อะไร? ชิงเฉินของข้า?
เมื่อพูดจบ ราวกับเวลาพลันหยุดนิ่งไปในทันที ทุกคนที่นั่งอยู่ที่นี่ ต่างก็หยุดการกระทำทุกอย่างของตนลงไป ปากของพวกเขาพลันอ้าค้างเอาไว้เป็นเวลานาน พร้อมกับมองไปที่หวังจิ่นหลิงพร้อม ๆ กัน เสมือนกับจะถามเขาว่า สิ่งที่เขาพูดไปเมื่อครู่ หมายความเช่นไรกันแน่?
มันเป็นคำพูดเหลวไหลของหวังจิ่นหลิง หรือจะเป็นการประกาศกลาย ๆ ให้พวกเขารู้ว่า เฟิ่งชิงเฉินถูกจับจองเป็น "สะใภ้ของตระกูลหวัง"แล้ว คำพูดของหวังจิ่นหลิงได้รับการยืนยันจากตระกูลหวังแล้วหรือ?
เมื่อเผชิญหน้ากับผู้คนที่กำลังขบคิดปัญหาของพวกเขาอยู่นั้น หวังจิ่นหลิงเพียงทำหน้าไม่รู้ทุกข์ไม่รู้ร้อน ทั้งยังไม่เปิดปากอธิบายอันใดออกมาอีกด้วย สีหน้าของตงหลิงจื่อชุนพลันแดงก่ำไปในทันที หากมิใช่ว่าตี๋ตงหมิงรั้งเขาเอาไว้ ตงหลิงจื่อชุนคงลุกขึ้นตบโต๊ะไปแล้ว
การที่เขาได้พบเจอสตรีที่ถูกใจนั้น ไม่ง่ายเลย แต่หวังจิ่นหลิงหมายความว่าอันใดกัน ถึงได้กล้ามาแย่งของเขาไปเช่นนี้
แววตาทั้งสองข้างของตงหลิงจื่อชุนราวกับมีลูกไฟออกมา ทว่า ที่นี่เป็นตำหนักแยกของเสด็จอาเก้า เขาจึงไม่กล้าทำการเสียมารยาทต่อหน้าเสด็จอาเก้านัก เพียงแต่แอบเก็บความเคียดแค้นนี้เอาไว้ในใจตนเอง
คิ้วของซีหลิงเทียนเหล่ยพลันเลิกขึ้นมาเล็กน้อย ราวกับไม่พอใจนัก ทว่า ผู้อื่นพลันมีสีหน้าขบคิดเรื่องนี้ไม่ต่างกัน หากแต่ด้วยแววตาเฉียบคมของหวังจิ่นหลิงที่มองมาหาทุกคนนั้น ทำให้ทุกคนค่อย ๆ ละสายตาจากไป
มีเพียงเสด็จอาเก้าเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์หรือการกระทำของพระองค์ เสด็จอาเก้าทำทีเป็นไม่ได้ยินเรื่องราวมาตั้งแต่ต้น
เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกตกตะลึงยิ่งนัก พร้อมกับมองไปที่หวังจิ่นหลิงด้วยท่าทีตกใจตั้งแต่ที่เขาพูดคำนั้นออกมา เฟิ่งชิงเฉินได้แต่มองหวังจิ่นหลิงด้วยสายตาเหม่อลอยอยู่นาน หาได้คิดที่จะไปสนใจปฏิกิริยาของผู้อื่นไม่ เพียงแต่อยากจะถามหวังจิ่นหลิงว่า เขาพูดเช่นนั้นหมายความว่าอันใดกัน?
อีกทั้งการประกาศต่อหน้าผู้คนเช่นนี้ เขาต้องการจะฆ่านางหรืออย่างไร?
