นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 363

"เกิดอะไรขึ้น?"

จักรพรรดิเด้งตัวขึ้นจากบัลลังก์มังกรด้วยความตกใจ องค์รัชทายาท องค์ชายและเหล่าข้าราชการต่างก็มีสีหน้าหวาดกลัว มีเพียงเสด็จอาเก้าเท่านั้นที่ยืนอย่างสุขุมเหมือนท่าทางราวกับฟ้าถล่มดินทลายนั้นไม่เกี่ยวกับเขา มีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้ว่าในใจเขารู้สึกกระวนกระวาย...

นี่มันอะไรกัน? หรือว่าเฟิ่งชิงเฉินยังมีแผนสำรองอีก? นางไม่ได้เคยพูดไว้หรือว่าวิธีเดียวกันจะไม่ใช้เป็นครั้งที่สองเด็ดขาด?

เฟิ่งชิงเฉินมีแผนสำรองจริงๆ แต่เสียงดังกัมปนาทนี้ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับนาง...

เสียงดังนี้ไม่เพียงขัดจังหวะการถวายคำนับของเสด็จอาเก้าเท่านั้น แต่ยังขัดจังหวะที่จักรพรรดิจะถามคาดคั้นเขาด้วย เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นในตอนเช้าทำให้ทุกคนล้วนหวาดกลัวเสียงดังนี้จากก้นบึ้งของหัวใจด้วยเกรงว่าหากพวกเขาไม่ระวัง พวกเขาจะกลายเป็นหลี่เซี่ยงคนต่อไป

จักรพรรดิก็ไม่มีอารมณ์จะคุยกับเสด็จอาเก้าแล้ว เขาเพียงแค่นั่งอย่างเงียบเชียบบนบัลลังก์มังกรและรอให้ผู้คนด้านล่างรายงานสถานการณ์

เมื่อรอจนนางกำนัลมารายงานว่าเสียงนี้เกิดจากเสียงฟ้าร้องและวัวตัวหนึ่งในเขตชานเมืองถูกฟ้าผ่าตาย ทุกคนรวมทั้งจักรพรรดิก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

เหล่าองค์ชาย ข้าราชบริพารและขุนนางทหารต่างมองหน้ากันโดยไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมาอยู่เป็นเวลานาน

พูดหรือ? จะให้พูดอะไรเล่า เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ชั่วร้ายยิ่งนัก ทั้งการตายของหลี่เซี่ยง ความเป็นมงคลของจวนเฟิ่งและเสียงฟ้าผ่าอันกัมปนาทนี้

ต้องบอกว่าเรื่องเหล่านี้หากบอกว่าไม่เกี่ยวข้องกับผีสางก็คงไม่น่าเชื่อนัก แต่หากเรื่องเหล่านี้เกี่ยวข้องกันก็คงจะน่ากลัวมาก

หรือว่าหลี่เซี่ยงเป็นปีศาจจริงๆ? หรือว่าผืนดินที่ตั้งของจวนเฟิ่งนั้นอัปมงคล มิฉะนั้นตระกูลเฟิ่งคงจะไม่ล่มสลายเช่นนี้? แล้วยังมีวัวนั่นอีก มันถูกสวรรค์พบเข้าแล้วลงโทษหรือ?

ทุกคนยิ่งก็ยิ่งรู้สึกเย็นเยียบ แต่ละคนมองดูจักรพรรดิและอยากให้เขาตัดสินใจทำอะไรสักอย่าง

จักรพรรดินั่งอย่างมั่นคงบนบัลลังก์มังกรอย่างสง่างามเช่นเคย แต่ขันทีคนสนิทกลับเห็นถึงแววตาเหน็ดเหนื่อยและสองมืออันสั่นเทาของเขา

เช้าตรู่ หลังจากเสียงดังกัมปนาทนั้นแล้วก็ทำให้จักรพรรดิตื่นจากฝัน

มีใครบางคนสังหารคนภายใต้จมูกขององค์จักรพรรดิ แล้วเขาจะนอนหลับสนิทได้อย่างไร สอบสวน รีบไปสอบสวนทันที แต่ผลลัพธ์ที่ได้นั้นเล่า?

