แต่ว่าจอมทัพผู้เลือดเย็นเช่นอวี่เหวินหยวนฮั่วจะแสร้งทำเมาเพื่อเล่าเรื่องเหล่านั้นหรือ?
เป็นไปไม่ได้ คนอย่างอวี่เหวินหยวนฮั่วนี้ต่อให้เลือดไหลก็คงจะไม่นองน้ำตา หากไม่ได้ใช้สุราทำให้มึนเมาคาดว่าเขาคงจะไม่บอกอะไรออกมาสักคำ
เมื่อคืนนี้คาดว่าคงไร้สิ้นหนทางแล้ว จึงได้อาศัยความเมาอย่างครึ่งหลับครึ่งตื่นบอกเรื่องเหล่านั้นแก่นาง
น้ำตาจะไหล……
เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกว่าช่างกดดันเหลือเกิน นางจะไปมีความสามารถเช่นนั้นได้อย่างไร?
นางไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเหตุใดอวี่เหวินหยวนฮั่วจึงคิดว่านางสามารถช่วยเขาได้
เพียงแต่ว่า เพื่อนก็ต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และอวี่เหวินหยวนฮั่วช่วยนางมาไม่น้อย ถึงเวลานี้นางเองก็ควรจะต้องช่วยเขาอย่างสุดความสามารถ
ค่าตอบแทนของทหาร ค่าตอบแทนของทหาร...... เฟิ่งชิงเฉินพยายามครุ่นคิดว่าจะมีวิธีหรือไม่
ไม่ว่าจะเป็นการรับราชการหรือการระดมทุน สิ่งเหล่านี้ฝ่าบาทคงจะไม่เห็นด้วยอย่างแน่นอน และไม่อาจแก้ไขปัญหาเร่งด่วนเช่นนี้ได้ สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือเรื่องของการกิน
"เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าถามถึงวิธีมาได้หรือไม่? ขอร้องเถิดจงบอกข้ามา ถือเสียว่าข้าร้องขอเจ้า คนจำนวนสามแสนคนเชียว ในเดือนหน้าข้าจะเอาสิ่งใดไปเลี้ยงปากท้องพวกเขา"
อวี่เหวินหยวนฮั่วรู้สึกหดหู่ใจยิ่งนัก เขาอยากจะกล่าวออกมาว่า เฟิ่งชิงเฉินอย่าได้ล้อเล่นกับเขาอีกเลย ช่วยบอกผลลัพธ์ให้เขารู้เถิดว่าเสด็จอาเก้าจะช่วยหรือไม่
"อืม ขอข้าคิดก่อน"
เฟิ่งชิงเฉินหลับตาลง นางพยายามอย่างยิ่งที่จะช่วยอวี่เหวินหยวนฮั่วคิดถึงหนทางแก้ไข แต่อวี่เหวินหยวนฮั่วกลับคิดว่าเฟิ่งชิงเฉินกำลังหลอกเล่น ทำให้เขากระตุ้นเสียจนต้องเอ่ยถาม
เฟิ่งชิงเฉิน ถูกเขารบเร้าเสียจนค่อนข้างรำคาญใจ อีกอย่างนางก็ไม่มีวิธีที่ดี จึงทำได้เพียงกล่าวถึงความคิดเมื่อครู่ที่มีความเป็นไปได้ค่อนข้างสูงว่า "อวี่เหวินหยวนฮั่ว ในเมื่อเบื้องบนไม่มอบให้เจ้า เจ้าก็ต้องพึ่งพาตนเอง"
เฟิ่งชิงเฉินดูไม่มีความมั่นใจเท่าไรนัก เนื่องจากสถานการณ์ของแต่ละประเทศแตกต่างกันไป
"พึ่งพาตนเอง? ให้พึ่งพาตนเองอย่างไร?" อวี่เหวินหยวนฮั่วเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ
ไม่นะ เสด็จอาเก้าไม่อยากจะช่วยเขา หรือบางทีเสด็จอาเก้าต้องการเห็นความสามารถของเขา?
