ผู้คนถกเถียงกันมากมาย แต่ท่านจักรพรรดิ เสด็จอาเก้า องค์รัชทายาท และพวกซู่ชินอ๋อง ต่างไม่มีใครเอ่ยปากพูดอะไร หรือเป็นการยากสำหรับพวกเขาที่จะตัดสินใจ แม้ว่าจะมีความเป็นไปได้แค่หนึ่งในพันเท่านั้น พวกเขาก็ต้องเดิมพัน เพื่อให้ได้ ม้าเหงื่อโลหิตและม้าดำชางชาน ความแข็งแกร่งของทหารม้าตงหลิงจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก
แน่นอนว่า ไม่ใช่การนำม้าทั้งสองตัวนี้มาเป็นม้าออกศึก แต่เป็นการนำม้าศึกสองตัวนี้มาเพื่อสืบพันธุ์ เพียงแค่มีสายเลือดของพวกมัน ม้าตัวนั้นก็จะแข็งแกร่งกว่าม้าทั่วๆไป
ส่วนมือคู่นี้ของเฟิ่งชิงเฉินล่ะ จะมีใครสนใจบ้าง? ก็อาจจะมีอยู่บ้าง เพียงแต่ว่าเมื่อมีม้าที่ล้ำค่าทั้งสองตัวอยู่ตรงหน้า มือคู่นี้ของเฟิ่งชิงเฉินก็กลายเป็นสิ่งที่ไม่มีค่าพอให้เอ่ยถึง
เฟิ่งชิงเฉินยังคงมองทั้งสองมือของตนเองด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า แต่มีเพียงนางเท่านั้นที่รู้ว่าภายในใจของนางมีความเศร้าสลดอยู่มากเพียงไหน ในสายตาของคนเหล่านี้ มือทั้งสองของนางที่น่าสนใจที่สุดยังเทียบไม่ได้แม้แต่กับม้าเพียงตัวเดียว
หัวเราะเบาๆ และเก็บความโศกเศร้าในใจเอาไว้ เฟิ่งชิงเฉินเก็บมือทั้งสองข้างของนางกลับมา "คุณหนูซูหว่านท่านล่ะ? องค์หญิงเหยาหวาต้องการมือทั้งสองของข้า คุณหนูซูหว่านท่านล่ะต้องการอะไร?"
เฟิ่งชิงเฉินกล่าวถามเบาๆ ด้วยท่าทางที่ไม่ได้ใส่ใจ ใส่ใจแล้วอย่างไรล่ะ นอกจากตัวเองแล้วก็ไม่เห็นจะมีใครที่สนใจ
"หมอเฟิ่ง มือทั้งคู่ของเจ้าช่างงดงามจริงๆ แต่น่าเสียดายองค์หญิงเหยาหวาพอใจมันแล้ว หมอเฟิ่ง ข้าชอบดวงตาของเจ้า" หรือก็หมายถึง ซูหว่านต้องการดวงตาทั้งคู่ของเฟิ่งชิงเฉิน
ดวงตาทั้งคู่ของเฟิ่งชิงเฉินชัดเจนและสดใส ดวงตาที่ราวกับว่ามีแสงลึกลับไหลเวียนอยู่ข้างใน และไม่มีใครสนใจมันมาก่อน เมื่อซูหว่านพูดขึ้นมา ผู้คนถึงได้ค้นพบว่าดวงตาทั้งคู่ของเฟิ่งชิงเฉินนั้น เหมือนสามารถสื่อสารได้ และเหมือนสามารถมองทะลุจิตใจของผู้คนได้
"ดวงตาหรือ? แววตาของคุณหนูซูหว่านก็ดีเหมือนกัน ดวงตาคู่นี้ถือเป็นสิ่งที่เฟิ่งชิงเฉินพอใจเป็นอันดับสองเลย" เฟิ่งชิงเฉินกะพริบตาด้วยท่าทางเหน็บแนม ดูไม่เหมือนตื่นเต้นและหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย
หรือว่าเฟิ่งชิงเฉินไม่ตื่นเต้นไม่หวาดกลัวอย่างนั้นหรือ?
ผู้คนมองไปที่เฟิ่งชิงเฉินอย่างสับสน
ไร้สาระ เฟิ่งชิงเฉินจะไม่กลัวไม่ตื่นเต้นได้อย่างไร นางไม่ได้มั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ เพียงแต่ว่า......
คนเหล่านี้จะให้สิทธิ์ในการปฏิเสธแก่นางหรือไม่?
