นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 165

"เฟิ่งชิงเฉินผู้ใดกัน? ไม่เคยได้ยินเลย" ซูหว่านย่นจมูกเล็กน้อย เพื่อสื่อว่านางมิได้ตั้งใจจะดูถูก เพียงแต่เอ่ยความจริงขึ้นมาเท่านั้น

"เป็นเรื่องปกติ เพราะข้าเองก็มิเคยได้ยินชื่อของแม่นานเช่นกัน" หากว่าเพียงแค่เรื่องนี้ เฟิ่งชิงเฉินถึงกับต้องโมโห คงจะดูโง่เง่ายิ่งนัก

นางหาใช่บุคคลที่โด่งดังเช่นหวังจิ่นหลิงไม่ มิเคยได้ยินชื่อนางย่อมไม่แปลกอยู่แล้วไม่ใช่หรือ

ซูหว่านพลันมองเฟิ่งชิงเฉินด้วยสายตาเย้ยหยัน ทั้งยังแฝงไปด้วยความดูถูกมากมาย ทั้งยังเห็นอกเห็นใจและปนความสงสารไปในคราเดียวกัน

เฟิ่งชิงเฉิน สตรีน่าขันยิ่งนัก นางคิดว่าตนเองเป็นสิ่งใดกัน

น่าเบื่อยิ่งนัก เฟิ่งชิงเฉินคร้านที่จะใส่ใจสตรีตรงหน้าไปในทันที ทว่า ซูหว่านกลับมิคิดปล่อยนางไปโดยดี ทั้งยังสั่งให้สาวใช้ที่ถือโคมไฟเข้ามากล่าวสั่งสอน

"สตรีบ้าน ๆ ไร้การสั่งสอน แม้แต่คุณหนูของข้าก็ยังมิรู้จัก ตั้งใจฟังให้ดี คุณหนูของข้าคือบุตรีของตระกูลซูแคว้นหนานหลิง จักรพรรดิของแคว้นหนานหลิงเป็นพี่เขยของคุณหนู ไท่ซั่งหวงและไทเฮาเป็นท่านป้าของคุณหนู ฮูหยินของหัวหน้าเมืองเย่เฉิงก็เป็นท่านป้าของคุณหนู หวังกุ้ยเฟยแคว้นเป่ยหลิงเป็นลูกพี่ลูกน้องของคุณหนู"

ยามที่สาวใช้กำลังจะสาธยายประวัติของนางออกมานั้น ซูหว่านก็พลันโบกมือให้หยุดโดยมิได้สนใจอันใดอีก

"พอแล้ว หงซิ้ว"

แต่ทว่า หากนางมิคิดสนใจจริง ๆ จักเรียกสาวใช้ให้ออกมาทำไมกัน เฟิ่งชิงเฉินยังคงมองภาพตรงหน้าและแย้มยิ้มออกมา

"เพคะ คุณหนู" หงซิ้วรีบหยุดพูดไปในทันที พร้อมทั้งทำความเคารพและถอยกลับไปที่เดิมของนาง แต่ก็ยังมิลืมที่จะเอ่ยเตือนเฟิ่งชิงเฉินขึ้นมา "ตอนนี้ คงรู้แล้วกระมัง ว่าคุณหนูของข้าคือผู้ใด?"

"อื้ม รู้แล้ว เป็นน้องสาวของฮองเฮา เป็นหลานสาวของไท่ซั่งหวงและไทเฮา เป็นน้องสาวของกุ้ยเฟย แต่ของพวกนี้เกี่ยวข้องอันใดกับคุณหนูของพวกเจ้ากัน? คุณหนูของพวกเจ้าเป็นพระชายาของราชวงศ์คนใดงั้นหรือ?" เฟิ่งชิงเฉินแย้มยิ้มพลางมองที่ซูหว่านด้วยความขบขัน

หัวโขนใหญ่ยิ่งนัก แต่มันเกี่ยวข้องอันใดกับนางเล่า ก็เป็นสตรีที่หวังพึ่งแต่ตระกูลของตนมิใช่หรือ ทำตัวยโสโอหังเช่นนี้ น่าขายหน้ายิ่งนัก

บุรุษตระกูลซู กินอันใดเป็นอาหารกัน

"ช่างกล้านัก ฐานะคุณหนูของพวกข้าสูงส่ง ใช่เรื่องที่สตรีบ้านป่าเช่นเจ้าจะมาพูดถึงได้หรือ" สีหน้าของหงซิ้วพลันมืดลง พลางเอ่ยออกมาด้วยความแข็งกร้าว