ตระกูลหวังย่อมไม่ยินยอมให้นางแต่งเข้าตระกูลอย่างแน่นอน หากคนในตระกูลหวังรู้ว่าหวังจิ่นหลิงพูดเช่นนี้ออกมา ย่อมต้องมาฆ่านางเป็นแน่ เพื่อดับฝันหวังจิ่นหลิง
เพียงแค่คิดถึงปฏิกิริยาของคนในตระกูลหวังเมื่อมาได้ยินคำพูดนี้แล้ว ทั่วร่างของเฟิ่งชิงเฉินพลันขนลุกซู่ไปในทันที พร้อมกับกะพริบตาไปทางหวังจิ่นหลิงด้วยท่าทีหมดอาลัยตายอยาก เสมือนกับว่า นางต้องการขอความช่วยเหลือโดยด่วน หากแต่หวังจิ่นหลิงเพียงส่งยิ้มปลอบใจนางกลับมาเท่านั้น พร้อมกับกะพริบตาส่งให้กับเฟิ่งชิงเฉิน เพื่อสื่อว่ามิให้นางเป็นกังวลมากไป
ภายในใจของเฟิ่งชิงเฉินพลันรู้สึกร้อนรนยิ่งนัก ทว่า นางรู้ดีว่าหวังจิ่นหลิงหาใช่คนที่ชอบพูดเรื่องหยอกล้อไม่ ดังนั้น การที่เขากระทำเช่นนี้ ย่อมต้องมีเหตุผล ถึงแม้ว่าในใจของเฟิ่งชิงเฉินจะเต็มไปด้วยคำถามและความกังวลมากมาย แต่ในยามนี้นางรู้สึกเบื่อหน่ายยิ่งนัก
เมื่อทุกคนเห็นท่าทีที่ไม่ต้องการตอบคำถามของหวังจิ่นหลิง พวกเขาจึงได้เปลี่ยนสีหน้าไม่เข้ามาถามอันใดอีก เฟิ่งชิงเฉินจึงได้แต่ปลอบใจตนเองเอาไว้ คงจะไม่มีเรื่องอันใดอีกกระมัง หวังจิ่นหลิงย่อมไม่ให้นางโดนตระกูลหวังไล่ฆ่าอย่างแน่นอน
อ๊าก เพราะคำพูดของหวังจิ่นหลิง ภายในใจของเฟิ่งชิงเฉินรู้สึกฟุ้งซ่านยิ่งนัก เมื่อเห็นน้ำแกงไก่ที่อยู่ตรงหน้านั้น เพราะความอึดอัดใจที่อยู่ในอก จึงทำให้นางเผลอซดน้ำแกงจนหมดภายในสองสามคำ แล้วจึงยื่นถ้วยเปล่าส่งให้กับหวังจิ่นหลิง "เอาอีก!"
โอกาสที่จะเรียกใช้คุณชายใหญ่มีไม่มากนัก ก่อนที่นางจะโดนคนของตระกูลหวังไล่ฆ่านั้น นางขอเก็บเกี่ยวสิ่งดี ๆ เอาไว้ก่อน
ถึงแม้เสียงจะมิได้ดังมาก แต่ทว่า นางกับหวังจิ่นหลิงที่กลายเป็นตัวเอกของงานเลี้ยงโดยมิได้ตั้งใจไปแล้ว รวมไปถึงการกระทำของพวกเขาในทุก ๆ ย่างก้าว สามารถดึงดูดสายตาผู้คนได้เป็นอย่างดี เพียงเพราะคำพูดนั้น ทำให้ผู้คนอดไม่ได้ที่จะหันไปมองดูพวกเขาเป็นครั้งคราว
ตงหลิงจื่อชุนเกือบบุกเข้าไปเอาเรื่องหวังจิ่นหลิงแล้ว หากไม่นับว่าข้างกายของเขามีตี๋ตงหมิง ที่กำลังกดตัวเขาให้นั่งอยู่บนเก้าอี้ละก็
ยามที่ต้องมาเผชิญหน้ากับสายตาที่อิจฉาริษยาของทุกคนเช่นนี้ เฟิ่งชิงเฉินจึงได้แต่ต้องแสร้งทำเป็นไม่เห็นเท่านั้น พร้อมกับหันไปหาหวังจิ่นหลิงที่กำลังบริการนางอย่างไม่ทุกขืไม่ร้อนแทน
เมื่อสาวใช้ ได้รับสัญญาณมือลับ ๆ ของเสด็จอาเก้านั้น ก็พลันก้าวเข้ามาเพื่อที่จะทำการเตรียมคีบอาหารให้ในทันที หากแต่ถูกหวังจิ่นหลิงปฏิเสธกลับมาว่า "ไม่ต้องหรอก ชิงเฉินของข้าเลือกกินยิ่งนัก ให้ข้าจัดการเองจักดีกว่า"
คำพูดเช่นนี้แสดงถึงความใกล้ชิดของพวกยิ่งนัก
เฟิ่งชิงเฉินได้แต่ยิ้ม หาได้ตอบโต้กลับไม่ แต่ใช้โอกาสนี้ ในการลอบดูปฏิกิริยาของผู้คนแทน โดยปกติแล้ว หวังจิ่นหลิงหาใช่คนเช่นนี้ไม่ อย่าได้พูดถึงการกระทำเช่นนี้ต่อหน้าผู้คนเลย แม้แต่อยู่ในที่ลับตา พวกเขาทั้งสองคนหาได้เคยทำเช่นนี้ไม่ การกระทำของหวังจิ่นหลิงคล้ายว่าจงใจทำให้คนผู้หนึ่งได้เห็น
ทว่า จงใจให้ผู้ใดเห็นกัน?
