ในเมื่อคนอื่นยังไม่พูดถึงเรื่องสิทธิมนุษยชนกับนางเลย แล้วทำไมนางต้องพูดถึงเรื่องสิทธิมนุษยชนกับคนอื่นด้วย แบบนั้นก็ไม่ต่างกับการพล่ามเรื่องไร้สาระไม่ใช่หรือ
ในตอนที่เฟิ่งชิงเฉินกำลังนึกถึงคนงี่เง่าอย่างหลี่เซี่ยง สาวใช้ก็ได้เปลี่ยนเสื้อผ้าให้นางจนเสร็จ และพานางไปที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง เพื่อที่จะหวีและม้วนผมให้เป็นมวย
สาวใช้ของตระกูลหวังฝีมือดีมาก เพียงแค่หวีไม่กี่ครั้งก็สามารถทำให้ผมแบบเรียบ และเพียงการเกี่ยวผมเบาๆด้วยปลายนิ้วมือ ก็เกิดเป็นมวยผมที่สูงตระหง่านขึ้นมาได้
"ผมของคุณหนูทั้งหนาและเรียบ ทำมวยผมไม่จำเป็นต้องใส่วิก" สาวใช้กล่าวชม และหยิบปิ่นปักผมทองออกมาจากกล่องเครื่องประดับ แล้วเสียบเข้าไปในมวยผม ตรงกลางของปิ่นปักผมทองมีทับทิมส่องประกายอยู่ ซึ่งทำให้เฟิ่งชิงเฉินงดงามและสดใสมากยิ่งขึ้น
"ข้ามีสิ่งของแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?" เฟิ่งชิงเฉินรู้ดีว่านางมีเครื่องประดับเพียงไม่กี่ชิ้นเท่านั้น และไม่ใช่ของที่ล้ำค่าอะไรขนาดนั้น
ถ้าหากว่านางมีเครื่องประดับที่ล้ำค่าขนาดนี้ นางคงไม่แต่งตัวเรียบง่ายเช่นนั้นไปงานกวีครั้งที่ผ่านมา
รอยยิ้มของสาวใช้ได้หายไปทันที แต่ละคนยืนอยู่ที่เดิมและก้มหน้าลง
"มีอะไรก็พูดออกมา อย่าลืมสิว่าข้าเป็นนายหญิงของพวกเจ้า สัญญาซื้อขายตัวของพวกเจ้าอยู่ในมือของข้า" เฟิ่งชิงเฉินหยิบปิ่นปักผมหยกออกมาจากกล่องเครื่องประดับและถือไว้ในมือ ดูเหมือนว่านางจะหยิบออกมาเล่นๆแต่ก็แอบมีท่าทีที่ข่มขู่
เมื่อสาวใช้ทั้งสี่คนในห้องได้เห็นสถานการณ์เป็นเช่นนี้ ก็รีบคุกเข่าลงอย่างแรง "คุณหนูให้อภัยด้วย พวกข้าน้อยไม่ได้มีเจตนาจะปกปิดท่าน"
พวกนางนั้นรู้ดีว่า คุณหนูเฟิ่งที่อยู่ตรงหน้านั้นไม่ใช่คนที่ใจดีและไม่ควรที่จะไปกลั่นแกล้ง
"เช่นนั้นก็พูดออกมา เครื่องประดับพวกนี้มาจากไหนกัน" ในใจของเฟิ่งชิงเฉินนั้นรู้ดีว่าสิ่งของเหล่านี้ต้องเป็นของที่หวังจิ่นหลิงส่งมาให้แน่ๆ แต่นางแค่รู้สึกไม่พอใจ ที่คนรอบตัวปิดบังนางไว้
ไม่ผิดที่คนเหล่านี้มาจากตระกูลหวัง และนางเองก็ไม่ได้บังคับให้เหล่าสาวใช้ห้ามติดต่อกับตระกูลหวัง และไม่ได้สั่งให้พวกนางขัดขืนคำสั่งตระกูลหวัง แต่การที่ปิดบังเรื่องนี้กับนางเป็นสิ่งที่ไม่สมควรทำ
