นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 232

ซีหลิงเทียนเหล่ยพลันอ้าปากขึ้นมา ทว่า เฟิ่งชิงเฉินหาได้มองไม่ หลังจากที่ได้ระบายอารมณ์ออกไปแล้ว เฟิ่งชิงเฉินก็ยังนั่งลงตามเดิม พร้อมทั้งตรวจดูเส้นเอ็นและหลอดเลือดที่ได้รับการเย็บไปแล้วซ้ำแล้วซ้ำเล่า จากนั้นก็หยิบเข็มและด้ายขึ้นมาอีกครั้ง เพื่อที่จะทำการเย็บแผลภายนอก มิทันไรก็พลันเห็นเงาเข้ามาบดบังสายตาของนางอีกแล้ว

"มีสมองหรือไม่ เจ้าบังแสงของข้า ออกไปให้พ้นเดี๋ยวนี้" เฟิ่งชิงเฉินเอ่ยออกมาด้วยความหงุดหงิด

หากมิใช่เป็นความรับผิดชอบต่อคนไข้ หรือเป็นเพราะความคุณธรรมของสองพี่น้องที่อยู่ตรงหน้า นางย่อมไม่สนใจพวกเขาแล้ว

ในเมื่อตนเองไม่รักชีวิตตนเอง แล้วนางจะมารักชีวิตผู้อื่นไปทำไมกัน

ในครานี้ ซีหลิงเหยาหวาค่อย ๆ ถอยกายออกไปด้วยความว่าง่าย มิได้เอ่ยอันใดขึ้นมาอีก แต่ทว่า สายตาพลันจ้องมองไปหาเฟิ่งชิงเฉินด้วยความอาฆาต หากแต่ซีหลิงเทียนเหล่ยยังคงตกอยู่ภวังค์เช่นเดิม

ฝ่ามือที่เต็มไปด้วยเลือด หาได้มีความรู้สึกอันใดไม่ เขาได้แต่มองเฟิ่งชิงเฉินอยู่เช่นนั้น จนเริ่มไม่รู้สึกว่าความเจ็บปวดจากขาของตนเองอีกแล้ว

เฟิ่งชิงเฉิน นางเป็นสตรีที่จริงใจยิ่งนัก เขามิคิดเลยว่า ในโลกใบนี้ยังจะมีสตรีที่นิสัยเช่นนี้อยู่อีก ซีหลิงเทียนเหล่ยพลันรู้สึกใจเต้นขึ้นมา

ในตอนที่เฟิ่งชิงเฉินโมโหขึ้นมานั้น เขาก็รู้สึกประทับใจยิ่งนัก

เขาอยากจะพาเฟิ่งชิงเฉินกลับไปที่ซีหลิงด้วย ครั้งนี้ เขาหาได้มีความคิดที่จะทรมานนางไม่ เพียงแค่รู้สึกว่า ข้างกายของตน ควรจะมีสตรีเช่นนี้บ้าง มิจำเป็นต้องไปคาดเดาสิ่งใด ไม่ต้องไปคิดว่า นางมีความคิดที่จะปองร้ายหรือสมรู้ร่วมคิดวางแผนสิ่งใดหรือไม่ ในวันที่เขาเหน็ดเหนื่อยนั้น เขาอยากจะมีที่พักพึงเช่นนี้

เฟิ่งชิงเฉินพลันส่งความสนใจของตนเองทั้งหมดไปที่บาดแผลของซีหลิงเทียนเหล่ย หลังจากที่เย็บแผลจนเสร็จ และใส่ยาพันแผลให้เรียบร้อยแล้วนั้น เฟิ่งชิงเฉินรับรู้ได้ถึงความผิดปกติ

สายตาที่เย็นชาพลันให้ไปมองซีหลิงเหยาหวา พร้อมกับแววตาที่คล้ายจะเย็นกว่าเดิม เมื่อซีหลิงเหยาหวาเห็นเช่นนั้น นางก็พลันมองกลับ ราวกับว่าจะแสดงให้ดูว่าผู้ใดยิ่งใหญ่กว่ากัน หากแต่เฟิ่งชิงเฉินเพียงมองมาที่นาง แล้วก็ผละจากไป

