บนยอดเขาไม่ขยับ เขาจึงเอ่ยปากขึ้นมาอีกครั้งว่า “ลงเขา พวกเราจะลงไปต้อนรับแม่นางเฟิ่ง”

แม้ว่าจะไม่ชอบความแข็งแกร่งของเฟิ่งชิงเฉิน แต่ผู้หญิงเพียงคนเดียว ทำให้สิ่งที่ผู้ชายอย่างพวกเขาไม่สามารถทำได้ พวกเขาก็ทำได้เพียงให้ความนับถือ การยอมให้ผู้หญิงเช่นนี้กลายเป็นผู้นำ มันไม่มีอะไรที่ทำให้พวกเขารู้สึกไม่พอใจ

เฟิ่งหลีหยูพาทุกคนลงจากภูเขา ส่วนด้านภูเขาอีกลูกหนึ่ง เฟิ่งชิงเฉินนำอุปกรณ์ปีนเขาออกมา และค่อย ๆ ปีนลงมาด้านล่าง

นี่น่าจะเป็นความโชคดีของเฟิ่งชิงเฉิน สถานที่ตรงนี้ไม่มีใครอยู่ ไม่อย่างนั้นหากมีใครเห็นอุปกรณ์ปีนเขาที่ติดอยู่บนตัวนาง จะต้องถามออกมาเป็นอย่างแน่ว่าเฟิ่งชิงเฉินไป “นำ” อุปกรณ์พวกนี้มาจากที่ไหน

ปีนเขาลงมา ไม่ใช่การทำเพื่อพิสูจน์ความแข็งแกร่งของตนเอง เวลานี้นางแค่อยากมีประสบการณ์ ต้องการใช้วิธีการพวกนี้ในการคลายแรงกดดันที่แบกรับเอาไว้ในช่วงเวลาที่ผ่านมา

ช่วงเวลาที่ผ่านมา นางเหนื่อยมากจริง ๆ ร่างกายของนางต้องแบกรับอะไรที่มากเกินไป

ภูเขาลูกนี้ไม่ได้สูงมากนัก ความเร็วของเฟิ่งชิงเฉินก็รวดเร็วพอสมควร ในตอนที่เฟิ่งชิงเฉินลงมาถึงตีนเขา พวกของเฟิ่งหลีหยูก็เดินทางมาได้ถึงกลางเขาแล้ว เฟิ่งชิงเฉินเก็บอุปกรณ์ทั้งหมด จากนั้นก็มุ่งหน้าไปยังกระโจมที่ตนเองพักอาศัยอยู่

เหลือเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่คอยเฝ้ารักษาความปลอดภัยที่กระโจม เมื่อเห็นเฟิ่งชิงเฉินปรากฏตัวออกมาในสภาพที่เนื้อตัวเต็มไปด้วยโคลน แต่ละคนก็ตื่นตกใจ “แม่นางเฟิ่ง เหตุใดท่านถึงกลับมา?” มีเพียงแม่นางเฟิ่งคนเดียวเท่านั้นที่กลับมา หรือว่าจะแพ้ไปแล้ว? หรือว่ายอมรับความพ่ายแพ้ไม่ได้กันแน่?

“ต้มน้ำร้อนมาให้ข้าสองอ่าง” เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้อธิบายแต่อย่างใด นางรีบเดินเข้าไปในกระโจม

แม้ว่านางจะไม่ใช่คนที่รักความสะอาดขนาดนั้น แต่นางก็ทนต่อโคลนเหม็น ๆ ที่ติดอยู่บนร่างกายของตนเองไม่ได้ ยิ่งไปต้องพูดถึงโคลนที่แห่งและติดอยู่บนร่างกาย

“เออคือ......” ทหารปลายแถวมองหน้ากัน ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ไปต้มน้ำร้อนให้กับเฟิ่งชิงเฉิน

แม้ว่าพวกเขาจะดูถูกเฟิ่งชิงเฉิน แต่พวกเขาเองก็รู้ว่าเฟิ่งชิงเฉินเป็นคนจ่ายเงินเพื่อดูแลเลี้ยงดูพวกเขา

หลังจากนั้นไม่นานน้ำร้อนก็ถูกนำมามอบให้ เฟิ่งชิงเฉินไล่ทุกคนออกไป จากนั้นก็อาบน้ำทำความสะอาดร่างกาย หลังจากเฟิ่งชิงเฉินอาบน้ำเสร็จแล้ว พวกของเฟิ่งหลีหยูก็ลงมาถึงตีนเขาพอดี

“แม่นางเฟิ่งอยู่ที่ไหน เกิดเรื่องอะไรขึ้นงั้นหรือ?” เมื่อเห็นว่าเฟิ่งชิงเฉินไม่อยู่ คิดว่าเฟิ่งชิงเฉินตายอยู่บนภูเขา แต่ละคนก็มองหน้ากันด้วยความว่างเปล่า

มันบ้าขนาดนี้เลยงั้นหรือ?