"ค่ะ องค์ชาย......" สาวใช้ตะโกนออกมาด้วยความคุ้นชิน แต่เมื่อนึกได้ว่าเจ้านายของตนเองในตอนนี้คือเฟิ่งชิงเฉิน จึงรีบพูดแก้ "เป็นองค์ชายใหญ่ของตระกูลหวังที่ส่งมาให้ องค์ชายบอกเอาไว้ว่ายังไม่ให้แจ้งกับคุณหนู เพื่อทำให้คุณหนูประหลาดใจโดยไม่รู้ตัว"
การจะทำให้ประหลาดใจเป็นข้ออ้าง หวังจิ่นหลิงเพียงกลัวว่าเฟิ่งชิงเฉินจะไม่รับเอาไว้ จึงได้สั่งไว้แบบนั้น เมื่อสิ่งของมาถึงที่จวนเฟิ่งและถูกเก็บเข้าที่ เฟิ่งชิงเฉินก็คงเกรงใจที่จะส่งคืนกลับไปแล้ว
"ลุกขึ้นมาเถอะ" เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้ปล่อยให้สาวใช้รู้สึกลำบากใจต่อไปอย่างนั้น นางรู้ว่าหวังจิ่นหลิงกลัวว่านางจะไม่รับไว้ นอกจากนี้นางก็ไม่ได้ให้สาวใช้เหล่านี้ลืมเจ้านายคนเก่าไป
"ถึงอย่างไรพวกเจ้าก็มาจากตระกูลหวัง พวกเจ้าเชื่อฟังคำสั่งขององค์ชายใหญ่นั้นไม่ผิด แต่ให้จดจำเอาไว้ด้วยว่า องค์ชายใหญ่ได้ส่งมอบพวกเจ้ามาให้ข้าแล้ว ก่อนที่พวกเจ้าจะทำเรื่องอะไร ต้องจดจำเอาไว้ว่า ถ้าหากเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก พวกเจ้าก็ไม่จำเป็นที่จะต้องอยู่ในจวนขุนนางผู้ภักดีแห่งนี้แล้ว"
ปัง......เฟิ่งชิงเฉินโยนปิ่นหยกในมือเข้าไปในกล่องเครื่องประดับ เสียงดัง"ปัง"สาวใช้ทั้งสี่คนตกใจ รู้สึกเหมือนว่าปิ่นหยกนี้ได้โยนเข้าไปในใจของพวกนาง และรีบตอบรับขึ้นมา "เจ้าค่ะ"
"ลุกขึ้นเถอะ" อารมณ์ของเฟิ่งชิงเฉินลดน้อยลงอย่างไม่มีเหตุผล
จู่ๆนางก็นึกถึงคำพูดของอวี่เหวินหยวนฮั่วขึ้นมา ที่บอกว่าจวนของนางอยู่ได้อย่างสบายใจ ไม่มีคนนอก ไม่มีสายลับ ทำอะไรก็ไม่ต้องกังวล แล้วในตอนนี้ละ?
ถึงแม้หวังจิ่นหลิงจะไม่นับว่าเป็นคนนอก แต่ก็พูดไม่ได้ว่าเป็นคนใน ในจวนของนางนอกจากคนของตระกูลหวังแล้ว ยังมีตระกูลซูและตระกูลตี๋ ทุกย่างก้าวของนางล้วนอยู่ในสายตาของคนอื่น ถึงแม้ว่าคนเหล่านี้จะไม่มีเจตนาร้าย แต่ถึงอย่างไรก็ไม่สามารถเรียกหาได้อย่างสบายใจ
"นอกจากเครื่องประดับเหล่านี้แล้ว ยังมีอะไรอีกที่องค์ชายใหญ่ส่งมา" เฟิ่งชิงเฉินคิดขึ้นในใจ นางจะต้องซื้อสาวใช้ใหม่ทั้งหมดเลยหรือไม่?
