"นั่นไงคุณชายใหญ่ คุณชายใหญ่!"
"คุณชายหน้าหยก!"
"คุณชายใหญ่ คุณชายใหญ่!"
……
หน้าตาน่ากิน เรื่องนี้ไม่ได้หมายถึงเพียงแค่อาหารหรือหญิงสาว แต่ใช้กับชายหนุ่มได้ด้วยเช่นกัน
ริมฝีปากแดงเรื่อฟันขาวผ่อง อ่อนโยน หล่อเหลา ท่าทางสง่างามไร้ที่เปรียบ ทันทีที่หวังจิ่นหลิงเดินตรงออกมา ชายหญิงรอบตัวก็ไร้สิ้นสีสัน ดูเหมือนว่าแสงทุกอย่างในโลกจะส่องประกายไปที่เขาเพียงคนเดียว เมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่นๆ ทำให้ไร้สีสันไปอย่างสิ้นเชิง
ก่อนที่จะเข้ามาในเมือง ข่าวนี้ก็ได้แพร่เข้ามาทั่ว ทำให้สตรีมากมายในเมืองพากันตะโกนโห่ร้องด้วยความดีใจ บางคนถึงกับสลบไปด้วยความตื่นเต้น
สตรีในตงหลิงใจกล้ามากทีเดียว
หวังจิ่นหลิงไม่ได้รีบร้อนจะเข้าไปในเมือง เขาลงจากรถม้าแล้วหันไปขอบคุณทุกคนที่เดินทางมาทรงเข้าถึงที่นี่ ส่วนเนื้อหากล่าวว่าสิ่งใดนั้นเฟิ่งชิงเฉินฟังไม่ได้ยิน นางเห็นเพียงขบวนที่คุ้มกันหวังจิ่นหลิงได้หยุดลง ผู้คุ้มกันทุกคนลงจากรถม้าแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเดียวกันว่า "พวกเราจะส่งคุณชายใหญ่เข้าไปในเมืองจนลับสายตา!"
กองกำลังที่แตกต่างกัน ฝ่ายที่แตกต่างกัน แต่ความเคารพนับถือมีเช่นเดียวกัน เกียรติยศนี้แม้แต่องค์จักรพรรดิคาดว่าก็ยังไม่ได้รับ ใต้หล้านี้มีเพียงหวังจิ่นหลิงคนเดียวเท่านั้น
หวังจิ่นหลิงเห็นดังนั้นก็ไม่ได้ปฏิเสธ เขายิ้มพยักหน้าแล้วหันหลังจากไป…… องค์รัชทายาทเสด็จมาต้อนรับด้วยพระองค์เอง มีทหารคุ้มกันรักษาพระองค์ติดตามมาจำนวนหนึ่ง
เนื่องจากองค์รัชทายาทเป็นโรคหัวใจ มองไปจึงทำให้รู้สึกสอบผอมซูบ แต่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่ออำนาจบารมีที่แผ่ออกมา น่าเสียดายเหลือเกินรัศมีอันสูงส่งเหล่านี้ เมื่อเผชิญหน้ากับหวังจิ่นหลิงซึ่งสง่างามกว่า ทำให้ดูเหมือนค่อนข้างจะธรรมดา
"ขอบคุณผู้กล้า และผู้คุ้มครองทุกท่านที่ส่งคุณชายใหญ่กลับมายังเมืองของเรา บัดนี้คุณชายใหญ่ได้เดินทางมาถึงเมืองอย่างปลอดภัยแล้ว ทุกท่านโปรดวางใจเถิด!" ท่าทางขององค์รัชทายาทดูอ่อนน้อมอ่อนโยน ไม่ถือตัวแต่อย่างใด
"องค์รัชทายาทโปรดวางใจเถิด พวกเราจะมองส่งคุณชายใหญ่ด้วยสายตาให้เข้าเมืองไปก่อนแล้วจะจากไปในทันที" คนกลุ่มนี้เนื่องจากเห็นแก่หวังจิ่นหลิงจึงไว้หน้าองค์รัชทายาทไม่น้อย
องค์รัชทายาทเป็นคนฉลาดหลักแหลม เขาจะไม่มีวันทำให้ตัวเองต้องลำบากใจ เขารู้ดีว่าคนกลุ่มนี้มาจากที่ต่างๆ มากมาย และไม่จำเป็นจะต้องไว้หน้าเขา องค์รัชทายาทพยักหน้าด้วยความสง่างามแล้วเชิญหวังจิ่นหลิงเข้าไปนั่งด้วยกันในรถ