ก็ไม่น่าใช่ คาดว่าเสด็จอาเก้าคงไม่อยากจะเข้ามายุ่งลึกซึ้งกว่านี้ เหตุเพราะเรื่องนี้จะส่งผลให้องค์จักรพรรดิรู้สึกไม่พอพระทัย หากว่าเสด็จอาเก้าจะช่วยเขา ก็คงจะช่วยอย่างลับๆ อวี่เหวินหยวนฮั่วดวงตาเป็นประกายแวววาวมองไปทางเฟิ่งชิงเฉินรอให้นางกล่าวต่อไป
"ยามรบเป็นทหาร ยามว่างเป็นประชาชนทั่วไป ในเมื่อช่วงนี้คงจะไม่มีสงครามใดแล้ว ทหารของพวกเจ้าทั้งหลายก็ควรเรียนรู้จะช่วยเหลือตนเอง พวกเจ้าขาดธัญพืชไม่ใช่หรือ? เช่นนั้นจงพาทหารของพวกเจ้าไปบุกเบิกพื้นที่แล้วปลูกพวกธัญพืชกิน อีกอย่างยังสามารถก่อตั้งโรงงานทหารขึ้นมาได้ เพื่อที่จะทำเงินทำกำไร จงใช้สิทธิในกำมือของเจ้าไปทำประโยชน์สร้างเงินสร้างทอง"
มีขุนนางคนใดบ้างที่ไม่ทำการค้า หากมีตำแหน่งละก็ ไม่ว่าจะค้าขายสิ่งใดล้วนค้าขายได้กำไรดี
ด้วยความสามารถของอวี่เหวินหยวนฮั่วด้านการทหารที่ไม่มีผู้ใดเทียบเท่าได้ หากเขายื่นมือเข้าไปข้องเกี่ยว คาดว่าคงจะมีแต่กำไรไม่มีขาดทุน
เฟิ่งชิงเฉินไม่รู้ว่าการที่นางเสนอไปเช่นนี้จะทำให้คนในรัฐบาลทั้งสี่เกลียดนางนัก เนื่องจากมีผู้ที่เข้ามาแย่งการค้าของพวกเขาไปเพิ่มขึ้นคนหนึ่ง
"ไม่ได้ ไม่ได้" อวี่เหวินหยวนฮั่วครุ่นคิดและส่ายหน้า "แม้ว่าบัดนี้จะไม่มีการสู้รบเกิดขึ้น แต่ตามปกติแล้วจะหยุดฝึกซ้อมไม่ได้ หากพวกเขาไปเป็นชาวนาจะเอาจิตวิญญาณที่ใดมาถือมีดฆ่าใครอีกได้? หากว่าทำการฝึกซ้อมอย่างขันแข็งก่อนสู้รบ ในยามทำสงครามจริงก็คงจะไม่ต้องนองเลือดมาก ทหารของตระกูลอวี่เหวินจะกลายเป็นกองฟางไม่ได้"
เฟิ่งชิงเฉิน ก็ยังไม่สามารถมั่นใจได้ว่าสมัยนี้ ไม่ว่าจะเป็นด้านอุตสาหกรรมหรือเกษตรกรรมล้วนยังไม่พัฒนา วิธีเดียวที่จะเพิ่มผลผลิตให้มากขึ้นนั่นก็คือเพิ่มแรงงานของมนุษย์
เพียงแค่เขาเพิ่มเข้าไปจำนวนเล็กน้อยบางส่วน ก็จะมีรายได้อย่างคาดไม่ถึงแน่นอน และหากว่าอวี่เหวินหยวนฮั่วทำเช่นนี้ละก็ สามารถทำให้องค์จักรพรรดิต้องขาดทุนและพูดไม่ออก
เพราะถึงอย่างไรองค์จักรพรรดิก็ไม่ได้ให้อวี่เหวินหยวนฮั่วปลดทหาร ในมือของเขายังมีทหารถึงสามแสนคนที่สามารถนำมาใช้งานได้
แล้วตอนนี้เล่า? พวกเขาทำเพื่อประเทศแต่กลับต้องสูญเสียสุขภาพร่างกายแข็งแรงของตนไป อีกทั้งไม่สามารถเลี้ยงดูครอบครัวได้ เห็นได้ชัดว่าองค์จักรพรรดิไร้ซึ่งมนุษยธรรม
เฟิ่งชิงเฉินกำมือแน่น พยายามระงับความหดหู่ในใจเอาไว้
นางไม่ใช่นักบุญ นางไม่อาจเปลี่ยนแปลงโลกนี้ได้ นางจึงทำได้เพียงพยายามอย่างสุดความสามารถอันน้อยนิดของตน