คำตอบคือไม่
ไม่เห็นความไม่สนใจและเย็นชาที่แสดงออกทางสายตาของจักรพรรดิหรือ ไม่เห็นดวงตาที่ปิดสนิทของเสด็จอาเก้าหรือ ไม่เห็น......ความรู้สึกกดดันที่แสดงออกทางสายตาขององค์หญิงเหยาหวาและคุณหนูซูหว่านหรือ
นางเป็นแบบนี้ ซูหว่านและเหยาหวาก็จะเป็นแบบนี้เช่นกัน แต่เดิมก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว
"ในเมื่อพวกเราปรึกษากันเรียบร้อยแล้ว เฟิ่งชิงเฉินก็จะลงไปเปลี่ยนชุด" เฟิ่งชิงเฉินทูลลาจักรพรรดิ และทุกคนก็ทูลลาพากันเยื้องกรายออกไป ในเวลาเพียงไม่นาน ผ้าสีแดงที่ลอยอยู่กลางอากาศ ราวกับผีเสื้อที่บินออกมา
แต่ไม่ว่าผีเสื้อจะสวยสักเพียงใด แต่ก็มีอายุขัยเพียงวันเดียว.......
เฟิ่งชิงเฉิน แท้จริงแล้วเจ้ามีความมั่นใจว่าจะชนะหรือไม่!
ในใจของทุกคน เป็นเหมือนกับเชือกที่มัดตึง รอคอยว่าเฟิ่งชิงเฉินจะแก้เชือกนี้ให้คลายออกหรือจะทำให้มันตึงจนขาด!
เรื่องการเดิมพันของเฟิ่งชิงเฉินกับเหยาหวา ไม่นานฮองเฮาก็ได้รับรู้
"ตอนนี้นางไปเปลี่ยนชุดขี่ม้าแล้วหรือ?" ปลอกเล็บที่แหลมคม แตะเบาๆที่พนักแขน ก็สามารถเห็นได้อย่างไม่ชัดเจนนักว่าสีบนพนักแขนถูกกระทบจนหลุดออกมา
"ตอบคำถามของท่านจักรพรรดินี ใช่เพคะ" นางสนมในวังคุกเข่าอยู่กับพื้นไม่กล้าลุกขึ้น
ใบหน้าของฮองเฮามีรอยยิ้มที่สุภาพเยือกเย็น หากมองอย่างละเอียดจะพบว่ารอยยิ้มนี้น่ากลัวมาก "เจ้าคิดว่าตอนที่เฟิ่งชิงเฉินจะทำให้ม้าศิโรราบ หากนางเคลื่อนไหวมากเกินไป จนเสื้อผ้าฉีกขาดออกจนเปิดเผยร่างกายต่อหน้าผู้คนจำนวนมาก จะเป็นอย่างไร?"
ฮองเฮาไม่สนใจว่าเฟิ่งชิงเฉินจะชนะหรือไม่ แต่นางจะไม่ปล่อยเฟิ่งชิงเฉินเอาไว้แน่
นี่เป็นเหมือนการต่อสู้ของคนสองคน หากเจ้าที่ใส่ชุดสีขาวและมีเลือดเปื้อนไปทั้งตัว ในเวลานี้อีกฝ่ายก็รับรู้ว่าเจ้าคงหายใจอยู่ได้อีกไม่นาน ต่อให้อีกฝ่ายเองก็ทนแทบไม่ไหวแล้ว แต่ก็อดทนกัดฟันลงดาบให้เจ้าอีกครั้ง เจ้าก็ตายแล้ว
แต่ถ้าหากเปลี่ยนเป็นชุดสีดำหรือชุดสีเข้มก็จะไม่เป็นเหมือนเช่นนั้น ต่อให้เลือดไหล สีที่เข้มนั้นก็จะทำให้คนอื่นมองเห็นได้ไม่ชัด อีกฝ่ายจะไม่รู้ว่าเจ้าในตอนนั้นยังคงเหลือแรงอยู่มากแค่ไหน ในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนก็ไม่สามารถมั่นใจได้อย่างเต็มที่ เพราะว่าเขาเองก็ไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนจึงจะสามารถเอาชนะเจ้าได้
เมื่อนึกถึงเสื้อผ้าสีแดงบนตัวของตนเอง เฟิ่งชิงเฉินก็เลือกชุดขี่ม้าสีดำ นางสนมในวังก้าวไปข้างหน้าเพื่อช่วยนางถอดเสื้อผ้า นางกำลังจะปฏิเสธแต่ก็พบว่าชุดขี่ม้าของวังนั้นช่างซับซ้อนจนนางไม่สามารถเปลี่ยนเองได้ เฟิ่งชิงเฉินไม่มีทางเลือกอื่น ทำได้เพียงให้นางสนมในวังช่วยเหลือนางเปลี่ยนเสื้อผ้า
