นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 342

ชีวิตของเฟิ่งชิงเฉินล้วนแต่ถูกแขวนอยู่บนเส้นด้าย ทำเอาผู้คนที่รอฟังข่าวคราวของนางนั้น ถึงกับหมดความอดทนไปในทันที ครึ่งเดือนแรกยังพอจะมีผู้คนจดจำชื่อของนางได้ พร้อมทั้งพูดคุยเกี่ยวกับความประสบเคราะห์ร้ายที่นางต้องพบเจออย่างน่าสงสารเป็นครั้งคราว

ทั้งจิ้นหยางโหวฮูหยินและหนิงกั๋วกง ต่างก็พากันยื่นป้ายเข้าวัง เพื่อขอเข้าเฝ้าฮองเฮา เนื่องจากพวกนางอยากจะเข้าไปเยี่ยมเยียนเฟิ่งชิงเฉินสักครั้ง แต่ก็ถูกปฏิเสธจนคอตกกลับมาแทน

อันผิง เหยาหวาและซูหว่านเอง ต่างก็อดที่จะพูดถึงเฟิ่งชิงเฉินด้วยความเห็นอกเห็นใจไม่ได้เช่นกัน ถึงแม้ว่าเฟิ่งชิงเฉินจะมิได้ออกมาให้เห็นภายในเมืองหลวง แต่ชื่อของนางกลับติดอยู่ในหูของผู้คนอยู่ตลอดเวลา

เมื่อมาถึงครึ่งหลังของเดือนแล้วนั้น ก็ไม่มีผู้ใดจดชื่อของเฟิ่งชิงเฉินได้อีกต่อไป เนื่องจากว่า งานวันพระราชสมภพขององค์จักรพรรดิมาถึงแล้ว ไม่ว่าจะรู้สึกสุขสงบหรือไม่ ในยามนี้ก็จะต้องแสดงออกมาว่ามีความสุขยิ่งนัก มิสมควรขัดพระราชโองการขององค์จักรพรรดิเป็นอันขาด

องค์ชายที่ถูกส่งตัวไปอยู่ต่างเมืองนั้น จะมีโอกาสเพียงแค่ช่วงวันพระราชสมภพของฝ่าบาทที่จะได้กลับมาอยู่ในเมืองหลวง อีกทั้งในหนึ่งปียังมีโอกาสอยู่ภายในเมืองหลวงได้เพียงแค่หนึ่งเดือนอีกด้วย แม้ว่าพวกเขาจะทำตัวลอยตามคลื่นลม แต่ยามที่พวกเขาได้กลับเข้ามานั้น ก็จะเรียกตัวขุนนางเข้ามาพูดคุยเป็นการส่วนตัว เพื่อจะได้รู้ว่าคลื่นลมภายในเมืองหลวงในยามนี้เป็นเช่นไร

ในอดีต แม้ว่าฝ่าบาทจะทำตัวปิดตาข้างหนึ่งลืมตาข้างหนึ่งมาโดยตลอด แต่พวกองค์ชายเองก็มิกล้าเคลื่อนไหวให้เอิกเกริกนัก

องค์ชายรองหย่งอ๋อง องค์ชายสามเหิงอ๋อง องค์ชายสี่ฉีอ๋อง องค์ชายห้าโจวอ๋อง และยังมีองค์ชายที่ประจำชายแดนของซีหลิงเช่นองค์ชายหกชิงอ๋องอีก แม้ยังมิทันได้เข้าเมืองหลวง ก็ทำตัวคล้ายกับลูกแมวเชื่องยิ่งนัก มิได้ไปทำการพูดคุยกับขุนนางผู้อื่นเลยแม้แต่น้อย แม้กระทั่ง ยังออกจากจวนน้อยครั้งด้วยเช่นกัน นอกจากยามที่ต้องเข้าวังเพื่อเข้าเฝ้าฝ่าบาทแล้วนั้น พวกเขาเอาแต่เก็บตัวอยู่ในจวนไม่ออกไปที่ใด

เมื่อเห็นองค์ชายทำตัวเชื่อฟังเช่นนี้ ฝ่าบาทพลันรู้สึกพอพระทัยยิ่งนัก ทั้งยังปฏิบัติตัวกับองค์ชายด้วยความรักใคร่ ถึงแม้ว่าเหล่าองค์ชายจะแสดงออกว่าดีใจยิ่งนัก แต่แท้จริงแล้ว ภายในใจของพวกเขากลับรู้สึกระแวดระวังตัวมากกว่าเดิม ทั้งยังต้องเก็บหูเก็บหางของตนให้มิดชิดเข้าไปอีก ภายในใจได้แต่ก่นด่าเฟิ่งชิงเฉินไม่หยุด การกระทำของเฟิ่งชิงเฉินคือการเอาพวกเขาไปเป็นไม้กันหมา แล้วตนเองก็เข้าไปกอดแข้งกอดขาขององค์จักรพรรดิเสียเอง

