นางไม่ได้เป็นอะไรกับเสด็จอาเก้าสักหน่อย อีกอย่างต่อให้นางเป็นอะไรกับเสด็จอาเก้าจริงๆ แล้วอย่างไรเล่า ในตอนนั้นองค์จักรพรรดิใช้ความเป็นความตายของตงหลิงจื่อลั่วมาจัดการกับเสด็จอาเก้า บัดนี้เสด็จอาเก้าคิดจะจัดการนาง ในสายตาของราชวงศ์ล้วนคิดว่าเป็นเรื่องปกติ
ในเวลานี้ นางไม่ได้คิดจะหาวิธีจัดการ แต่กลับจมอยู่ในความโศกเศร้าที่ถูกเสด็จอาเก้าหลอกใช้ นางช่างโง่เง่าสิ้นดี
หากเจอคนของเสด็จอาเกาที่ตีนเขาก็คงดี ดูจากปฏิกิริยาของพวกเขาแล้วก็รู้ได้ว่าเสด็จอาเก้าจะไม่ฆ่านาง แต่หากเจอเข้ากับคนอื่นๆ เล่า นางจะยังคงโชคดีเช่นนี้ไหม? ดังนั้น หากจะพึ่งพาคนอื่น สู้พึ่งพาตนเองไม่ดีกว่า
ใช้โอกาสจากการที่หนานหลิงจิ่นฝานหลบหนี เฟิ่งชิงเฉินหยิบอาวุธที่ซ่อนไว้ในแขนเสื้อออกมา นางกำลังนึกอยู่ในใจว่าจะต้องหาโอกาสแอบยิงหนานหลิงจิ่นฝานให้ได้ สำหรับข้อตกลงก่อนหน้านี้กับหนานหลิงจิ่นฝานน่ะหรือ
ล้อเล่นหรือไร? ข้อตกลงเช่นนั้นทั้งนางและหนานหลิงจิ่นฝานล้วนไม่เชื่อ หากเชื่อล่ะก็คงจะโง่เง่าเป็นแท้
อีกอย่าง นางพอจะมองออกว่าหนานหลิงจิ่นฝานมีความคล้ายคลึงกับโจวสิง คนอื่นก็มองออกเช่นกัน การที่หนานหลิงจิ่นฝานยังอยู่ที่นี่ เห็นได้ชัดว่าเป็นหายนะอย่างแน่นอน ต่อให้เขาไม่ตายก็ต้องให้เขาส่งกลับไปที่หนานหลิง
สิ่งแรกที่นางกลับไปถึงแล้วจะทำก็คือจัดการกับโจวสิงเสีย บุคคลเช่นนี้นางไม่อาจรับเอาไว้ใช้ได้
หลังจากเรื่องของโจวสิง นางจึงได้เข้าใจว่าไม่ควรเอาความรู้สึกมาใช้เล่นๆ พวกบรรดาขายตนเพื่อนำเงินไปฝังบิดาอะไรเหล่านั้น ไม่ใช่ว่านางจะซื้อมาได้สุ่มสี่สุ่มห้า มิเช่นนั้นคงจะสร้างปัญหาให้ตนเองไม่น้อย
หนานหลิงจิ่นฝานไม่รู้ว่าเฟิ่งชิงเฉินฟื้นจากการโจมตีของเสด็จอาเก้าแล้ว ดังนั้นท่าทางการป้องกันเฟิ่งชิงเฉินของเขาจึงค่อนข้างอ่อนลง หรือบางทีอาจกล่าวได้ว่า ชายในโลกนี้โดยมากมักจะเห็นว่าสตรีอ่อนแอ คิดว่าเหล่าสตรีนั้นกระทำการใดๆ เพียงด้วยความรู้สึก
เพื่อหนีการล้อมของทหารตงหลิง หนานหลิงจิ่นฝานจึงรีบวิ่งเข้าไปในป่าลึกอย่างไม่หยุดหย่อน ไม่รู้ว่าสัตว์ร้ายในป่านั้น ตกใจหรือเป็นเพราะหนานหลิงจิ่นฝานโชคดีกันแน่ เพราะเขาไม่พบเข้ากับสัตว์ร้ายใดๆ เลย
ท้องฟ้ามืดครึ้มลงเรื่อยๆ เฟิ่งชิงเฉินไม่กล้าอยู่ในป่าเพียงลำพัง เนื่องจากเกรงว่าจะเจอเข้ากับฝูงสัตว์ร้าย เมื่อถึงเวลานั้นแม้นางจะมีปืนสำหรับป้องกันตัว แต่ก็ไม่แน่ว่าจะจัดการได้ดีหรือไม่ เป็นการดีที่จะมีคนมาอยู่เป็นเพื่อน
อีกอย่าง บัดนี้ยังไม่พ้นขีดอันตราย หนานหลิงจิ่นฝานก็คงจะไม่ฆ่านาง ทั้งสองคนลากกันไปเช่นนั้นจนกระทั่งรุ่งสาง ความมืดถูกบดบัง ท้องฟ้าค่อยๆ สว่างไสว เฟิ่งชิงเฉินรู้ว่าหากไม่จัดการเจ้าหมอนี่คงไม่ได้แล้ว
สาม......
