นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 276

คนขับสะดุ้งตกใจ แต่โชคดีที่เขาไม่ได้โกหก "จริงขอรับ เพียงแต่คุณชายไม่ยอมให้พวกเราบอก" คนขับรถม้าแอบตะโกนอยู่ในใจว่าโชคดีเหลือเกิน โชคดีที่เขาไม่ได้โกหกเฟิ่งซิ่ว ไม่อย่างนั้นเขาคงมีพิรุธถูกจับได้แน่ๆ เมื่อถึงเวลานั้นคาดว่าเจ้าชายคงจะแย่

"จิ่นหลิงไม่สบาย เหตุใดเจ้าจึงไม่บอกข้าก่อนหน้านี้ เร็วเข้า" เฟิ่งชิงเฉินหันไปตำหนิกับขันทีข้างกายเสด็จอาเก้า และรีบไปติดตามไปพร้อมกับคนขับรถม้าของหวังจิ่นหลิงไป

ขันทีที่ข้างกายเสด็จอาเก้ารู้สึกหดหู่ใจยิ่งเมื่อไม่อาจแย่งตัวนางมาได้ แต่เสด็จอาเก้าบอกแล้วว่าให้เชิญอย่างสุภาพ ดังนั้นเมื่อเฟิ่งซิ่วไม่ต้องการไปก็ช่างเถิด

"ท่านอ๋อง......" ขันทีผู้นั้นกลับมาที่รถม้าของเสด็จอาเก้าและก้มศีรษะลง

"นางเล่า?" รถม้าของเสด็จอาเก้าดูเรียบง่ายหากมองจากภายนอก แต่ภายในกว้างขวางและสะดวกสบาย เมื่ออยู่ในรถม้า เสด็จอาเก้าไม่ได้ทำท่าทางเข้มงวดเท่าอยู่ข้างนอก

เขานอนเอนกายอยู่บนเตียงตั่งอันนุ่มนวล สายตาจับจ้องไปที่หนังสือในมือ ผมยาวของเขาห้อยลงมาตรงหน้าอก ท่าทางเต็มไปด้วยความสง่าสุดจะพรรณนา

"คุณชายใหญ่ไม่สบาย เฟิ่งซิ่วจึงเดินทางไปดูอาการคุณชายใหญ่พ่ะย่ะค่ะ" ขันทีไม่กล้าบอกว่าเฟิ่งชิงเฉินปฏิเสธตั้งแต่ตอนแรก

"จริงหรือ?" ดวงตาของเสด็จอาเก้าแข็งทื่อ ริมฝีปากของเขาเม้มแน่น "กลับจวน"

ดวงตาของเขายังคงจับจ้องไปที่หนังสือในมือ แต่เขาไม่ได้เปลี่ยนไปอ่านหน้าอื่นเลยนับตั้งแต่ออกจากจากวังไปถึงจวน

หวังจิ่นหลิงไม่สบาย แต่ก็ไม่ร้ายแรงเท่าที่คนขับรถม้ากล่าวไว้ มีเพียงรอยฟกช้ำหลายจุดบนร่างกายของเขา และหมอหลวงได้ทำแผลให้เขาแล้วตั้งแต่เนิ่นๆ

เมื่อเฟิ่งชิงเฉินเข้าไปในรถม้า หวังจิ่นหลิงตัวซีดเซียวเอนตัวพิงรถม้าด้วยความรู้สึกอ่อนแอ นางขมวดคิ้วมอง "จิ่นหลิง เกิดอะไรขึ้น?"

นางเห็นหวังจิ่นหลิงตอนที่อยู่ในตำหนักไท่เหอก็ยังดีๆ อยู่ เหตุใดจู่ๆ จึงเป็นเช่นนี้?