นี่คือกฎเกณฑ์ของราชวงศ์ ต่อให้หวังจิ่นหลิงจะมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก ก็ไม่มีความสมบัติพอที่จะนั่งบนรถม้าขององค์รัชทายาท หวังจิ่นหลิงยิ้มขึ้นแล้วปฏิเสธ องค์รัชทายาทก็ไม่ได้ฝ่าฝืนบังคับเขา แต่กระทำออกมาด้วยท่าทาง
"คุณชายใหญ่ ขี่ม้ากับข้าเป็นเช่นไร?" หวังจิ่นหลิงเดินทางกลับเมืองด้วยท่าทางสง่างาม หากจะให้นั่งอยู่เพียงภายในรถม้า ก็จะทำให้สูญเสียความสง่างามนั้นไปได้ซึ่งองค์รัชทายาทคงจะไม่เห็นด้วย
แม้ว่าตอนอยู่กับหวังจิ่นหลิงจะดูมีความกดดัน ให้เขาซึ่งเป็นถึงองค์รัชทายาทมาอยู่เป็นเพื่อนชาวบ้านธรรมดา แต่ในเมื่อทำแล้วก็ต้องทำให้ดีที่สุด การที่สามารถได้รับการสนับสนุนจากตระกูลหวังสำหรับองค์รัชทายาทแล้วต่อให้ต้องสูญเสียเรื่องเล็กน้อยเหล่านี้ก็คุ้มค่า
"พ่ะย่ะค่ะ" ไม่ว่าทิวทัศน์รอบข้างจะเป็นเช่นไร แต่หวังจิ่นหลิงก็ยังคงสุภาพมีมารยาท รอยยิ้มของเขาบนใบหน้าเฉกเช่นสายลมในฤดูใบไม้ผลิ
"หวังจิ่นหลิงก็คือหวังจิ่นหลิงจริงๆ ไม่ว่าเขาจะอยู่ในตำแหน่งที่สูงเพียงไร แต่แก่นแท้ของเขายังคงไม่แปรเปลี่ยน" เฟิ่งชิงเฉินจำได้ว่าครั้งแรกที่ได้พบหวังจิ่นหลิง เขาสวมชุดคลุมสีขาวเรียบง่ายอยู่ในบ้านหลังซอมซ่อ กลับทำให้รู้สึกว่าสง่างาม
บัดนี้เมื่อเขายืนอยู่อย่างสง่างามท่ามกลางฝูงชนทว่า ไม่แตกต่างอันใดกับการอยู่ท่ามกลางห้องโทรมๆ นั้น ที่ปราศจากความแวววาว
หากใช้ดอกไม้ในการอุปมา หวังจิ่นหลิงเป็นเสมือนดอกบัวที่เบ่งบานงดงามด้วยตนเอง
ชายหนุ่มผู้สง่างามและม้า หวังจิ่นหลิงขี่ม้าเข้าไปในเมือง ชาวบ้านไม่จำเป็นต้องถูกตะโกนขับไล่จากทหาร ทุกคนล้วนหลีกทางให้หวังจิ่นหลิงด้วยตนเอง
"คุณชายใหญ่ คุณชายใหญ่!"
"คุณชายหน้าหยกเจ้าคะ!"
น้ำเสียงอันเขินอายและขี้ขลาดของหญิงสาวดังขึ้นอีกครั้ง ในขณะเดียวกัน ที่ถนนแห่งนั้นหน้าต่างมากมายได้เปิดออก มีทั้งกระเป๋าเงิน ดอกไม้ ไข่มุกและจี้หยกมากมายลอยมา
บนถนนเต็มไปด้วยดอกไม้ กระเป๋าเงิน โปรยปรายงดงาม นี่คือสิ่งที่หวังจิ่นหลิงเท่านั้นจึงจะได้รับ
"ช่างใจกว้างกันเหลือเกิน!" เฟิ่งชิงเฉินพูดไม่ออก
นางคิดว่าเรื่องเหล่านี้เป็นเพียงตำนาน ที่แท้มันมีอยู่จริง
เมื่อมองเห็นหวังจิ่นหลิงเดินเข้าเมืองไปอย่างสง่างาม เฟิ่งชิงเฉินก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงภาพตัวเองตอนที่เขาเมืองมาสามครั้งสามครา ต้องขอบอกว่าเป็นภาพที่ทำให้คนหงุดหงิดมากเหลือเกิน
ตอนที่นางเข้ามาในเมือง ประตูเมืองนั้นเต็มไปด้วยผู้คน เพียงแต่ไม่ได้ยืนต้อนรับนาง กลับยืนเหยียดหยามนางอยู่
ใครจะไปรู้กันเล่าว่าวินาทีที่เฟิ่งชิงเฉินปล่อยมือ ตี๋ตงหมิงก็ตะโกนขึ้นด้วยน้ำเสียงอันดังว่า "หวังจิ่นหลิงรับเร็วเข้า!"