ที่อยู่อาศัยของหลี่เซี่ยงมิมีผู้ใดเข้าใกล้และไม่มีวัตถุน่าสงสัยใดปรากฏขึ้น อีกทั้งในตำหนักใหญ่เช่นนั้นมีคนอยู่มากมาย แต่มีเพียงหลี่เซี่ยงคนเดียวที่เสียชีวิต คนที่อยู่ใกล้ชิดเขาเพียงได้รับบาดเจ็บเท่านั้น ทำให้ในใจจักรพรรดิไม่เกรงกลัว หรือว่าหลี่เซี่ยงจะเป็นปีศาจจริงๆ?

จักรพรรดิเรียกชายชราแห่งสำนักหอดูดาวหลวงมาตรวจดูดวงชะตาของหลี่เซี่ยงทันทีโดยไม่ได้บอกเขาว่าให้ตรวจดูดวงชะตาใคร เขาเพียงขอให้สำนักดูดาวหลวงทำนายดวงชะตาของคนผู้นี้เท่านั้น

ชายชราจากสำนักหอดูดาวหลวงดูอยู่นานก็ขมวดคิ้วและกล่าวว่าชายผู้นี้ได้เสียชีวิตลงเมื่อครึ่งปีก่อน

เมื่อองค์จักรพรรดิได้ยินเช่นนั้นก็ตกใจมาก

ตายเมื่อหกเดือนที่แล้วงั้นหรือ จักรพรรดินึกไปถึงว่าข้อมูลของหลี่เซี่ยงแสดงให้เห็นว่าเมื่อครึ่งปีที่แล้วเขานิสัยเปลี่ยนไปราวกับฟ้ากับเหว จากผู้ที่ซื่อสัตย์มีคุณธรรมกลายเป็นคนเจ้าเล่ห์

แม้ปากจักรพรรดิจะไม่ได้พูดอะไร แต่เขาก็คิดในใจว่าจากเวลาตกฟากหลี่เซี่ยงต้องเป็นปีศาจแน่ มิฉะนั้นจะสร้างอาวุธเช่นระเบิดเทียนเหล่ยออกมาได้อย่างไร

จักรพรรดิใช้เวลานานกว่าจะได้สติ เขาโบกมือให้ชายชราจากสำนักดูดาวหลวงออกไป ชายชราถอยออกไปเงียบๆ ด้วยสีหน้าเช่นเดิม แต่เขาแอบขอโทษหลี่เซี่ยงในใจ "อย่าโทษข้าเลย หากจะโทษก็โทษที่ตนเองไปทำให้คนผู้นั้นขุ่นเคืองเถิด แม้ว่าข้าจะเป็นคนของสำนักหอดูดาวหลวงแต่ก็เป็นแค่คนธรรมดาเท่านั้น ข้ายังต้องคำนึงถึงลูกหลานของข้าด้วย

เนื่องจากวัวถูกฟ้าผ่าตาย ความโกรธของจักรพรรดิที่มีต่อเสด็จอาเก้าก็น้อยลงไปด้วย เขาเพียงพูดบ่นอะไรบางอย่างสองสามคำเท่านั้น

เสด็จอาเก้ายืนนิ่งไม่แม้แต่จะเปล่งเสียงราวกับรูปปั้นแกะสลัก เมื่อจักรพรรดิพูดจนเหนื่อยแล้วและกำลังพยายามหาเหตุผลให้เสด็จอาเก้าไปจัดการเรื่องของตงหลิง หนานหลิงและซีหลิงทั้งสามอาณาจักร ขันทีก็เข้ามารายงานว่าองค์รัชทายาทแห่งซีหลิง แม่นางซูหว่านจากหนานหลิงและองค์ชายจากเป่ยหลิงกำลังมาขอเข้าเฝ้าจักรพรรดิ

เหอะ เกลียดอะไรได้อย่างนั้น จักรพรรดิแอบไม่พอใจแต่ก็ไม่สามารถแสดงออกทางสีหน้าได้ ก่อนหน้านี้เขาไม่กลัวสามแคว้นผนึกกำลังกัน แต่ตอนนี้เขาต้องเอาใจอีกสามประเทศ และดูเหมือนว่าจะได้เวลาเอ่ยถึงเรื่องการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์แล้ว