"ตกลงเอาตามนั้น" อวี่เหวินหยวนฮั่วเอามือตบโต๊ะแล้วกล่าวด้วยท่าทางตื่นเต้นว่า "เฟิ่งชิงเฉินวิธีนี้ดียิ่งนัก ข้าจะส่งคนไปจัดการทันที เมื่อเป็นเช่นนี้ทหารของข้าในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องของการกิน"
ด้วยเหตุนี้เอง อวี่เหวินหยวนฮั่วจึงมองเสด็จอาเก้าสูงขึ้นกว่าเดิม
เสด็จอาเก้าไม่ได้ใช้โอกาสนี้ในการบีบบังคับเขา แต่กลับสอนถึงวิธีการแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุ เท่านี้อวี่เหวินหยวนฮั่วก็จะไม่ถูกผู้ใดบังคับ
"หากช่วยเจ้าได้ก็ดีแล้ว" เฟิ่งชิงเฉินได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
คิดไม่ถึงว่าวิธีนี้จะได้ผลจริงๆ
"แน่นอนว่าสามารถช่วยข้าได้เป็นอย่างดี ข้าขอตัวไปจัดการธุระก่อน สองสามวันมานี้ทำข้าปวดหัวแทบแย่" สีหน้าของอวี่เหวินหยวนฮั่วดูยินดีแล้วรีบลุกขึ้นเดินจากไป
เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้กล่าวอย่างละเอียด หากว่าจะนำไปใช้งานจริงๆ ล่ะก็ไม่ได้ง่ายเหมือนกับพูด แต่ก็ไม่เป็นไร แค่พวกเขามีแนวทางก็พอแล้ว ที่เหลือก็คงต้องรอให้มู่เหลียวไปจัดการ
อวี่เหวินหยวนฮั่วตัดสินใจว่าหลังจากที่ได้รับรายละเอียดจากมู่เหลียวถึงวิธีการปฏิบัติต่างๆ แล้ว เขาจะเดินทางไปที่จวน ของเสด็จอาเก้าด้วยตนเอง เสด็จอาเก้าสามารถคิดวิธีเลี้ยงดูทหารเหล่านั้นได้ อีกทั้งยังพิจารณาถึงทหารทุพพลภาพ ช่างน่านับถือยิ่งนัก
ใบหน้าของอวี่เหวินหยวนฮั่วเต็มไปด้วยความปลื้มปีติ เขาอยากจะไปเสียตอนนี้เหลือเกิน แต่เมื่อเดินไปถึงปากประตู ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงเรื่องที่ใหญ่โตกว่านี้ขึ้นมาได้……
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ
ไม่ต่อให้จบเหรอคะ นานแล้ว แวะมาบอกกล่าวกันบ้าง...
ขอบคุณน่ะค่ะที่ต้องอดหลับอดนอนอัพเดต สู้ๆๆๆๆน่ะค่ะเป็นกำลังใจให้ค่ะ ผู้อ่านก็ไม่ได้หลับได้นอนเหมือนกัน ติดงอมเลย...
ง่ายๆๆยึดอำนาจ...
มาต่อได้ไหมมมมมมมม พลีสสสสสสสสสสสสสสสสส...
Update ให้หน่อยค่ะ จอดอยู่ที่ 1430 นานแล้ว ขออีกสัก 29 ตอนนะคะ Pleaseeeeee Admin ที่น่ารัก...
ไม่อัพเดตแล้วหรอค่ะ...
สามารถซื้ออ่านผ่านช่องทางไหนได้บ้างค่ะ...
ไทม์ไลน์บอก อัพถึง บท1459 แต่ยังดูได้แค่ บท1430...
Update ให้หน่อยคร่า รออ่านอยู่ คร่า...
ไม่ Update นานแล้ว ไปเที่ยวเพลินเลย สงสารคนรอเถอะ เข้ามาทุกวัน อ่านช้ำไป 2 รอบแล้ว...