เฟิ่งชิงเฉินพลันกวาดสายตามองผู้คนไปทั่ว จากซ้ายไปขวา ไปกับไปกับเช่นนั้น ก็หาได้มองออกไม่ ต่อหน้าต่อตาเช่นนี้ พวกเขาจักไปกล้าแสดงสีหน้าออกมาได้อย่างไรกัน
บุคคลที่น่าสงสัยที่สุดคือเสด็จอาเก้า หากแต่เสด็จอาเก้าหาได้มีท่าทีปกติอันใดไม่ แม้แต่เปลือกตาก็หาได้ลืมตาขึ้นมามองนาง นั่นทำให้เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกอึดอัดใจยิ่งนัก
เฮ้อ เขาหาได้คิดอันใดกับนางไม่ นางยังคิดไปสนใจท่าทีของเขาอีกงั้นหรือ นางตั้งใจกินอาหารตรงหน้าต่อไปจักดีกว่า ด้วยสมองของนางในตอนนี้แล้ว ย่อมไม่อาจมีกะจิตกะใจเล่นเกมกับผู้คนในนี้ได้ หวังจิ่นหลิงย่อมไม่อาจทำร้ายนาง ไม่ว่าหวังจิ่นหลิงต้องการจะทำเช่นไร นางย่อมให้ความร่วมมือกับเขาอย่างเต็มที่
อย่างมากที่สุด ก็คงโดนตระกูลหวังเกลียดแค้นนางไปเป็นชั่วโคตรกระมัง สำหรับปัญหาของหวังจิ่นหลิงนั้น เขาย่อมแก้ไขมันได้แน่ ถึงอย่างไร เฟิ่งชิงเฉินหาได้ต้องการแต่งเข้าตระกูลหวัง เป็นสะใภ้ใหญ่ของตระกูลหวังไม่
หวังจิ่นหลิงกับเฟิ่งชิงเฉินได้กลายเป็นตัวเอกในงานนี้ไปเลยในทันที ยามที่องค์รัชทายาทและตงหลิงจื่อลั่วหาเรื่องมาพูดคุยกับซีหลิงเทียนเหล่ยนั้น ก็ยังอดมิได้ที่ลอบมองทั้งหวังจิ่นหลิงและเฟิ่งชิงเฉิน พร้อมด้วยคิ้วที่ขมวดขึ้นลงเป็นครั้งคราว
พวกเขาทั้งสองคนคิดไม่ได้หรืออย่างไรกัน ว่าทำเช่นนี้เป็นการเสียมารยาท?
เมื่อเห็นองค์รัชทายาทและตงหลิงจื่อลั่วมีสีหน้าที่มิใคร่พอใจนัก ตี๋ตงหมิงจึงอดมิได้ที่จะกระแอมกระไอขึ้นมาสองสามครั้ง เพื่อส่งสัญญาณให้กับหวังจิ่นหลิงและเฟิ่งชิงเฉินว่า อย่าได้แย่งตัวเอกของงานนี้ไป พวกเขามิมองเห็นแววตาอาฆาตขององค์หญิงอันผิง ซูหว่านและซีหลิงเหยาหวาหรืออย่างไรกัน พวกเขาทั้งสองยังกล้านั่งลงอีกหรือ หวังจิ่นหลิงทำเช่นนี้ ต้องการให้สตรีในใต้หล้าอิจฉาริษยาเฟิ่งชิงเฉินจนตายหรืออย่างไรกัน?