แม่ทัพเห็นสีหน้าของคนสารเลวพวกนี้ก็รู้ว่าพวกเขากำลังคิดอะไรอยู่ ตวาดออกมาด้วยใบหน้าอันดำคล้ำ “พวกเจ้ากำลังคิดอะไรอยู่ แม่นางเฟิ่งคือคนที่พวกเจ้าสามารถล่วงเกินได้งั้นหรือ เร็ว รีบตามข้าไปรับแม่นางเฟิ่งเร็ว”

“อ่า......” ทุกคนไม่เข้าใจ นายกองผู้หนึ่งได้ยินเสียงดังกล่าวก็กระซิบออกมาเบา ๆ ด้วยความหวังดี “แม่นางเฟิ่งอยู่ที่ตีนเขาอีกลูกหนึ่ง”

“อะไรนะ? แม่นางเฟิ่งทำได้อย่างนั้นหรือ?”

ปัง......เสียงอาวุธร่วงหล่นลงพื้น

การตอบสนองของพวกทหารปลายแถวทำให้เหล่านายกองภูมิใจเป็นอย่างมาก พวกเขาสงบกว่าเจ้าสารเลวพวกนี้มาก แม้ว่าจะรู้สึกตกใจ แต่อย่างน้อยก็ไม่ปล่อยอาวุธที่อยู่ในมือให้หล่นลงพื้น

นายกองผู้โง่เขลาสองคนเห็นทุกคนตกใจจนไม่เคลื่อนไหว เขากล่าวออกมาด้วยสีหน้าแห่งความภาคภูมิใจ “โลกนี้ไม่มีอะไรที่คนอย่างแม่นางเฟิ่งทำไม่ได้ ไม่สนว่าแม่นางเฟิ่งจะเป็นใคร แต่เวลานี้นางคือลูกพี่ของพวกเรา เร็ว เร็วเข้า ตามข้าไปรับลูกพี่เร็ว”

แม่นางเฟิ่งไม่ใช่คนงั้นหรือ? นางไม่ใช่คนใช่ไหม?

“ข้าทำได้อย่างไรนั้นมันไม่สำคัญ สิ่งที่สำคัญก็คือ ในอนาคต พวกเจ้าเองก็ต้องทำได้เช่นกัน” เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้พูดเรื่องการปีนเขาออกมา บางครั้งการรักษาความรู้สึกลึกลับอย่างเหมาะสมอาจทำให้ผู้คนหวาดกลัวมากขึ้น

“แม่ทัพเฟิ่ง ความเร็วนี้มันจะไปทำได้อย่างไร พวกข้าไม่มีทางทำได้” ทหารทุกคนส่ายหน้า เฟิ่งหลีหยูเองก็แสดงสีหน้าไม่เห็นด้วย ความต้องการของเฟิ่งชิงเฉินนั้นมากเกินไป มันไม่ใช่ทุกคนที่เป็นเหมือนเฟิ่งชิงเฉิน

“ทำไมจะเป็นไปไม่ได้ ข้ายังทำได้ เหตุใดพวกเจ้าถึงจะทำไม่ได้? ก่อนหน้านี้ พวกเจ้าไม่มีใครเชื่อเลยว่าข้าจะสามารถข้ามภูเขาสองลูกได้ด้วยโซ่เส้นนั้น แต่ตอนนี้ข้าก็ทำได้แล้วไม่ใช่หรือไง”

เฟิ่งชิงเฉินหยุดครู่หนึ่ง จากนั้นก็พูดออกมาว่า “สำหรับทหารแล้ว เหตุผลทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับการฝึก และสิ่งที่ไม่สมเหตุสมผลก็การฝึกหนัก ข้ายอมรับว่าพวกเจ้านั้นโดดเด่น แต่พวกเจ้ายังขาดการฝึกที่หนักหน่วง และขาดจิตวิญญาณในการข้ามผ่านอุปสรรค หากพวกเจ้าไม่อยากหลั่งเลือดในสนามรบ พวกเจ้าก็จงฝึกให้ดี ไม่เอาคำว่าทำไม่ได้มาเป็นเหตุผลในการหลบหนี ข้าที่เป็นเพียงแค่ผู้หญิงคนเดียวยังสามารถทำได้ แล้วเหตุใดพวกเจ้าถึงจะทำไม่ได้?”