ซีหลิงเหยาหวาพลันรู้สึกว่าตนเองคล้ายจะต่อยไปยังปุยนุ่ม ยามที่ซีหลิงเหยาหวากำลังกรุ่นโกรธอยู่นั้น เฟิ่งชิงเฉินก็ได้เอ่ยปากขึ้นมาว่า "ฝ่าบาท หากท่านมิต้องการกลายเป็นคนพิการ รบกวนช่วนให้ความร่วมมือกับข้าด้วย มิใช่ว่าทุกครั้งจะโชคดีเหมือนในครานี้ ฝ่าบาทเข้ามาบดบั้งสายตาของหม่อมฉันเช่นนี้ หากหม่อมฉันแทงฝีเข็มพลาดขึ้นมา ขาของพระองค์ย่อมไร้ประโยชน์ไปในทันที

และยังมีองค์หญิงเหยาหวา ยามที่ข้ากำลังยุ่งอยู่นั้น ท่านควรออกไปไกล ๆ ข้า ท่านเป็นองค์หญิงก็จริง แต่ท่านหาได้รู้เรื่องการแพทย์ไม่ ไม่ว่าจะเกิดเรื่องหรือไม่ ท่านก็ไม่ควรเสนอหน้าเข้ามาใกล้ ก่อนหน้านั้น หม่อมฉันก็ได้เรียนพระองค์ไปแล้ว หากองค์หญิงมิเชื่อใจในชิงเฉิน ก็ควรไปเชิญท่านหมอท่านอื่นมา หม่อมฉันหาได้ขอร้องมารักษาฝ่าบาทไม่"

เฟิ่งชิงเฉินดูถูกซีหลิงเทียนเหล่ย นางดูถูกเขาจริง ๆ

เจ้าองค์รัชทายาทขยะเช่นนี้ สมองหาได้มีไม่ ในยามนั้น มันอันตรายมากเพียงใด เขามิรู้เรื่องเลยหรือ

ความโชคดีหรือ ในโลกใบนี้ ความโชคดีหาได้มีมากไม่ หากมิใช่ว่ามือของนางจับสัมผัสได้ดี การเย็บแผลให้ซีหลิงเทียนเหล่ยในครานี้ คงได้ล้มเหลวไปนานแล้ว

หลังจากอบรมพวกเขาจนเสร็จ สีหน้าของเฟิ่งชิงเฉินหาได้มีท่าทีพอใจหรือเป็นสุขไม่ สีหน้าของนางยังคงบึ้งตึงมากขึ้นไปอีก เฟิ่งชิงเฉินมิได้ปกปิดสีหน้าที่ไม่พอใจของสองพี่น้องซีหลิงเอาไว้เลย

นางพลันหายใจเข้าลึก ๆ พร้อมทั้งพยายามที่จะสะกดกั้นอารามณ์โกรธให้สงบลง แล้วจึงเตรียมตัวเย็บบาดแผลของขาอีกข้างนึงในทันที ในครานี้ เฟิ่งชิงเฉินเอ่ยชี้ระบุตัวโดยตรง นางให้ซุนเจิ้งเต้ามาเช็ดเหงื่อให้นาง เพื่อแสดงให้เห็นว่าซีหลิงเทียนเหล่ยไร้ความสามารถยิ่งนัก แม้ว่าภายในใจซีหลิงเทียนเหล่ยเองจะมิใคร่พอใจเท่าในักด แต่เขาก็รู้ดีว่า เฟิ่งชิงเฉินทำเช่นนี้ก็เพราะนางหวังดีต่อตัวเขา

มนุษย์ช่างเป็นสิ่งที่น่าประหลาดยิ่งนัก ก่อนหน้านั้น เฟิ่งชิงเฉินเองก็ทำเพราะหวังดีต่อเขา แต่เขาหาได้เห็นความดีของนางไม่ ในยามนี้ เขาเข้าใจทุกอย่างแล้ว ทว่า ความผิดพลาดก็ได้เกิดขึ้นไปแล้วเช่นกัน ทั้งยังไม่อาจกลับไปแก้ไขได้อีก อีกทั้ง เฟิ่งชิงเฉินเองก็มิใช่สตรีที่หลงลืมตนเองเพียงเพราะหลงรักคนที่นางรัก