มิทันไร เฟิ่งชิงเฉินกลับกลายมาเป็นศัตรูขององค์ชายทั้งหมดเสียได้

หลี่เซี่ยงยามที่รักษาตัวกินดีอยู่ดียิ่งนัก สภาพจิตใจก็ดีขึ้นเป็นอย่างมาก หากแต่บาดแผลของเขากลับน่าประหลาดใจยิ่งนัก ยามที่มันใกล้จะสมานกันนั้น วันรุ่งขึ้นแผลก็จะถูกปริแตกออกมาเช่นเดิม ล้วนแต่เป็นเช่นนี้ทุกครั้ง ในยามนี้ หลี่เซี่ยงจึงได้แต่พูดประโยคง่าย ๆ ออกมาเท่านั้น

"หมอต้มตุ๋น เจ้าพวกหมอต้มตุ๋น" เมื่อบาดแผลไม่มีวี่แววว่าจะหายขาดนั้น หลี่เซี่ยงจึงได้โวยวายโยนข้าวของลงอยู่ภายในวัง เมื่อเรื่องนี้ไปถึงหูของฝ่าบาทนั้น ฝ่าบาทพลันเรียกซุนเจิ้งเต้าเข้าไปสอบสวนในทันที

"ท่านหมอหลวงซุน อาการของหลี่เซี่ยงเป็นอย่างไรกันแน่?" เนื่องจากฝ่าบาทล่วงรู้มาว่า ทั้งซุนเจิ้งเต้าและเฟิ่งชิงเฉินมีความสนิทสนมกัน แต่พระองค์รู้จักนิสัยของซุนเจิ้งเต้าผู้นี้ดี ว่าเขาเป็นคนตรง ๆ และซื่อสัตย์และมีวิชาการแพทย์ยอดเยี่ยมยิ่งนัก อีกทั้งซุนเจิ้งเต้าเองหาได้มีความแค้นต่อหลี่เซี่ยงไม่ เขาจะกล้าสร้างความลำบากให้กับหลี่เซี่ยงได้อย่างไร

ในยามที่ซุนเจิ้งเต้ามิได้แย้มยิ้มออกมานั้น ใบหน้าของเขาจะดูดุดันยิ่งนัก ทั้งยังแสดงสีหน้าออกมาอย่างข่มขื่นอีก ซุนเจิ้งเต้าพลันกล่าวออกมาด้วยท่าทางหนักใจว่า "ทูลฝ่าบาท กระหม่อมมิอาจเข้าใจถึงอาการบาดเจ็บของคุณชายหลี่ได้จริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ ยามที่บาดแผลกำลังจะสมานกันนั้น อีกวันก็มักจะเกิดอาการปริแตกออกมาเสมอ แม้ว่าอาการบาดแผลของคุณชายหลี่หาได้ถึงชีวิตไม่ แต่กระหม่อมก็ไม่ทราบว่า บาดแผลของคุณชายหลี่จะหายดีเป็นปริดทิ้งได้เมื่อไหร่พ่ะย่ะค่ะ"

แววตาของซุนเจิ้งเต้าช่างใสซื่อบริสุทธิ์ยิ่งนัก แม้แต่ในยามที่ต้องเผชิญหน้ากับการบีบบังคับของฝ่าบาท ซุนเจิ้งเต้าก็หาได้หลบสายตาไม่

ราวกับจะสื่อว่า เขารักษาบาดแผลให้กับหลี่เซี่ยงด้วยพละกำลังที่ตนเองมี หาได้คิดตุกติกอันใดไม่ เรื่องทุกอย่างฝ่าบาทล้วนแต่สามารถรีบหาความจริงได้ เขามีความจริงใจมากพอ

ฝ่าบาทเชื่อใจในตัวของซุนเจิ้งเต้ายิ่งนัก แต่ก็ยังแอบส่งคนไปสืบเรื่องราวมาอยู่ดี ซุนเจิ้งเต้าหาได้พูดโกหกไม่ เขาพยายามอย่างสุดความสามารถในการรักษาบาดแผลให้กับหลี่เซี่ยงแล้ว แต่ทว่า บาดแผลไม่อาจฟื้นฟูให้ดีขึ้นได้ จักรพรรดิเองก็ไม่สามารถทำอันใดได้เช่นกัน

"หมอหลวงซุน เจ้าไปตามหาหมอหลวงที่เชี่ยวชาญบาดแผลภายนอกมาดูบาดแผลให้กับหลี่เซี่ยงหน่อยเถิด เจิ้นต้องการให้อาการของเขาดีขึ้นโดยไว" หากว่าหลี่เซี่ยงอาการยังไม่ดีขึ้นละก็ เขาย่อมไม่อาจบอกความลับของระเบิดเทียนเหล่ยออกมาได้

