นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 187

"ของพวกนี้คือ" เฟิ่งชิงเฉินชี้ไปยังรถม้าที่ค่อย ๆ ขนของเข้ามาที่ละคัน ด้วยท่าทีที่ตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง สิ่งที่น่าตกใจไปมากกว่านั้น ในบรรดาสิ่งของที่ถูกขนลำเลียงเข้ามา มีไข่มุกราตรีขนาดใหญ่ประมาณสิบกว่าเม็ดอีกด้วย

นี่เป็นฝีมือผู้ใดกัน เหตุใดถึงใจใหญ่ยิ่งนัก

เฟิ่งชิงเฉินค่อย ๆ กลืนน้ำลายลงไป นางยอมรับ ว่านางตื่นเต้นเป็นอย่างมาก

ไข่มุกราตรีเชียวนะ มีเงินก็มิได้จะซื้อของพวกนี้ได้ อีกทั้งยังมีตั้งสิบกว่าเม็ดอีกด้วย นำมาวางอยู่ในห้องผ่าตัดเช่นนี้ พร้อมกับวางกระจกเอาไว้ในห้องผ่าตัดอีกสองสามบาน ย่อมต้องให้ความสว่างได้ดีอย่างแน่นอน

"แม่นางเฟิ่ง มีคำสั่งจากท่านแม่ทัพให้นำวัสดุเหล่านี้มาส่งให้ท่านขอรับ ท่านแม่ทัพอวี่เหวินกล่าวว่า หากแม่นางเฟิ่งขาดเหลือสิ่งใด เพียงแค่เอ่ยปากบอก เขาจะจัดการหามาให้ท่านในทันที แม้ว่า ท่านแม่ทัพจะหามาให้ไม่ได้ ก็ย่อมต้องมีคนหามาให้ได้แน่นอนขอรับ" แม่ทัพเว่ยที่อยู่ในเครื่องมีสีหน้าที่สดใสกล่าวออกมา ดูจากท่าทางแล้ว เขาคงจะได้รับหน้าที่สำคัญอย่างแน่นอน

ทันใดนั้น รอยยิ้มของเฟิ่งชิงเฉินพลันแข็งค้างไปในทันที มีคนหาให้ได้งั้นหรือ

ฮึ เฟิ่งชิงเฉินพลันแย้มยิ้มออกมาด้วยความเย็นชา ที่แท้ ของพวกนี้ก็เป็นเสด็จอาเก้าที่นำมาให้นาง

นี่มันหมายความว่าอันใดกัน? ขอบคุณนางงั้นหรือ?

เมื่อเห็นท่าทีของเฟิ่งชิงเฉินตกอยู่ในภวังค์นั้น แม่ทัพเว่ยจึงได้เรียกขานนางอีกครั้ง

หากแต่เฟิ่งชิงเฉินเพียงทำเสียงแข็ง พูดตัดบทออกมาว่า "มิต้องแล้ว บอกกับท่านแม่ทัพอวี่เหวินว่า ของพวกนี้มันมากเกินไป"

นางเพียงแค่ทำตามทุกอย่างที่ใจต้องการเท่านั้น มิได้คิดถึงสิ่งตอบแทนใด ๆ เหมือนกับ ในยามที่นางเอ่ยขอร้องซู่ชินอ่องและกลุ่มหมอหลวงเช่นกัน

ทว่า ในเมื่อเสด็จอาเก้าต้องการนำมาให้เช่นนี้ เพื่อต้องการให้ความสัมพันธ์เรานั้นใสสะอาด นางก็จักทำตามที่สด็จอาเก้าปราถนา

ภายในใจของเฟิ่งชิงเฉินรู้สึกเจ็บปวดยิ่งนัก ทว่า ก็ทำได้แค่อดทนเอาไว้

เมื่อแม่ทัพเว่ยเห็นท่าทางของเฟิ่งชิงเฉินมิค่อยมีความสุขนั้น ก็มิกล้าเอ่ยอันใดออกมาให้มากความ พลางออกคำสั่งให้นายทหารขนของเข้าไปในจวนแทน พลางหันกลับมายืนข้างกายของเฟิ่งชิงเฉินดังเดิม ราวกับมีเรื่องที่อยากจะพูดคุยอีก

"ท่านแม่ทัพเว่ยเชิญกล่าว" นางมิชอบใจในท่าทีอมพะนำของท่านแม่ทัพเว่ยเลยแม้แต่น้อย เป็นชายชาติทหารทั้งที เหตุใดต้องมีท่าทางเช่นนี้ด้วย ถึงแม้ว่าเฟิ่งชิงเฉินจะไม่ค่อยชอบใจนัก แต่นางก็มิได้โมโห

"เอ่อ แม่นางเฟิ่ง มิรู้ว่า ในยามนี้ ท่านมีเวลาว่างหรือไม่? ฮูหยินของข้า นาง" หน้าผากของแม่ทัพเว่ยเต็มไปด้วยเหงื่อมากมาย เขาเป็นถึงแม่ทัพ ทว่า ยามที่เผชิญหน้ากับเฟิ่งชิงเฉินในแต่ละครั้ง ราวกับมีความกดดันบางอย่างที่มองไม่เห็นกดบพอยู่ จึงทำให้เขารู้สึกว่าต้องเคารพนาง

"ฮูหยินของท่านมาแล้วหรือ? เหตุใดถึงไม่รีบบอกเล่า รีบพาฮูหยินของท่านไปที่ห้องไม้ด้านใน" นับว่ามาได้ถูกที่ถูกเวลา เฟิ่งชิงเฉินกำลังต้องการทำงาน เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของตนอยู่พอดี

โรคต้อกระจกของเว่ยฮูหยินนั้น เฟิ่งชิงเฉินได้เตรียมตัวนานแล้ว เหลือเพียงแค่รอเว่ยฮูหยินมาหานางเท่านั้น