"ข้าไม่เป็นไร นั่งลงก่อนเถิด ข้าขอยาจากหมอหลวงไว้ให้เจ้าแล้ว" หวังจิ่นหลิงหยิบขี้ผึ้งออกมาจากกระปุก เฟิ่งชิงเฉินกำลังจะหยิบมันขึ้นมา แต่หวังจิ่นหลิงปฏิเสธ "เจ้าบาดเจ็บที่หน้าผาก ข้าจะช่วยเจ้าทายาให้เอง เพราะเจ้ามองไม่เห็นมัน และที่นี่ไม่มีกระจก"

เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกว่าท่าทางการทายานั้นช่างคลุมเครือเหลือเกิน ดังนั้นนางจึงปฏิเสธด้วยรอยยิ้มว่า "อาการบาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้น เดี๋ยวก็ดีขึ้นแล้ว"

แต่หวังจิ่นหลิงไม่เห็นด้วย "เพราะบาดเจ็บที่หน้า จะแย่เอาหากว่าทิ้งรอบแผลเป็น"

หลังจากกล่าวจบ เขาก็เปิดกระปุกยาออกและใช้นิ้วชี้ป้ายออกมาเป็นชั้นๆ แม้ว่ารถม้าจะไม่สูง แต่หวังจิ่นหลิงก็ไม่สามารถยืนขึ้นได้ จึงทำได้เพียงก้มลงเพื่อทายาแก่ชิงเฉิน เฟิ่งชิงเฉินครุ่นคิดแล้วหลับตาให้หวังจิ่นหลิงทายาให้นาง

ขี้ผึ้งเย็นๆ ช่วยบรรเทาความเจ็บปวดจากการเผาไหม้บนหน้าผากของนางได้ในทันที ความกระสับกระส่ายในหัวใจของเฟิ่งชิงเฉินก็สงบลงเช่นกัน

จิ่นหลิงคิดแทนนางเช่นนี้มาโดยตลอด แม้แต่ตัวนางเองยังไม่ได้สนใจแผลเล็กๆ แบบนี้ด้วยซ้ำ แต่หวังจิ่นหลิงเป็นกังวลเรื่องนี้และถึงกับขอยาให้นาง

ผู้ชายที่หยิ่งผยอง แต่เขากลับร้องขอความช่วยเหลือเพื่อนาง เฟิ่งชิงเฉินมีอะไรดีกัน?

เมื่อคิดถึงชายอีกคนหนึ่งที่นำยามาให้แก่นาง เฟิ่งชิงเฉินก็ถอนหายใจออกมาอย่างเงียบๆ ในหัวใจของนางคิดไปว่า "หลานจิ่วชิงหนอหลานจิ่วชิง ข้าเป็นหนี้เจ้าอีกครั้งแล้ว ครานี้จะให้ข้าอะไรมาทดแทนเจ้า"

"เอาล่ะ ใช้ยานี้ทาวันละสามครั้ง มันจะไม่ทิ้งรอยแผลเป็น" หวังจิ่นหลิงเป็นสุภาพบุรุษมาโดยตลอด ทุกย่างก้าวของเขาเต็มไปด้วยความรักใคร่และสุภาพ ทำให้เฟิ่งชิงเฉินเคารพอย่างยิ่ง เขาไม่มีวันทำให้เฟิ่งชิงเฉินเขินอาย นางจะไม่ถูกดูถูก

เฟิ่งชิงเฉินยอมรับด้วยรอยยิ้มแต่ไม่ได้กล่าวขอบคุณ "ยื่นมือออกมา แล้วข้าจะวัดชีพจรให้เจ้า"

ความขาวซีดผิดปกติบนใบหน้าของหวังจิ่นหลิงทำให้นางเป็นกังวลเล็กน้อย แต่หวังจิ่นหลิงปฏิเสธว่า "ข้าสบายดี ข้าได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยเพราะหกล้มเมื่อกลางวัน หมอหลวงได้ให้ยาแก่ข้าแล้ว แต่เป็นเพราะข้าไม่ได้กินอะไรมาทั้งวันเนื่องด้วยงานยุ่งจึงอาจดูแย่ไปหน่อย"

หากนางได้รับข่าวที่ถูกต้อง คนในตระกูลของจวนเจิ้นกั๋วกงถูกปราบปรามอย่างรุนแรงเมื่อเร็วๆ นี้ บัดนี้สามารถพลิกตัวได้อีกครั้ง