ฝ่าบาทรู้ดีว่าหลี่เซี่ยงชื่นชอบสาวงาม ในยามนี้ ฝ่าบาทจึงเลือกใช้กลยุทธ์สาวงามมากมายนัก ภายใต้การใช้มารยาของสาวงามทั้งหลายนั้น เพื่อให้หลี่เซี่ยงได้เปิดเผยความลับอะไรบางอย่างออกมา แต่เป็นเพราะอาการบาดเจ็บที่คอ จึงทำให้เขาไม่อาจเอ่ยสิ่งใดออกมาได้มากนัก ฝ่าบาทจึงได้รับข้อมูลที่มิค่อยปะติดปะต่อ

หลี่เซี่ยงพลันลงมือเขียนบนพื้นในทันที "ความคิดนี้ดียิ่งนัก แต่ทว่า ข้าต้องการนำระเบิดเทียนเหล่ยมาระเบิดใส่เฟิ่งชิงเฉิน ไม่อาจมอบให้กับฝ่าบาทได้ ใช่แล้ว บิดาของเจ้าคิดจะลงมือเมื่อใดเล่า หากจะทำให้เฟิ่งชิงเฉินตาย เพียงแค่ปล่อยระเบิดเทียนเหล่ยลงไปเท่านั้น นางก็ไม่อาจวิ่งไปที่ใดได้อีก"

นับตั้งแต่ที่เจิ้นกั๋วกงได้รับระเบิดเทียนเหล่ยมาเป็นจำนวนมากนั้น ก็เอาแต่บ่ายเบี่ยงว่า ยังหาจังหวะไม่ได้ จึงยังไม่อาจนำไปฆ่าเฟิ่งชิงเฉินให้ตายได้เสียที ในเมื่อระเบิดเทียนเหล่ยอยู่ในมือของจักรพรรดิหมดแล้วเช่นนี้ เขาจะไปหาที่ไหนมาอีกได้

"คุณชายหลี่ท่านนี่ก็จริง ๆ เลย ท่านมิคิดแทนท่านพ่อข้าหน่อยหรือ ในใต้หล้านี้ ผู้ที่มีระเบิดเทียนเหล่ยครอบครองมีเพียงแค่ท่าน หากท่านพ่อของข้าต้องไประเบิดเฟิ่งชิงเฉินละก็ เสียงระเบิดจะดังมากเพียงใด ท่านพ่อของข้ามิใช่ว่าคิดเผื่อท่านหรอกหรือ หากเฟิ่งชิงเฉินยังอยู่ในเมืองหลวงเช่นนี้ พวกเราก็ไม่อาจทำการอันใดได้มากนัก พวกเราควรรอจนกว่านางจะไปนอกเมืองจะดีกว่า เมื่อถึงเวลานั้น การจะใช้ระเบิดเทียนเหล่ยระเบิดนางให้ตายนั้น ผู้ใดก็ไม่อาจล่วงรู้ได้" หรงชิงชิวพลันพูดตามที่ตนเองคิดออกมา

"เสียงระเบิด?" หลี่เซี่ยงพลันคุ้นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นแววตาพลันเปล่งประกายออกมา แล้วจึงเขียนว่า "ข้ารู้แล้วว่าจะมอบของสิ่งใดให้ฝ่าบาทดี และข้าก็รู้แล้วว่าพวกเราจะมีวิธีกลบเสียงระเบิดได้อย่างไร เมื่อถึงวังงานพระราชสมภพนั้น ให้บิดาของเจ้าส่งคนไปจวนเฟิ่ง ข้าต้องการให้จวนเฟิ่งถูกทำลายราบเป็นหน้ากลอง เพื่อให้มันกลบฝังร่างของเฟิ่งชิงเฉินไม่ให้มีผู้ใดล่วงรู้เสีย"

หรงชิงชิวรู้สึกตื่นตระหนกไปในทันที พร้อมกับมองไปที่หลี่เซี่ยงด้วยความหวาดกลัว ถึงแม้ว่านางจะเกลียดแค้นเฟิ่งชิงเฉินจนอยากให้ตกตายไปจริง ๆ แต่นางมิเคยต้องการให้เฟิ่งชิงเฉินต้องมาตายอย่างน่าอนาถเช่นนั้น

บุรุษผู้นี้จิตใจโหดเหี้ยมยิ่งนัก!

ร่างของหรงชิงชิวพลันแข็งทื่อไปในทันที หากแต่หลี่เซี่ยงกลับดูตื่นเต้นยิ่งนัก ยามที่สวมกอดหรงชิงชิวอยู่นั้น เขาพลันเขียนแผนการของตนเองออกมาในทันที หรงชิงชิวจึงได้แต่เก็บแววตาของตนเองลงไป พร้อมกับจับจ้องแผนการของหลี่เซี่ยงทุกตัวอักษรจนขึ้นใจ โดยเฉพาะทุกส่วนผสมที่เขาเขียนออกมานั้น แม้ตายหรงชิงชิวก็จะต้องจดจำมันให้ได้

บางที แผนการในครานี้ นางต้องประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่แน่นอน!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