สอง......
หนึ่ง......
เฟิ่งชิงเฉินแอบนับเวลาถอยหลังอยู่ในใจที่จะลงมือ แต่ทันใดนั้นหนานหลิงจิ่นฝานก็ดึงบังเหียนม้าหยุดลง เฟิ่งชิงเฉินตกใจรีบเก็บมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ แววตาแฝงถึงความกังวลแวบเข้ามา
หนานหลิงจิ่นฝานรู้ตัวแล้วหรือ?
"ผู้ใด ออกมา!" หนานหลิงจิ่นฝานตะโกนเข้าไปในป่าเขาแล้วดึงดาบออกมา เนื่องจากไม่รู้ว่าเป็นผู้ใด หนานหลิงจิ่นฝานเองก็ไม่ได้วางกระบี่ไว้ที่คอของเฟิ่งชิงเฉิน
ฟู่…… เฟิ่งชิงเฉินถอนหายใจออกมา
ท่ามกลางความเงียบสงบ เมื่อเฟิ่งชิงเฉินคิดไปว่าหนานหลิงจิ่นฝานคงคิดมากไปเอง ทันใดนั้นก็มีเงาสีดำร่วงลงมาจากต้นไม้ พุ่งเข้ามาดูดเหมือนวิหก ดาบยาวพุ่งออกไปปัดมีดในมือของหนานหลิงจิ่นฝานออก แล้วเอื้อมมือไปคว้าเฟิ่งชิงเฉินซึ่งอยู่ในอ้อมแขนของเขามา
ทุกสิ่งอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วเหลือเกิน ทั้งหนานหลิงจิ่นฝานและเฟิ่งชิงเฉินล้วนยังไม่ได้สติกลับคืนมา
ผู้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏกายขึ้นคือใครกัน……
แม้จะกล่าวว่าอำนาจบนโลกเมื่อแตกแยกกันไปนานท้ายที่สุดแล้วก็จะรวมกัน และเมื่อรวมกันนานแล้วท้ายที่สุดก็จะต้องแยกจาก แต่นี่เพิ่งจะแยกออกไปเหตุใดจึงคิดจะร่วมเป็นหนึ่งอีก แต่ละคนล้วนมีความฝันที่จะรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่ง แต่กลับไม่มีใครดูว่าตนมีความสามารถนั้นหรือไม่
"ใช้คนอย่าระแวง คนระแวงอย่าใช้ จอมยุทธหลานลองครุ่นคิดดูอีกทีเถิด แม้ท่านจะเป็นคนตงหลิง แต่ก็ร่อนเร่ไปทั่วยุทธจักร ท่านเป็นอิสระไม่ใช่ขุนนางในตงหลิง"
"อีกอย่าง จอมยุทธหลานคงจะเข้าใจสถานการณ์ในราชวงศ์ของตงหลิงดี ความสามารถในการควบคุมของจักรพรรดิตงหลิงค่อนข้างอ่อนแอ นายพลแม่ทัพผู้มีชื่อเสียงในตงหลิงมากมายนัก ไม่มีพื้นที่พอที่จะให้ท่านได้แสดงความสามารถของตนเอง ทว่าที่หนานหลิงกลับแตกต่างออกไป หนานหลิงต้องการผู้มีความสามารถเช่นท่าน" หนานหลิงจิ่นฝานต้อนรับเขาจากใจจริง
เขารู้ดีว่าผู้ที่ร่อนเร่พเนจรเช่นจอมยุทธหลาน หลานจิ่วชิงนี้ หากวันใดที่สามารถใช้เขาได้ เขาก็จะไม่เปลี่ยนใจอย่างแน่นอน น่าเสียดายเหลือเกินที่ความคิดนั้นมักจะสวยงาม แต่ความเป็นจริงช่างโหดร้าย หลานจิ่วชิงจะไม่ยอมรับใช้เขาอย่างแน่นอน
