เป็นการฆ่าคนไม่ผิดแน่ แต่เฟิ่งชิงเฉินก็ไม่ใช่คนงี่เง่าถึงขนาดจะใช้กระจกในการฆ่า ถึงแม้ว่าสิ่งนี้ก็สามารถใช้ฆ่าคนได้ แต่ก็มีความเสี่ยงที่แอบแฝงอยู่มาก เรื่องที่นางไปหาซูเหวินชิงเพื่อขอให้ทำกระจกให้ก็ไม่ใช่ความลับ ใครที่สนใจก็สามารถรับรู้ได้แน่นอน นางต้องการฆ่าคนนั้นเป็นเรื่องจริง แต่ก็ไม่ได้คิดอยากจะชักภัยเข้าหาตัว
การฆ่าคนของนางต้องวางแผนอย่างลับๆ สิ่งของนางได้เตรียมพร้อมเอาไว้แล้ว เหลือเพียงแค่รอให้โอกาสมาถึง
ตกกลางคืน เฟิ่งชิงเฉินที่ใส่ชุดสีดำทั้งตัวเดินออกมาจากจวนซุน และได้มาถึงยังสถานที่ที่ได้นัดเอาไว้กับเซี่ยหวงกุ้ยเฟย หลังจากที่ใช้รหัสลับเพื่อยืนยันตัวตนแล้ว นางก็ขึ้นไปบนรถม้า เตรียมที่จะแอบเข้าไปในวังผ่านเส้นทางลัด
ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น แต่หลังจากที่ได้ขึ้นมาบนรถม้า เฟิ่งชิงเฉินก็พบว่าจู่ๆในรถม้าคันนี้ก็มีคนอยู่ เฟิ่งชิงเฉินตกใจแต่นั่งลงไปทันทีทำเหมือนไม่มีอะไรผิดปกติ
นางไม่ใช่คุณหนูที่ไม่เคยมีประสบการณ์ การที่พบเจอกับสถานการณ์เช่นนี้ การเอะอะโวยวายนั้นไม่มีประโยชน์ นอกจากนี้ถ้าหากอีกฝ่ายต้องการฆ่านาง ก็คงลงมือไปตั้งนานแล้ว
ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายนั้นมาที่นี่เพราะอะไร เขาเพียงแค่ซ่อนตัวอยู่ที่มุมในรถม้าและไม่ขยับตัวใดๆ เฟิ่งชิงเฉินเงยหน้าขึ้นอย่างระมัดระวัง ด้วยแสงของดวงจันทร์ ในที่สุดเฟิ่งชิงเฉินก็รู้ว่าคนคนนี้เป็นใคร
"เสด็จอาเก้า?" เฟิ่งชิงเฉินนึกถึงความเป็นไปได้เป็นร้อยเป็นพัน แต่ก็ไม่มีเลยสักอันที่คนในรถม้าคันนี้จะเป็นเสด็จอาเก้า เรื่องนี้ทำให้นางตกมากจริงๆ
นางกับเซี่ยหวงกุ้ยเฟยเตรียมการนี้เรื่องด้วยกันอย่างลับๆ แต่จู่ๆก็ถูกเสด็จอาเก้ารับรู้ได้ นี่มันหมายความว่าอะไร? นี่หมายความว่าคนที่อยู่ข้างกายของเซี่ยหวงกุ้ยเฟยหรือคนที่อยู่ข้างกายของนางนั้นเป็นคนที่เสด็จอาเก้าส่งมาก่อนแล้ว ทุกๆการกระทำของพวกนางล้วนตกอยู่ภายใต้สายตาของเสด็จอาเก้า
แค่คิด เฟิ่งชิงเฉินก็รู้สึกกลัวแล้ว
นางไม่เคยประเมินคนสมัยก่อนต่ำไป ไม่เคยคิดว่าเธอเป็นผู้ข้ามเวลาตัวน้อยที่มีความสามารถในการเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์ของโลกใบนี้ ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่มีปัจจัยภายนอกอื่นๆ นางใช้ชีวิตในทุกๆวันและรุ่งเรืองขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว
แต่เสด็จอาเก้าคนนี้น่ากลัวเกินไปแล้ว!