หวังจิ่นหลิงเพียงหันหน้าหาทุกคน พร้อมกับแย้มยิ้มเป็นเชิงต้องการขอโทษออกมา หลังจากนั้น จึงก้มหน้าลงเพื่อกินอาหาร ทั้งยังไม่ลืมที่จะคีบอาหารให้กับเฟิ่งชิงเฉินด้วย
เฟิ่งชิงเฉินไม่เข้าใจ งานแต่งงานเพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรีของทั้งสี่แคว้น เกี่ยวข้องอันใดกับนางกันเล่า?
คนพวกนี้มิใช่ต้องการงานแต่งงานเพื่อเชื่อมความสันติภาพ ทั้งยังเป็นการบอกกับทุกคนว่า ข้าไม่ต้องการสู้รับกับพวกเจ้าไม่ใช่หรือ ไม่เพียงแต่เพราะต้องการสร้างความสัมพันธ์อันดีด้วย ทั้งยังต้องการสันติภาพมาสู่แว่นแคว้นของตนเองอีก
ทั้งหนานหลิงและซีหลิงต่างก็พาสตรีที่สูงส่ง เพื่อแต่งเข้าตงหลิง อีด้านเพื่อต้องการโน้มน้าวใจองค์จักรพรรดิ อีกด้านก็เพื่อต้องการแฝงสายลับเจ้ามาในตงหลิงให้ได้มากที่สุด เป่ยหลิงมาสู่ขอองค์หญิงของตงหลิง ก็เพื่อต้องการบอกว่า ตงหลิงยิ่งใหญ่กว่าแคว้นของตนเอง จึงต้องการยืมความรุ่งโรจน์ของตนหลิงมาพัฒนาแว่นแคว้นของตน
ทุกคนต่างพากันยกยอตงหลิงว่าเป็นแคว้นที่เป็นมหาอำนาจ หากแต่ตงหลิงกลับวางแผนที่จะตลบหลังพวกเขาแทน ทว่า เรื่องที่ใหญ่โตเช่นนี้เกี่ยวข้องอันใดกับนางกัน
"เจ้านะ บางทีก็เฉลียวฉลาดจนเกินไป บางทีก็โง่เง่าไม่รู้เรื่องยิ่งนัก" หวังจิ่นหลิงพลันเขกหัวไปที่หน้าผากเฟิ่งชิงเแินไปในทันที เฟิ่งชิงเฉินรีบร้อนถอยห่างจากเขาไปโดยพลัน พร้อมกับลูบหน้าผากของตน และส่งเสียงโอดครวญออกมาว่า "เหตุใด พวกเจ้าชอบเขกหัวข้านัก แต่เดิมข้าก็ไม่ฉลาดอยู่แล้ว ทำเช่นนี้ไม่ใช่ว่าข้าโง่ลงกว่าเดิมหรือ"
"อะไร?มีคนเขกหัวเจ้าเช่นนี้ด้วยหรือ?" แววตาของหวังจิ่นหลิงพลันมองมาด้วท่าทีจับผิดไปในทันที พร้อมกับมองไปที่เสด็จอาเก้าแล้วจึงแย้มยิ้มออกมา โดยมิได้เอ่ยสิ่งใดออกมาอีก
เฟิ่งชิงเฉินมิต้องการเป็นนางสนม เขาเองก็ไม่อาจแต่งนางเข้าเป็นฮูหยินได้ คนพวกนั้นก็ไม่อาจมอบตำแหน่งพระชายาเอกให้กับเฟิ่งชิงเฉินได้เช่นกัน ถึงแม้ว่าฝ่าบาทจะยินยอมแล้วอย่างไร พวกบัณทิตข้าราชบริพารทั้งหลายย่อมมิยินยอมเช่นกัน ผู้คนในใต้หล้าก็ย่อมไม่เห็นด้วย
ถึงแม้จะรู้ว่าไม่อาจทำเช่นนี้ได้ ก็ยังคิดที่จะมาหาเรื่องอีก มิรู้ว่าเจ้าไปกินดีหมีหัวใจเสือมาจากที่ใดกันแน่