เมื่อเห็นความคับข้องใจของสาวใช้ เฟิ่งชิงเฉินก็รู้สึกไม่สบายใจมากขึ้น นางรู้อยู่แล้วว่านี่เป็นเพราะหวังจิ่นหลิงเป็นห่วงนาง แต่ที่น่าเป็นกังวลคือ มันทำให้นางรู้สึกอึดอัด และรู้สึกหายใจได้ไม่ทั่วท้อง
"นอกจากที่จัดเตรียมสิ่งของเหล่านี้ให้กับข้า องค์ชายใหญ่ดุถามถึงอะไรอีกหรือไม่" นางเชื่อว่า หวังจิ่นหลิงเป็นสุภาพบุรุษ แต่ในใจก็ยังคงรู้สึกกังวลอยู่เล็กน้อย ถึงอย่างไรหวังจิ่นหลิงก็ได้รู้ความลับของนางอย่างรางรางแล้ว
"ไม่มีเจ้าค่ะ" สาวใช้รู้ว่าเฟิ่งชิงเฉินเป็นกังวลมาก จึงตอบกลับมาโดยไม่ลังเล และจ้องมองไปที่เฟิ่งชิงเฉินด้วยสายตาที่สงบ เพื่อพิสูจน์ว่าตนเองไม่ได้โกหก
เมื่อไม่มี ในที่สุดใบหน้าของเฟิ่งชิงเฉินก็มีรอยยิ้มขึ้นมา ในเมื่อนางทำสิ่งต่างๆต่อหน้าคนอื่นอย่างเปิดเผย นางเองก็ไม่ถือสาอะไรที่จะให้หวังจิ่นหลิงได้รู้
"ต่อไปถ้าองค์ชายใหญ่ส่งคนมามอบสิ่งของให้อีก บอกไปว่าข้าไม่อาจใช้มันได้ และข้าไม่ขอรับไว้" ส่วนของที่นางได้รับมาแล้วนั้น นางก็ไม่สามารถส่งคืนกลับไปได้ ทำได้เพียงจดจำไว้ในใจ คิดหาวิธีส่งคืนของขวัญกลับไปให้ในอนาคต
"เจ้าค่ะ" สาวใช้ทั้งสี่คนถอนหายใจอย่างโล่งอก พวกนางกลัวว่าเฟิ่งชิงเฉินจะถามต่อไป หรือจะให้ส่งสิ่งของเหล่านี้คืนกลับไป
ถึงแม้ว่าเฟิ่งชิงเฉินจะยังอายุไม่มาก แต่ออร่าในตัวนางก็ค่อนข้างน่ากลัว เพียงก้มหน้าไม่พูดไม่จาก็ทำให้คนอื่นรู้สึกอึดอัด ภายใต้แรงกดดันของเฟิ่งชิงเฉิน ก็ทำให้พวกนางไม่กล้าที่จะหายใจ
ต้องรู้ด้วยว่า พวกนางเป็นสาวใช้ของตระกูลหวังที่ได้รับการอบรมสั่งสอนมาอย่างดีที่สุด นางกำนัลในวังหลวงก็ไม่สามารถเทียบพวกนางได้
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะผลจากการเฆี่ยนตีของเฟิ่งชิงเฉินหรือไม่ จึงทำให้สาวใช้ทั้งสี่คนนี้กลัว และมีความเคารพนับถือนางมากขึ้นเรื่อยๆ และเฟิ่งชิงเฉินเองก็พอใจกับผลลัพธ์นี้อย่างมาก
ถ้าหากว่านางไม่สามารถจัดการกับสาวใช้รอบๆตัวได้ แล้วจะสามารถทำให้คนอื่นๆในจวนเชื่อฟังคำพูดของนางได้อย่างไร
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ
ไม่ต่อให้จบเหรอคะ นานแล้ว แวะมาบอกกล่าวกันบ้าง...
ขอบคุณน่ะค่ะที่ต้องอดหลับอดนอนอัพเดต สู้ๆๆๆๆน่ะค่ะเป็นกำลังใจให้ค่ะ ผู้อ่านก็ไม่ได้หลับได้นอนเหมือนกัน ติดงอมเลย...
ง่ายๆๆยึดอำนาจ...
มาต่อได้ไหมมมมมมมม พลีสสสสสสสสสสสสสสสสส...
Update ให้หน่อยค่ะ จอดอยู่ที่ 1430 นานแล้ว ขออีกสัก 29 ตอนนะคะ Pleaseeeeee Admin ที่น่ารัก...
ไม่อัพเดตแล้วหรอค่ะ...
สามารถซื้ออ่านผ่านช่องทางไหนได้บ้างค่ะ...
ไทม์ไลน์บอก อัพถึง บท1459 แต่ยังดูได้แค่ บท1430...
Update ให้หน่อยคร่า รออ่านอยู่ คร่า...
ไม่ Update นานแล้ว ไปเที่ยวเพลินเลย สงสารคนรอเถอะ เข้ามาทุกวัน อ่านช้ำไป 2 รอบแล้ว...