"ชู่!" เสด็จอาเก้ายื่นนิ้วชี้ขวาออกมา เขาไม่ได้วางลงบนริมฝีปากของตนเอง แต่เอนตัวไปข้างหน้าแล้ววางลงบนริมฝีปากของเฟิ่งชิงเฉิน
"ไม่ต้องเป็นกังวล นอกจากตัวข้าแล้วไม่มีบุคคลที่สามที่รู้เรื่องนี้" คนที่รู้เรื่องนี้ต่างถูกเขากวาดล้างไปหมดแล้ว เฟิ่งชิงเฉินคิดจริงๆหรือว่าเพียงอาศัยแค่นางกับตระกูลหวังเซี่ยทั้งสอง จะสามารถจัดการเรื่องนี้อย่างไร้ร่องรอยได้ จะสามารถแอบเข้าไปในวังอย่างไร้ร่องรอยได้?
ถ้าพระราชวังเข้าไปได้ง่ายๆเช่นนั้น จักรพรรดิคงจะตายไปตั้งนานแล้ว
เห้อ......เฟิ่งชิงเฉินถอนหายใจ
ริมฝีปากที่อบอุ่น นิ้วที่ร้อน ก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้รู้สึกว่ามีอะไร แต่ตอนนี้......เฟิ่งชิงเฉินที่เปิดปากขึ้นเพื่อจะพูด แต่ไม่คาดคิดว่าปลายลิ้นของนางจะเลื่อนผ่านนิ้วของเสด็จอาเก้า ทั้งสองตกตะลึงจนค้างไปพร้อมๆกัน เหมือนถูกไฟฟ้าช็อต
ความรู้สึกชาวาบขึ้นมาจากเท้าของนาง เฟิ่งชิงเฉินมองดูใบหน้าหล่อเหลาที่อยู่ตรงกันข้าม และในตอนนี้เฟิ่งชิงเฉินถึงจะคิดขึ้นมาได้ว่า ท่านมาที่นี่ทำไม?
เสด็จอาเก้าไม่ได้ตอบ นัยน์ตาสีดำของเขาฉายแสงที่ไม่อาจคาดเดาได้ เขาเป็นผู้ชาย ผู้ชายที่ปกติคนหนึ่ง ถึงแม้จะรักสะอาดและไม่ชอบให้ผู้หญิงแตะต้อง แต่เขาไม่รังเกียจการสัมผัสจากเฟิ่งชิงเฉิน
ภายใต้การกระตุ้นของเฟิ่งชิงเฉิน เสด็จอาเก้ารู้สึกเพียงปากที่แห้ง ในใจราวกับมีไฟลุกไหม้ขึ้นมา ในสมองมีความคิดที่ไม่หวั่นไหวอยู่อย่างหนึ่ง นั่นก็คือทำให้ผู้หญิงคนนี้อยู่ภายใต้ร่างของตนเอง
อะแฮ่ม......ความมืดของราตรีเป็นสิ่งที่ปิดบังได้ดีที่สุด เสด็จอาเก้ากะพริบตาเล็กน้อยด้วยความลำบากใจ และระงับความคิดที่ค่อนข้างจะสกปรกโสมมนี้เอาไว้
ที่จริงแล้ว ตอนที่ลิ้นสีชมพูของเฟิ่งชิงเฉินเคลื่อนผ่านนิ้วมือของเขา เสด็จอาเก้าได้ตัดสินใจที่จะทำสิ่งสิ่งหนึ่ง นั่นก็คือโอบกอดเฟิ่งชิงเฉินเอาไว้ในอ้อมแขน และจูบลงที่ปากสีแดงนั้นให้ดี
ไฟไหม้จวนเฟิ่งในครั้งนั้นทำให้ข้าเข้าใจว่า ข้าไม่สามารถที่จะมองดูเจ้าเกิดเรื่องเดือดร้อนขึ้นโดยไม่ลงมือทำอะไร เมื่อได้ยินว่าเจ้ายังไม่ออกมาจากกองเปลวไฟ ตอนนั้นเองหัวใจของข้าก็ได้หยุดเต้นลง
ข้าไม่สนใจอะไรทั้งนั้น รีบขึ้นม้ามุ่งตรงไปยังจวนเฟิ่ง ข้าบอกกับตัวเองว่าให้เจ้ารอข้าก่อน รอให้ข้าไปช่วยเจ้า แต่เมื่อข้าไปถึงที่จวนเฟิ่ง ข้าได้พบเห็นอะไร?