ถึงแม้ว่าหวังจิ่นหลิงจะไม่ต้องการสร้างบาดแผลให้กับเฟิ่งชิงเฉิน เขาไม่อาจแต่งนางเข้าจวนได้ แต่ก็ไม่ต้องการให้ผู้ใดมาทำลายความสุขของเฟิ่งชิงเฉินไปเช่นกัน
เฟิ่งชิงเฉินพลันส่งเสียงพึมพำออกมาเล็กน้อย หาได้ตอบกลับไม่ เมื่อเห็นว่าหวังจิ่นหลิงมิได้ไล่บี้ถามเรื่องราว เฟิ่งชิงเฉินก็รู้สึกโล่งใจในทันที
แค่เรื่องอาภรณ์ในวันนี้ นางก็ไม่อาจอธิบายให้เขาเข้าใจได้แล้ว หากต้องเล่าเรื่องราวในบึงบัวตอนบ่ายให้เขาฟัง แม้นางจะต้องกระโดดลงแม่น้ำหวางเหอก็ไม่อาจลบมลทินลงไปได้แน่
บางที ซูหว่านอาจจะเกลียดนางไปจนตายเลยก็ได้ องค์หญิงอันผิงอาจจะต้องริษยานางจนขาดใจตาย และยังมีซีหลิงเหยาหวา
นางไม่อาจลืมได้เลยว่าในวันนี้ ตงหลิงจื่อลั่วแอบมองนางและหวังจิ่นหลิงมากเพียงใด สายตานั้น เฮอะเฮอะเฮอะ เสมือนกับนางเป็นสิ่งของของเขาก็ไม่ปาน
เมื่อเบ้ปากออกมาเล็กน้อย เฟิ่งชิงเฉินก็ตัดสินใจที่จะไม่สนใจเรื่องนี้ ยามที่นางเปลี่ยนอาภรณ์นั้น เสด็จอาเก้าก็ได้ผลักนางไปแนวหน้าในทันที นางอยากจะหนีก็ไม่อาจหนีไปได้ เรื่องที่สำคัญที่สุดในยามนี้ก็คือ "จิ่นหลิง เรื่องงานแต่งเชื่อมสัมพันธไมตรีทั้งสี่แคว้นนี่เป็นเช่นไรกันแน่ มันเกี่ยวข้องกับข้าจริง ๆ หรือ?"
หวังจิ่นหลิงพยักหน้าลงเล็กน้อย แต่เดิมเขามิค่อยมั่นใจนัก ทว่า เมื่อเห็นท่าทีของซีหลิงเทียนเหล่ยในวันนี้ เมื่อคิดไปถึงอาภรณ์ที่เสด็จอาเก้าให้เฟิ่งชิงเฉินใส่ เขาก็เข้าใจทุกอย่างได้ในทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ
ไม่ต่อให้จบเหรอคะ นานแล้ว แวะมาบอกกล่าวกันบ้าง...
ขอบคุณน่ะค่ะที่ต้องอดหลับอดนอนอัพเดต สู้ๆๆๆๆน่ะค่ะเป็นกำลังใจให้ค่ะ ผู้อ่านก็ไม่ได้หลับได้นอนเหมือนกัน ติดงอมเลย...
ง่ายๆๆยึดอำนาจ...
มาต่อได้ไหมมมมมมมม พลีสสสสสสสสสสสสสสสสส...
Update ให้หน่อยค่ะ จอดอยู่ที่ 1430 นานแล้ว ขออีกสัก 29 ตอนนะคะ Pleaseeeeee Admin ที่น่ารัก...
ไม่อัพเดตแล้วหรอค่ะ...
สามารถซื้ออ่านผ่านช่องทางไหนได้บ้างค่ะ...
ไทม์ไลน์บอก อัพถึง บท1459 แต่ยังดูได้แค่ บท1430...
Update ให้หน่อยคร่า รออ่านอยู่ คร่า...
ไม่ Update นานแล้ว ไปเที่ยวเพลินเลย สงสารคนรอเถอะ เข้ามาทุกวัน อ่านช้ำไป 2 รอบแล้ว...