เห็นได้ชัดว่าผลของการสร้างศักดิ์ศรีนั้นส่งผลดีเป็นอย่างมาก แม้ว่าทหารทุกคนยังคิดว่าตนเองทำได้ แต่ก็ไม่มีใครกล้าพูดออกมาว่าคำพูดของเฟิ่งชิงเฉินนั้นไร้เหตุผล หรือเป็นความต้องการที่มากเกินไป เนื่องจากเฟิ่งชิงเฉินได้ใช้ความแข็งแกร่งและการกระทำของนางแสดงให้กับทุกคนได้เห็นแล้วว่ามันสามารถทำได้!

หลังจากที่ได้เห็นความแข็งแกร่งของเฟิ่งชิงเฉินแล้ว ทหารชั้นยอดทั้งแปดพันนายที่ได้รับการฝึกฝนโดยเฟิ่งหลีหยูก็ชื่นชมเฟิ่งชิงเฉินจากก้นบึ้งของหัวใจ ในตอนที่เฟิ่งชิงเฉินปรับแก้ข้อผิดพลาดตรงด่านของการคลานผ่านพื้นโคลน ความชื่นชมดังกล่าวก็เปลี่ยนเป็นความนับถือ

ความแข็งแกร่งของเฟิ่งชิงเฉินนั้นไม่ธรรมดา และนางก็ยังมีความเข้าใจในเรื่องของการฝึกทหารอีกด้วย แม้จะเป็นผู้หญิง แต่ในหมู่ของทหารเหล่านี้ก็ไม่มีใครเห็นว่านางเป็นผู้หญิงเลยแม้แต่คนเดียว

“แม่ทัพเฟิ่ง ข้าจางเหล่านับถือท่านจากใจจริง” แม่ทัพของทหารแปดพันนายนี้แซ่จาง เป็นคนสนิทของตาเฒ่าตี๋ แม้ตาเฒ่าตี๋มอบหมายให้เขาเชื่อฟังคำสั่งของเฟิ่งชิงเฉิน แต่ในใจก็ยังรู้สึกไม่ยินดี แต่เวลานี้......

เขายอมรับออกมาจากใจจริง และยอมรับมันอย่างเต็มใจ

“นับถือข้าตอนนี้มันยังเร็วเกินไป รอวันที่ข้าพาพวกเจ้าไปนำชัยชนะกลับมาเมื่อไหร่ค่อยกลับมานับถือข้าก็ยังไม่สาย” เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้รู้สึกภาคภูมิใจกับความสำเร็จในครั้งนี้ จุดประสงค์ของการฝึกทหารคืออะไร? ทั้งหมดก็เพื่อเอาชนะในการต่อสู้

หากไร้ประโยชน์ในตอนที่อยู่ในสนามรบ ต่อให้ฝึกหนักแค่ไหนก็ไม่มีความหมาย

“นี่คือแผนการฝึกที่ข้าได้เตรียมไว้ ข้าได้เตรียมไว้สองแผน สองเดือนหลังจากนี้ พวกเจ้าจะต้องทำตามแผนของข้า ข้าต้องการให้พวกเจ้าทุกคนบรรลุมาตรฐานที่ข้าตั้งไว้” มาตรฐานของนางมีอยู่สองกลุ่ม กลุ่มแรกคือพวกของทหารทั่วไป อีกกลุ่มหนึ่งคือพวกของทหารชั้นยอด

หากบอกว่าทุกคนที่อยู่ที่นี่เท่าเทียมกันก็คงเป็นเรื่องไร้สาระ หากทุกคนเท่าเทียมกันจริง ๆ เหตุใดจึงมีคนเกิดเป็นทายาทของตระกูลร่ำรวย ทายาทของขุนนาง และบางคนก็เกิดมาเป็นขอทาน?

ในกองทัพ แม้ว่าทุกคนจะมีจุดเริ่มต้นที่เหมือนกัน แต่สุดท้ายแล้วความสำเร็จของพวกเขาก็ต้องแตกต่างกัน เฟิ่งชิงเฉินต้องการแยกแยะผู้ที่โดดเด่นออกมา “คนที่สามารถไปถึงมาตรฐานสูงสุดได้ ให้เข้ารีบการฝึกฝนชุดนี้ นอกจากนั้นต้องให้พวกเขากินอิ่ม นอนหลับ รวมถึงที่อาวุธที่ดีกว่าทหารทั่วไป”

นางไม่สามารถฝึกทหารม้าทมิฬออกมาได้ แต่นางสามารถฝึกทหารรบพิเศษออกมาได้ จำนวนไม่ต้องมาก แต่ขอให้เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณภาพ?

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