เมื่อคิดถึงภาพของเฟิ่งชิงเฉินและหวังจิ่นหลิงที่โอบกอดกัน บนร่างของเสด็จอาเก้าก็มีความหึงหวงที่แรงกล้าพุ่งออกมา แทบอยากจะฆ่าเด็กของตระกูลหวังคนนั้นให้ตาย
น่าเสียดายที่ผู้หญิงคนหนึ่งที่ฉลาดเหลือล้นก็ต้องมีด้านใดด้านหนึ่งที่ไม่ฉลาดเอาเสียเลย นางไม่เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของเสด็จอาเก้า ไม่เพียงแค่นั้นยังพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า "ข้าไม่ใช่เมียน้อยของจวนท่าน"
"ที่จวนของข้าไม่มีเมียน้อย" เอาล่ะ ไม่ใช่เฟิ่งชิงเฉินที่โง่ แต่ในความเป็นจริงแล้วอารมณ์ของเสด็จอาเก้านั้นล้ำลึกจนเกินไป และด้วยการที่มีคนนอกอยู่ด้วยนั้น จึงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะแสดงออกถึงความคิดทั้งหมดที่มีอยู่ในใจของเขา
การอบรมสั่งสอนที่เขาได้รับมาคือการไม่แสดงออกทางอารมณ์ เมื่อเวลาผ่านพ้นไป เขาจึงไม่รู้วิธีการที่จะปลดปล่อยอารมณ์ออกมา
เฟิ่งชิงเฉินไม่พูดไม่จา แต่ที่มุมปากของนางก็ยกขึ้นเล็กน้อย และร่างกายของนางก็ค่อยๆอ่อนลง ไม่เพียงแค่นั้น นางยังปรับตัวไปยังตำแหน่งที่ค่อนข้างสบายอย่างระมัดระวัง ทำเหมือนเสด็จอาเก้าเป็นหมอนรูปมนุษย์ไปแล้ว
การดิ้นรนอย่างเปล่าประโยชน์คงไม่ดีกว่าการหาความสุขอย่างเพลิดเพลิน ผู้ชายคนนี้มองดูน่าเกรงขาม แต่ในอ้อมแขนของเขานั้นช่างอบอุ่น ทำให้นางหวนคิดถึง แต่น่าเสียดายที่กลิ่นไผ่หอมที่สง่างามบนตัวของเสด็จอาเก้านั้นได้หายไปแล้ว
เฟิ่งชิงเฉินนั้นชอบกลิ่นไผ่หอมอ่อนๆบนตัวของเสด็จอาเก้ามากที่สุด ทุกครั้งที่ได้กลิ่นไผ่หอมนั่น นางจะรู้สึกว่าเสด็จอาเก้านั้นอยู่เคียงข้างนาง แม้ว่าจะเอื้อมมือไปสัมผัสไม่ถึง แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นเชื้อพระวงศ์ที่นางไม่สามารถสร้างสัมพันธ์ด้วยกันได้......
หลังจากผ่านมาหลายปี ในตอนนี้ที่เสด็จอาเก้ารู้ว่าเฟิ่งชิงเฉินนั้นคิดอะไรอยู่ เขาก็ได้มีความคิดที่ซื่อตรงว่า ถ้าหากในตอนนั้นเจ้าได้บอกกับข้า ข้าก็จะบอกเจ้า เจ้าปีนขึ้นมาที่สูงไม่ได้ ข้าก็จะลดตัวเองให้ต่ำลง ผู้หญิงที่สร้างปัญหาได้ทุกที่อย่างเจ้า มีแต่ข้าเท่านั้นที่จะทนรับได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ
ไม่ต่อให้จบเหรอคะ นานแล้ว แวะมาบอกกล่าวกันบ้าง...
ขอบคุณน่ะค่ะที่ต้องอดหลับอดนอนอัพเดต สู้ๆๆๆๆน่ะค่ะเป็นกำลังใจให้ค่ะ ผู้อ่านก็ไม่ได้หลับได้นอนเหมือนกัน ติดงอมเลย...
ง่ายๆๆยึดอำนาจ...
มาต่อได้ไหมมมมมมมม พลีสสสสสสสสสสสสสสสสส...
Update ให้หน่อยค่ะ จอดอยู่ที่ 1430 นานแล้ว ขออีกสัก 29 ตอนนะคะ Pleaseeeeee Admin ที่น่ารัก...
ไม่อัพเดตแล้วหรอค่ะ...
สามารถซื้ออ่านผ่านช่องทางไหนได้บ้างค่ะ...
ไทม์ไลน์บอก อัพถึง บท1459 แต่ยังดูได้แค่ บท1430...
Update ให้หน่อยคร่า รออ่านอยู่ คร่า...
ไม่ Update นานแล้ว ไปเที่ยวเพลินเลย สงสารคนรอเถอะ เข้ามาทุกวัน อ่านช้ำไป 2 รอบแล้ว...