หมอมิมีสิทธิ์เลือกรักษาผู้ป่วย อีกทั้งยังไม่มีสิทธิ์เลือกฤกษ์งามยามดีในการรักษาผู้ป่วยอีกเช่นกัน หากอาการของเว่ยฮูหยินดีขึ้นเมื่อใด ก็สามารถทำการผ่าตัดได้ในทันที

"ขอรับ ขอรับ" ท่านแม่ทัพเว่ยหรือ จะกล้าเอ่ยอันใดออกมาอีก แต่เดิมเขาอยากจะให้พลทหารไปพามา ทว่า เมื่อเห็นท่าทีของเฟิ่งชิงเฉินนั้น เขาจึงไปรับฮูหยินและพามาที่ห้องไม้เองจะดีกว่า

นั่นทำให้เว่ยฮูหยินมีความสุขยิ่งนัก เมื่อรู้ว่า ท่านแม่ทัพเว่ยสนใจนาง นอกจากงานในกองทัพเป็นครั้งแรก

เฟิ่งชิงเฉินรีบมาที่ห้องไม้ในทันที พร้อมกับแต่งตัวด้วยความรัดกุม เมื่อเว่ยฮูหยินมาถึงนั้น เฟิ่งชิงเฉินก็ได้ทำการตรวจร่างกายนางอีกรอบ

การบำรุงร่างกายของเว่ยฮูหยินเป็นไปได้ด้วยดี ในคราแรกดูอันตรายยิ่งนัก เนื่องจากว่า นางได้รับความห่วงใยที่หาได้ยากจากแม่ทัพเว่ย อารมณ์จึงดีขึ้นเป็นเท่าตัว เมื่อเฟิ่งชิงเฉินจัดการอารมณ์ของตนเองเรียบร้อยแล้วนั้น ก็ได้ทำการพูดคุยกับเว่ยฮูหยินเสียหลายประโยค เพื่อให้นางผ่อนคลาย

การผ่าโรคตัดต้อกระจกนั้น คือการเอาเลนส์ในตาออก แล้วใส่เลนส์เทียมเข้าไปในดวงตาใหม่ ฟังดูอาจจะง่าย แต่การลงมือทำจริงไม่ง่ายดายนัก

เนื่องจากดวงตามีความบอบบางเป็นอย่างมาก ทุกการเคลื่อนไหวต้องระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้ง ยังต้องรักษาระดับความเข้มข้นสูงเอาไว้ เพื่อไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อนในระหว่างการผ่าตัดได้

เป็นเพราะใช้เวลานาน ในการเตรียมตัวสำหรับการผ่าตัด ทว่ายามที่ลงมือทำนั้น กลับใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วยาม ทุกอย่างก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว

ยามที่เฟิ่งชิงเฉิน เข็นร่างของเว่ยฮูหยินออกมานั้น ก็พลันเห็นแม่ทัพเว่ยกำลังสั่งให้ลูกน้องขนของอยู่พอดี เฟิ่งชิงเฉินจึงเรียกเขา ให้มาพาเว่ยฮูหยินไปนอนพักที่ห้องพักฟื้น

ที่จริงแล้ว หลังจากการผ่าตัดต้อกระจกเสร็จสิ้น จะต้องนอนนิ่ง ๆ อยู่บนเตียง เป็นเวลาหนึ่งชั่วยาม แล้วจึงจะสามารถนำยากลับบ้านได้ แต่ทว่า เพื่อความปลอดภัย เฟิ่งชิงเฉินยังอยากให้เว่ยฮูหยินพักดูอาการอยู่ในจวนเฟิ่งเสียสองสามวัน ถึงอย่างไรนางก็มิต้องคอยดูแลอยู่แล้ว

"ท่านหมอเฟิ่ง ฮูหยินของข้า?" แม่ทัพเว่ยมองไปยังสตรีที่นอนอยู่บนเตียงผ่าตัด พร้อมกับดวงตาที่มีผ้าสีขาวพันเอาไว้ เขาไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตาเห็นเลย

"การรักษาประสบความสำเร็จอย่างมาก หลังจากฤทธิ์ยาชาหายไปแล้ว นางก็จักฟื้นขึ้นมาเอง นางจักสามารถเห็นได้ตามปกติภายในห้าวันหลังจากนี้ ระวังอย่าให้น้ำเข้าตา วันนี้ฮูหยินต้องทานอาหารเบา ๆ ไปก่อน ข้าจักมาดูอาการของฮูหยินทุก ๆ เช้า อ้อ อีกอย่าง ฮูหยินยังต้องอยู่ที่นี่อีกสองสามวัน ท่านก็จัดเตรียมกายใช้มาคอยปรนนิบัติหน่อยเถิด"

พูดจบ ก็พลันล็อกห้องผ่าตัดไว้ด้านในและเดินจากไปในทันที

นางยุ่งเป็นอย่างมาก หลังการผ่าตัดเสร็จ นางจะต้องไปหาโจวสิง เพื่อต้มน้ำและนางจะต้องมาทำความสะอาดและฆ่าเชื้อในห้องผ่าตัดอีก

เฮ้อ นางต้องการผู้ช่วยสักคน ซุนซือสิงเจ้าจักมาหรือไม่ หากเจ้าไม่มา ข้าจักได้ไปตามหาลูกศิษย์คนอื่น

พูดถึงโจโฉ โจโฉก็มาพอดีเลย เพียงแค่เฟิ่งชิงเฉินย่างกรายเข้าไปในห้องโถง ก็พลันเห็นทั้งซุนเจิ้งเต้าและซุนซือสิงอยู่ด้านใน พร้อมกับข้างกายที่มี

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