นางสนมก้มศีรษะอย่างเชื่อฟัง หลังจากถอดเสื้อคลุมออก นิ้วชี้ที่ขีดลงบนหลังของเฟิ่งชิงเฉิน จากบนลงล่าง ทิ้งรอยแดงสีอ่อนที่เบาบางเอาไว้
นำชุดขี่ม้าสีดำตัวนั้น สวมใส่ให้เฟิ่งชิงเฉินจนเสร็จ นิ้วชี้ก็ป้ายลงที่ด้านนอกของชุดอีกครั้ง และทิ้งร่องรอยที่เหมือนกับน้ำเอาไว้บนชุดอีกครั้ง
เฟิ่งชิงเฉินที่กำลังหันหลังให้ จึงไม่ได้รู้ชัดถึงการกระทำเล็กๆเหล่านี้ และเฟิ่งชิงเฉินก็ไม่ได้สังเกตเห็นเช่นกัน
"เครื่องประดับเหล่านี้ไม่ต้องหรอก แค่สวมปลอกแขนกับสนับเข่าให้ข้าก็พอ" สิ่งของเหล่านี้ทำมาจากหนังวัว เพื่อการปกป้องหัวเข่าและมือทั้งสองข้างโดยเฉพาะ
โดยปกติแล้วมีให้สำหรับพระสนมเท่านั้น ถึงอย่างไรสำหรับผู้หญิงเหล่านี้ร่างกายก็เป็นสิ่งสำคัญ ในเวลานี้จะให้เฟิ่งชิงเฉินโดนเอาเปรียบได้อย่างไร
หลังจากสวมใส่เรียบร้อยแล้ว เฟิ่งชิงเฉินก็ให้นางสนมทั้งหมดออกไป นำปิ่นปักผมบนศีรษะออกมา และรวบผมมัดอย่างเรียบง่ายเท่านั้น
เฟิ่งชิงเฉินจับที่จี้หยกที่หน้าอก ที่เสด็จอาเก้าได้ให้ไว้ เฟิ่งชิงเฉินลังเลเล็กน้อย นำมาแขวนรวมกับหยกที่คอ เพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหาย
หยกนั้นคืออะไรนางเองก็ไม่รู้ และไม่รู้ว่าใครให้มา เพียงแค่รู้สึกว่าของสิ่งนี้ก็ไม่เลวนัก และจี้หยกที่เสด็จอาเก้าให้ไว้นั้นเป็นสิ่งของที่มีค่า แน่นอนว่าต้องรักษาไว้ให้ดี
นางหยิบหน้ากากที่แช่ยาออกมา ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็หยิบยาระงับประสาทชนิดรุนแรงออกมาสองอัน ไม่ต้องพูดถึงว่านางใช้เล่ห์เหลี่ยม นางไม่มีทางเลือกอื่นและไม่สามารถล้อเล่นกับมือและดวงตาของตนเองได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ
ไม่ต่อให้จบเหรอคะ นานแล้ว แวะมาบอกกล่าวกันบ้าง...
ขอบคุณน่ะค่ะที่ต้องอดหลับอดนอนอัพเดต สู้ๆๆๆๆน่ะค่ะเป็นกำลังใจให้ค่ะ ผู้อ่านก็ไม่ได้หลับได้นอนเหมือนกัน ติดงอมเลย...
ง่ายๆๆยึดอำนาจ...
มาต่อได้ไหมมมมมมมม พลีสสสสสสสสสสสสสสสสส...
Update ให้หน่อยค่ะ จอดอยู่ที่ 1430 นานแล้ว ขออีกสัก 29 ตอนนะคะ Pleaseeeeee Admin ที่น่ารัก...
ไม่อัพเดตแล้วหรอค่ะ...
สามารถซื้ออ่านผ่านช่องทางไหนได้บ้างค่ะ...
ไทม์ไลน์บอก อัพถึง บท1459 แต่ยังดูได้แค่ บท1430...
Update ให้หน่อยคร่า รออ่านอยู่ คร่า...
ไม่ Update นานแล้ว ไปเที่ยวเพลินเลย สงสารคนรอเถอะ เข้ามาทุกวัน อ่านช้ำไป 2 รอบแล้ว...