เดี๋ยวก็สตรีบ้าน ๆ เดี๋ยวก็สตรีบ้านป่า ความหมายของสาวใช้ผู้นี้ คือไม่รู้ที่มาที่ไปของเฟิ่งชิงเฉินกระมัง ถึงได้บังคับให้นางเงยหน้ามองสตรีที่สูงส่งเช่นซูหว่านเช่นนี้

แม้แต่รูปปั้นยังมีอารมณ์ถึงสามอารมณ์ อีกทั้ง เฟิ่งชิงเฉินหาใช่รูปปั้นไม่

เฟิ่งชิงเฉินพลันพ่นลมหายใจออกมาด้วยความเย็นชา พลางเอ่ยขึ้นมาว่า "ฐานะสูงส่งแล้วอย่างไร? คุณหนูของพวกเจ้าสูงส่งแล้วเป็นอย่างไร? ถึงกระนั้น ก็อยู่ที่แคว้นหนานหลิงมิใช่หรือ แม่นางซูอย่าได้ลืมไป ที่นี่คือตงหลิง ข้าจำได้ว่า ตงหลิงฮองเฮากับกุ้ยเฟยหาได้สกุลซูไม่ หากจะมาแสดงตัวตนในแคว้นตงหลิง ก็รอให้สตรีสกุลซูของพวกเจ้าแต่งเข้าแคว้นตงหลิงก่อน ค่อยมาพูดยกตนข่มท่านเถิด"

หรือว่า สตรีนางนี้ต้องการจะแต่งเข้าแคว้นตงหลิงจริง ๆ หรือนางเล็งเสด็จอาเก้าเอาไว้?

เฮ้อ เสด็จอาเก้าเป็นผู้ใดกัน ที่ใครๆ จะเลือกเสด็จอาเก้าก็ได้งั้นหรือ สตรีสกุลซูคงต้องผิดหวังแล้ว

เฟิ่งชิงเฉินพลันส่งเสียงหัวเราะออกมาด้วยความเย้ยหยัน จากนั้นจึงเหลือบตามองไปยังซูหว่าน ด้วยความรู้สึกสงสารปนไปด้วยความรู้สึกเห็นอกเห็นใจ

สตรีสกุลซู แม้มีฐานะสูงส่งแล้วอย่างไรเล่า นางก็เป็นเพียงแค่หมากตัวนึงมิใช่หรือ ทั้งยังเป็นหมากที่มีราคามากนัก ทั้งยังสามารถนำไปวางไว้ในมือผู้ใดก็ได้อีก

ข้าละเห็นใจเจ้าจริง ๆ ซูหว่าน!

เฟิ่งชิงเฉินกล่าวออกมาอย่างเงียบ ๆ ดูเหมือนว่าจะเป็นความจริง

ซูหว่านพลันกำหมัดในมือแน่น สีหน้าพลันเปลี่ยนไปในทันที ยามที่กำลังคิดที่จะเอ่ยออกมานั้น ก็พลันหันไปเห็นว่าเสด็จอาเก้ากำลังยืนอยู่ที่นี่ จึงรีบร้อนสงบสติอารมณ์พร้อมกับไปแย้มยิ้มไม่เปลี่ยนเช่นเดิม

เฟิ่งชิงเฉินได้แต่แอบชื่นชมนางอยู่ภายในใจ

สตรีสกุลซูไม่เพียงแค่หน้าตาดีเท่านั้น ทั้งทักษะการแสดงสีหน้ายังเป็นเลิศอีกด้วย หาใช่ว่าผู้ใดจะเทียบเคียงพวกนางได้เลย

ซูหว่าน สตรีสกุลซู มิใช่คนที่เล่นได้ด้วยเลยแม้แต่น้อย หากสตรีเช่นนางได้แต่งเข้าแคว้นตงหลิงนั้น เกรงว่าแคว้นตงหลิงคงเปลี่ยนไปไม่น้อยเลยทีเดียว

เมื่อได้ยินภูมิหลังของซูหว่านนั้น เฟิ่งชิงเฉินก็มั่นใจได้ว่า ระหว่างเสด็จอาเก้ากับสตรีนางนี้ หาได้มีความเกี่ยวข้องกันไม่ หากมีความเกี่ยวข้องกัน เสด็จอาเก้าก็ย่อมตัดขาดนาง เสด็จอาเก้าที่แข็งแกร่งและมีคุณธรรมเช่นนี้ จะมาเหมาะสมกับสตรีที่มีจิตใจดำมืดเช่นสตรีสกุลซูผู้นี้ได้อย่างไรกัน