ไม่รู้ว่าคำพูดของตี๋ตงหมิงเกิดประโยชน์ขึ้นหรืออย่างไร……
วินาทีที่เฟิ่งชิงเฉินปล่อยกระเป๋าเงินของนางออกไป หวังจิ่นหลิงก็ดึงบังเหียนหยุดม้า แล้วเอื้อมมือออกไปคว้ากระเป๋าเงินนั้นเอาไว้เงยหน้าขึ้นแล้วยิ้ม "เฟิ่ง……"
ตูม……
ประโยคหลังของหวังจิ่นหลิงยังไม่ทันกล่าวออกมาก็ได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้นข้างกายหวังจิ่นหลิง คุ้มกันด้านข้างถูกระเบิดจนลอยออกไป
"นี่คืออะไร?"
"ทหาร ทหาร คุ้มกันองค์รัชทายาท มีมือสังหาร!" ผู้คุ้มกันนั้นอยู่ข้างกายหวังจิ่นหลิงซึ่งอยู่ห่างจากองค์รัชทายาทและหวังจิ่นหลิงระยะหนึ่ง จึงทำให้เขารอดไปได้
"อย่า!……." เสียงนี้เฟิ่งชิงเฉินคุ้นเคยเป็นที่สุด ร่างกายของนางตอบสนองเร็วกว่าสมองเสียด้วยซ้ำ
"จิ่นหลิง ระวัง!"
ตูม……
เสียงระเบิดครั้งที่สองดังขึ้น เฟิ่งชิงเฉินกระโดดลงไปจากโรงน้ำชาตรงเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของหวังจิ่นหลิง
ให้ตายสิ เป็นไปไม่ได้! ในยุคนี้จะมีระเบิดได้อย่างไร? อีกอย่างระเบิดนี้ดูเหมือนจะมุ่งเป้าไปที่หวังจิ่นหลิง
เฟิ่งชิงเฉินไม่ทันจะได้คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้และไม่มีเวลาไปคิด นางทำเพียงกอดหวังจิ่นหลิงเอาไว้แน่นและปกป้องเขา……
"ชิงเฉิน" หวังจิ่นหลิงรู้สึกหนักและม้าก็ตกใจ ทั้งสองคนกลิ้งลงมาบนพื้น……
"เฟิ่งชิงเฉิน ผู้หญิงโง่เง่า!" ในที่มืดมิด หลานจิ่วชิงที่สวมหน้ากากสีเงินเอาไว้ก้าวออกไปก้าวหนึ่งและมองดูเฟิ่งชิงเฉินกับหวังจิ่นหลิงกลิ้งเข้าไปในฝูงชน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ
ไม่ต่อให้จบเหรอคะ นานแล้ว แวะมาบอกกล่าวกันบ้าง...
ขอบคุณน่ะค่ะที่ต้องอดหลับอดนอนอัพเดต สู้ๆๆๆๆน่ะค่ะเป็นกำลังใจให้ค่ะ ผู้อ่านก็ไม่ได้หลับได้นอนเหมือนกัน ติดงอมเลย...
ง่ายๆๆยึดอำนาจ...
มาต่อได้ไหมมมมมมมม พลีสสสสสสสสสสสสสสสสส...
Update ให้หน่อยค่ะ จอดอยู่ที่ 1430 นานแล้ว ขออีกสัก 29 ตอนนะคะ Pleaseeeeee Admin ที่น่ารัก...
ไม่อัพเดตแล้วหรอค่ะ...
สามารถซื้ออ่านผ่านช่องทางไหนได้บ้างค่ะ...
ไทม์ไลน์บอก อัพถึง บท1459 แต่ยังดูได้แค่ บท1430...
Update ให้หน่อยคร่า รออ่านอยู่ คร่า...
ไม่ Update นานแล้ว ไปเที่ยวเพลินเลย สงสารคนรอเถอะ เข้ามาทุกวัน อ่านช้ำไป 2 รอบแล้ว...