ไม่ใช่เรื่องดีสำหรับนางจริงๆ ที่เจิ้นกั๋วกงจะได้พลิกตัวฟื้นขึ้นมา นางสามารถปล่อยจวนเจิ้นกั๋วกงไปได้ แต่อำนาจของจวนเจิ้นกั๋วกงจะไม่มีวันปล่อยนางไปอย่างแน่นอน

"เขามีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดมากกับคุณหนูสิบแห่งจวนเจิ้นกั๋วกง ว่ากันว่าเขาตกหลุมรักคุณหนูสิบแห่งจวนเจิ้นกั๋วกงตั้งแต่แรกพบ" หวังจิ่นหลิงเลือกคำพูดที่น่าฟังออกมา แท้จริงแล้วเขาพูดว่าคุณหนูสิบเป็นผู้หญิงของเขา เขาจะไม่ยอมให้ใครมารังแกผู้หญิงของเขาเด็ดขาด

หากกล่าวเพียงเท่านี้ยังไม่เท่าไร คนคนนั้นยังกล่าวอีกว่าคนพวกนี้เป็นพวกหัวดื้อรั้นโบราณ ก็แค่ชั้นเยื่อหุ้มพรหมจรรย์ของผู้หญิงไม่ใช่หรือ มีอะไรให้หวงแหนกัน มีแต่ผู้ชายที่ไร้ความสามารถจึงจะกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ ไม่สำคัญหรอกว่าผู้ชายคนแรกของนางจะเป็นใคร เพียงแค่ได้เป็นคนสุดท้ายของนางก็เพียงพอ

คำพูดนี้ค่อนข้างมุ่งมาที่เขา เหมือนจะบอกว่าเขาเป็นคุณชายใหญ่ของตระกูลหวาง แต่ชื่อเสียงนั้นจอมปลอม ก็เป็นเพียงพวกใจแคบคนหนึ่งเท่านั้น

นอกจากนี้เขายังให้มาบอกเฟิ่งชิงเฉินว่า คุณหนูสิบหรงจะไม่หยุดเพียงแค่นั้น โดยบอกว่าถ้าเฟิ่งชิงเฉินพอจะฉลาดอยู่บ้าง เขาสามารถพิจารณารับภรรยาน้อยเข้ามาได้สักคน ซึ่งคำพูดของเขาเหล่านั้นช่างหยาบคายและไม่มีวัฒนธรรม

สรุปคือ...... คนที่จิตใจดีอย่างหวังจิ่นหลิง เขาอดไม่ได้ที่จะโกรธเมื่อได้ยินเรื่องเลวร้ายเช่นนั้น

เมื่อชายคนนั้นเอ่ยถึงเขา รอยยิ้มบนใบหน้าของหวังจิ่นหลิงก็มิได้เปลี่ยนไป เขาไม่ไปสนใจคนเหล่านั้นอย่างแน่นอน คนเช่นนี้หยิ่งผยองคิดว่าตนเป็นใหญ่ แต่ไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วก็เป็นเพียงเครื่องมือ หลังจากเครื่องมือนี้ไร้ประโยชน์ก็ต้องพบกับจุดจบ

แต่เมื่อเอ่ยถึงเฟิ่งชิงเฉิน แม้ว่าใบหน้าของหวังจิ่นหลิงจะยิ้ม แต่ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเย็นชา น่าเสียดายที่คนคนนี้ไม่รู้ตัวเลย ดังนั้นเขาจึงพูดออกมาอย่างดุเดือด

คิดว่าตนเย่อหยิ่งสามารถกวาดโลกได้งั้นหรือ!

คุณหนูสิบหรง นางก็เป็นเพียงหญิงซึ่งไม่รอบคอบในชีวิตส่วนตัวของตน เฟิ่งชิงเฉินกลอกตาอย่างโกรธเคือง "คุณหนูสิบหรงคนนี้น่าทึ่งนัก" เมื่อนางได้พบกับชายป่าเขา ไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้ายกันแน่

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