ซูหว่านอยากจะปรี่เข้าไปตบหน้าเฟิ่งชิงเฉินยิ่งนัก แต่ก็คิดว่าแผนการนี้อาจจะไม่สำเร็จ ทั้งยังทำให้นางเสียหน้าต่อหน้าเสด็จอาเก้าอีก

"เจ้ากลับไปได้แล้ว" ใช้การเสร็จ ก็พลันรื้อสะพานข้ามแม่น้ำทิ้งไปในทันที ผู้ใดใช้ให้คนผู้นี้คือเสด็จอาเก้าเล่า

"เสด็จอาเก้า ท่านจะมิตรวจสอบสิ่งของด้านในดูหน่อยหรือ?" แววตาของซูหว่านพลันแปล่งประกายออกมา

"เปิ่นหว่างเชื่อในความสามารถของตระกูลซู มิเช่นนั้น เปิ่นหวางไม่จำเป็นจักต้องมานั่งรอภายในป่าเป็นครึ่งค่อนคืนเช่นนี้" แม้ว่าคำพูดของตงหลิงจิ่วจะดูเป็นธรรมชาติยิ่งนัก แต่มันกลับทำให้ทั่วร่างของซูหว่านหนาวสั่นได้

ความหมายของเสด็จอาเก้าก็คือ ตระกูลซูมิกล้าโกหกเขา การที่เสด็จอาเก้าต้องมารั้งรอยู่ในป่าเช่นนี้ ตระกูลจักต้องชดใช้ ในไม่ช้าก็เร็วนี้

ริมฝีปากของซูหว่านพลันสั่นเทา ภายในใจรู้สึกเป็นกังวลยิ่งนัก เมื่อได้ยินคำพูดของลูกพี่เย่แล้ว การที่ให้เสด็จอาเก้ามารออยู่ที่นี่ เป็นเรื่องที่ผิดพลาดแล้วกระมัง

ซูหว่านที่ยืนอยู่เช่นนั้น พลันลังเลที่จะเอ่ยอันใดบางอย่างออกมา

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ หากซูหว่านจะกล่าวคำอธิบายออกไปอย่างไรก็คงไร้เหตุผล ในยามนี้ ได้แต่ภาวนาให้ลูกพี่ลูกน้องของนาง รอดพ้นจากการคิดบัญชีของเสด็จอาเก้าด้วยเถิด มิเช่นนั้น ดวงซวยอาจจะตกมาที่เย่เฉิงก็เป็นได้

เมื่อสูดลมหายใจเข้าไปลึก ๆ แล้ว ก็พลันเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง หากแต่ในแววตาของซูหว่าน หาได้มีร่องรอยความวิตกกังวลอันใดขึ้นมาเลยแม้แต่น้อย ทั้งยังถอยกายออกไปด้วยความสงบเสงี่ยม

ตงหลิงจิ่วเองก็มิได้รั้งนางไว้ อีกทั้งยังไม่มีความคิดที่จะรั้งแขกเช่นนี้ไว้ด้วย

ซูหว่านพลันแย้มยิ้มเต็มใบหน้า ก่อนที่จะเดินออกไปนั้น พลันหันมากล่าวกับเฟิ่งชิงเฉินว่า "แม่นางเฟิ่ง พวกเราจักได้พบกันอีกแน่"

ข้า ซูหว่านจักมาเยือนแคว้นตงหลิงอีก

"ข้าก็คิดเช่นนั้น" เฟิ่งชิงเฉินพอจะจำเค้ารางได้ว่า ใกล้จะถึงวันครบรอบของจักรพรรดิตงหลิง หากสกุลซูต้องการส่งบุตรสาวมาปรองดองกับตงหลิงนั้น คงจักใช้โอกาสในยามนี้กระมัง

แต่ทว่า จะแต่งให้ผู้ใด หาใช่ปัญหาที่เฟิ่งชิงเฉินต้องมาขบคิดไม่

"เสด็จอาเก้า หวังว่าเราจะได้พบกันอีกเพคะ" ซูหว่านเหลือบตามองตงหลิงจิ่วด้วยความอาวรณ์

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