"หากเป็นแผลเป็นจักไม่ดีเอา เปิ่นกงมียาขี้ผึ้งลดรอยอยู่สองสามขวด เปิ่นกงจักมอบให้เจ้าขวดหนึ่ง" ยาขี้ผึ้งขวดนี้ เป็นยาที่ราชวงศ์ตงหลิงคิดค้นขึ้นมา เพื่อบำรุงผิวพรรณ มีประสิทธิภาพดียิ่งนัก ซุนเจิ้งเต้ารีบขยิบตาบอกให้เฟิ่งชิงเฉินรับไว้ในทันที

น่าเสียดายที่เฟิ่งชิงเฉินหาได้มองเห็นไม่ "ขอบพระทัยฝ่าบาทเพคะ ยาขี้ผึ้งขวดนี้ ชิงเฉินมิอาจรับไว้ได้ มันก็เป็นแค่รอยแผลเป็นมิใช่หรือ หาได้มีผลกระทบอันใดกับหม่อมฉันไม่ หรือ ฝ่าบาทคิดว่า สถานการณ์ของชิงเฉินที่เป็นเช่นนี้ จักมีผู้ใดกล้ามาขอตบแต่งอยู่อีกงั้นหรือ?"

เฟิ่งชิงเฉินกล่าววาจาเสียดสีออกมา

นางไม่มีหลักฐาน เพียงแค่กล่าวลองเชิงออกมาเท่านั้น อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในวันสมรสของนางนั้น ย่อมต้องมีผู้เข้ามาเกี่ยวข้องและมีส่วนร่วมรู้เห็นด้วยอย่างแน่นอน

"มันจะเป็นไปได้อย่างไร ท่านหมอเฟิ่งอย่าได้ดูถูกตนเองเลย บางทีอาจจะมีงานมงคลของท่านขึ้นในเร็ว ๆ นี้ก็เป็นได้" ถึงแม้ว่าจะได้เป็นเพียงสนมของซีหลิงเทียนเหล่ยเท่านั้น แต่ก็มีฐานะมากกว่าผู้ใดไม่ใช่หรือ? หากเขาได้ขึ้นครองบัลลังค์เมื่อใด แม้ว่าจะไม่อาจยกเฟิ่งชิงเฉินขึ้นเป็นหนึ่งในสี่ของพระชายาได้ ถึงอย่างไรก็ได้เป็นหนึ่งในนางสนมของวังหลังอยู่ดี เสื้อผ้าเครื่องประดับแพรพรรณต่าง ๆ ชีวิตที่สุขสบายก็สามารถมีได้ ทั้งยังเป็นที่โปรดปรานขององค์จักรพรรดิอีกด้วย

เฟิ่งชิงเฉินมิอาจได้ข้อมูลอันใดออกมาจากใบหน้าของซีหลิงเทียนเหล่ยได้ เว้นแต่ว่า เฟิ่งชิงเฉินหาได้เรียนการแพทย์ในปีนั้นไม่ หากแต่เป็นการตรวจจับสีหน้าของอาชญกรรมต่างหาก

"ชิงเฉินรู้จักตนเองดีเพคะ เกรงว่าเรื่องของชิงเฉินจักไปสร้างความลำบากให้ฝ่าบาทแล้ว บาทแผลของฝ่าบาทต้องใช้เวลาร่วมร้อยวันในการฟื้นตัว ขอให้ฝ่าบาทดูแลรักษาตัวดีๆ เพคะ" สภาพเป็นกึ่งคนพิการเช่นนี้ หากใช้การต่อไม่ได้ ก็ไร้ประโยชน์ เฟิ่งชิงเฉินค่อย ๆ เดินหายไป หาได้หันกลับไปมองไม่ ว่าซีหลิงเทียนเหล่ยโมโหเพียงใด

เขามิอยากจะเชื่อเลยว่า เฟิ่งชิงเฉินจักกล้าปฏิเสธเขาเช่นนี้ได้ พร้อมทั้งเหยียบเท้าของเขาด้วยท่าทางที่เย่อหยิ่งเช่นนั้น

กลับกัน สตรีในใต้หล้าทุกนาง เพียงแค่เขายอมปันใจ แสดงความรักต่อพวกนาง พวกนางก็ปลื้มใจยิ่งนัก แม้ว่าเฟิ่งชิงเฉินจักโง่เง่าไปบ้าง แต่ก็ควรรู้ว่า หากติดตามเขากลับไป ย่อมดีกว่าอยู่ในตงหลิงมากนัก

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