"น้องเก้าอยู่ที่นี่ คนอื่นไปเถอะ" เช้านี้ดูเหมือนจักรพรรดิจะแก่ลงไปอีกสิบปี ความทะเยอทะยานในวันเฉลิมพระชนมายุของเขาเกือบจะดับสิ้นลงเพราะเรื่องเล็กน้อยของราชสำนัก

เสด็จอาเก้าไม่ต้องคิดก็รู้ว่ามีคนของซีหลิงเทียนเหล่ยมาที่นี่เพื่อใช้ประโยชน์จากเหตุการณ์นี้ แม้ว่าเขาจะไม่สนใจเรื่องนี้ แต่ตอนนี้เขาเป็นเสด็จอาเก้าแห่งแคว้นตงหลิง คนเหล่านี้จะรังแกตงหลิงต่อหน้าต่อตาเขาก็ต้องดูเสียก่อนว่าเขาเห็นด้วยหรือไม่

เมื่อทั้งสามคนมาถึงก็ใกล้เวลารับประทานอาหารกลางวันแล้ว จักรพรรดิเลี้ยงอาหารพวกเขามื้อใหญ่ เมื่อรับประทานอาหารเสร็จแล้ว พระองค์ก็ทรงเชิญซีหลิงเทียนเหล่ย ซูหว่านและเป่ยหลิงเฟิงเฉียนไปเยี่ยมชมสวนโดยมีเสด็จอาเก้าไปด้วย

ระหว่างทางซีหลิงเทียนเหล่ยและเป่ยหลิงเฟิงเฉียนได้ลองหยั่งเชิงสอบถามเรื่องหลี่เซี่ยงหลายครั้ง แต่ก็ถูกจักรพรรดิพูดเสไปเรื่องอื่นเรื่อยไป เมื่อพูดถึงเรื่องการแต่งงาน องค์จักรพรรดิก็หัวเราะและไม่แสดงท่าทียอมรับหรือปฏิเสธอันใด

เมื่อเห็นว่าดวงอาทิตย์ใกล้จะลับขอบฟ้าแล้ว ทั้งสามคนก็กังวลใจ พวกเขาพอรู้มาบ้างว่าเกิดอะไรขึ้นในวังแต่ก็ไม่แน่ใจนัก นอกจากนี้ท่าทีของจักรพรรดิยังคงแข็งกระด้างเหมือนเดิม ทำให้พวกเขาสงสัยว่าหลี่เซี่ยงได้ทิ้งวิธีทำระเบิดเทียนเหล่ยเอาไว้ใช่หรือไม่

ซีหลิงเทียนเหล่ยและเป่ยหลิงเฟิงเฉียนหาช่องโหว่ไม่พบ เมื่อซูหว่านหันดวงตาคู่สวยของนางและมองไปที่เสด็จอาเก้าที่อยู่ด้านข้างจักรพรรดิ แววตาของนางก็เปล่งประกาย นางอาศัยความเป็นหญิงเอ่ยปากออกมาว่า "ฝ่าบาท หม่อมฉันนำมิตรไมตรีระหว่างสองแคว้นมาที่ตงหลิง จักรพรรดิของหม่อมฉันทรงหวังว่าซูหว่านจะสามารถอยู่ที่ตงหลิงเพื่อสานต่อสันติภาพระหว่างสองแคว้นได้ แต่ซูหว่านอยู่ที่นี่มาหลายวันแล้ว ฝ่าบาทกลับไม่พูดอะไรเลย ไม่รู้ว่าฝ่าบาทมีพระประสงค์เช่นไรกันแน่เพคะ?"

เหลือแต่เพียงยังไม่ได้พูดว่า ข้าซูหว่านได้รับคำสั่งจากจักรพรรดิให้มาแต่งงานที่ตงหลิง ถ้าท่านไม่จัดการก็จะเป็นการทำลายความสัมพันธ์ระหว่างสองแคว้น ถึงเวลาสองแคว้นเกิดสงครามขึ้นก็จะ…

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