"ขอบคุณสำหรับความมีเมตตาขององค์ชายสาม บัดนี้ข้าไม่มีแผนที่จะรับใช้ผู้ใด" หลานจิ่วชิงปฏิเสธโดยสิ้นเชิง
ขณะเดียวกันก็ได้เอ่ยเตือนด้วยความหวังดีว่า "องค์ชายสามบัดนี้ท้องฟ้าสว่างขึ้นแล้ว ในมือของท่านไม่มีเครื่องรางคุ้มกัน หากยังไม่รีบไปอาจจะสายเกิน"
เมื่อถูกปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่า สีหน้าของหหนานหลิงจิ่นฝานจึงไม่น่ามองนัก ในเมื่อไม่อาจนำมาเป็นผู้รับใช้ฝ่ายตนได้ เช่นนั้นก็คงจะต้องฆ่า แต่เมื่อลองประเมินความแข็งแกร่งของตนและหลานจิ่วชิงดู หนานหลิงจิ่นฝานพบว่าหากพวกเขาลงมือต่อสู้กัน ตัวเขาไม่อาจจะชนะได้เลย
บัดนี้เฟิ่งชิงเฉินอยู่ในมือของอีกฝ่าย เขาเป็นไปไม่ได้เลยที่จะแย่งนางกลับมา มองดูแล้วในวันนี้เขาคงเป็นผู้เสียเปรียบอย่างแน่นอน ท้องฟ้าใกล้จะสว่างแล้วจริงๆ ถ้าเขายังไม่เดินทางไปอีกก็คงไม่ได้
"จอมยุทธหลาน คำสัญญาของข้านี้จะส่งผลตลอดไป ประตูใหญ่ของหนานหลิงยังคงเปิดรอเพื่อจอมยุทธหลานเสมอ"
หนานหลิงจิ่นฝานยังคงไม่ยอมแพ้และกล่าวกับหลานจิ่วชิง เขาไม่ได้ตัวหลานจิ่วชิงไป แต่ขณะเดียวกันก็ไม่โกรธ เขาเหลือบมองไปทางเฟิ่งชิงเฉินแล้วเย้ยหยันว่า "เฟิ่งชิงเฉิน เราจะได้พบกันอีกแน่นอน หวังว่าครั้งหน้าเจ้าจะไม่โชคดีเช่นนี้"
เมื่อกล่าวจบ หนานหลิงจิ่นฝานก็ยกแส้ขึ้นฟาดและควบม้าออกไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ
ไม่ต่อให้จบเหรอคะ นานแล้ว แวะมาบอกกล่าวกันบ้าง...
ขอบคุณน่ะค่ะที่ต้องอดหลับอดนอนอัพเดต สู้ๆๆๆๆน่ะค่ะเป็นกำลังใจให้ค่ะ ผู้อ่านก็ไม่ได้หลับได้นอนเหมือนกัน ติดงอมเลย...
ง่ายๆๆยึดอำนาจ...
มาต่อได้ไหมมมมมมมม พลีสสสสสสสสสสสสสสสสส...
Update ให้หน่อยค่ะ จอดอยู่ที่ 1430 นานแล้ว ขออีกสัก 29 ตอนนะคะ Pleaseeeeee Admin ที่น่ารัก...
ไม่อัพเดตแล้วหรอค่ะ...
สามารถซื้ออ่านผ่านช่องทางไหนได้บ้างค่ะ...
ไทม์ไลน์บอก อัพถึง บท1459 แต่ยังดูได้แค่ บท1430...
Update ให้หน่อยคร่า รออ่านอยู่ คร่า...
ไม่ Update นานแล้ว ไปเที่ยวเพลินเลย สงสารคนรอเถอะ เข้ามาทุกวัน อ่านช้ำไป 2 รอบแล้ว...