เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกว่าโลกหมุนไปครู่หนึ่ง นางรู้สึกเหมือนว่าเสียหลัก นานกว่านางจะประคองตัวเองเอาไว้ได้ และกำลังเตรียมที่จะโจมตีคู่ต่อสู้ แต่นางกลับล้มลงอยู่ในอ้อมกอดที่อบอุ่น.......
กลิ่นของคนนั้นที่เป็นเอกลักษณ์ของเขาโชยมา ถึงแม้เขาจะไม่เห็นหน้าของอีกฝ่าย แต่เฟิ่งชิงเฉินก็รู้ว่าเขาคือใคร มือของนางที่ยกขึ้นก็วางลงไป
"ปล่อยฉัน" เฟิ่งชิงเฉินพยายามผลักเขาออกไป แต่เสด็จอาเก้ากลับกอดนางแน่นยิ่งขึ้น "นั่งลง ข้าไม่อยากจะทำอีกครั้ง"
"ทหาร ตามจับตัวมาให้ได้" แววตาของหวังจิ่นหลิงเผยเจตนาฆ่าออกมา เขาชี้ไปทางที่เสด็จอาเก้าและเฟิ่งชิงเฉินหนีไปและออกคำสั่ง
"ขอรับ"
เงามืดทั้งแปดของสายลับวิ่งพุ่งเข้าไปราวกับสายฟ้า แต่ไม่ว่าพวกเขาจะเร็วแค่ไหน ก็ไม่มีทางเร็วไปกว่าม้าพันลี้ของเสด็จอาเก้า เพียงพริบตาเท่านั้นพวกเขาก็หายตัวไปแล้ว
หวังจิ่นหลิงหงุดหงิดอย่างมาก เขาไม่ได้เห็นเลยด้วยซ้ำว่าใครที่พาตัวเฟิ่งชิงเฉินหนีไป และเขาไม่รู้ว่าชิงเฉินจะตกอยู่ในอันตรายหรือไม่ แต่ทันใดนั้นคนขี่ม้าที่ชิงตัวเฟิ่งชิงเฉินไปได้วนกลับมา เหมือนว่าจะเห็นเฟิ่งชิงเฉินอยู่ในอ้อมแขนของคนผู้นั้น
สายลับถอยหลังหลบไปเรื่อยๆ พยายามจะล้อมพวกเขาเอาไว้ แต่เสียดายที่พวกเขาไม่ให้โอกาสสายลับเลย พวกเขาวิ่งตรงเข้ามาโดยไม่ลดความเร็วลง และได้ยินเสียงของคนที่ขี่ม้าดังมาแต่ไกล "หวังจิ่นหลิง ข้าพานางไปแล้วนะ ผู้หญิงของข้ามิต้องให้ใครมาเป็นห่วง"
เสียงนี้?
"เสด็จอาเก้า?" หวังจิ่นหลิงกล่าวออกมาในทันที
"ใช่แล้ว ข้าเอง" หลังจากพูดจบ เขาก็กลับตัววิ่งกลับไปอีกครั้งทันทีโดยไม่สนว่าม้ากำลังวิ่งเข้ามาด้วยความเร็วสูง
ม้าคำราม กีบเท้าด้านหน้าพุ่งขึ้น จากนั้นก็วางลงบนพื้นอย่างแข็งแกร่ง จากนั้นพวกเขามุ่งไปที่จวนอ๋องเก้าอีกครั้ง ทั้งหมดนี้ใช้เวลาเพียงพริบตาเท่านั้น ม้าตัวนั้นมิได้หยุดเลยด้วยซ้ำ
ไม่มีเห็นชัดเจนว่าเสด็จอาเก้าทำได้อย่างไร แต่พวกเขารู้ว่าเสด็จอาเก้าทำได้ เขาทำให้ม้าที่วิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วกลับหัวอย่างไวโดยไม่สนใจว่าสายลับจะล้อมพวกเขาเอาไว้ เขาไปมาอย่างสบายตัวราวกับสายลม
สายลับยืนอยู่ที่เดิม แม้ว่าจะไม่แสดงสีหน้าใดๆ แต่ลึกๆ ในใจเขาชื่นชมอย่างมาก แม้ว่าชายคนนี้อาจทำให้ตนถูกนายต่อว่า แต่พวกเขาไม่รู้สึกแย่เลยสักนิด
การแพ้ให้กับคนเช่นนี้ มิใช่เรื่องน่าอาย
หวังจิ่นหลิงหลับตาลงเพื่อซ่อนความเหนื่อยล้าในแววตาของเขา ขณะที่สายลับคิดว่าตนถูกต่อว่าและลงโทษอย่างแน่นอน แต่หวังจิ่นหลิงกลับกล่าวเพียงแค่ว่า "กลับไปเถอะ!"
เป็นประโยคที่หมดหนทางและมีความหมายหนักแน่นที่สุด
ทงจือและทงเหยาคุกเข่าลง ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไป หลี่ซุนเห็นเช่นนี้ก็ไม่กล้าเอ่ยปากเช่นกัน เขามิอาจรุกรานตระกูลหวัง และยิ่งเสด็จอาเก้าก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้
หวังจิ่นหลิงเดินไปข้างรถม้า จากนั้นหยุดลงกะทันหัน เขาหันหลังให้กับเพลิงไฟและกล่าวว่า "พวกเจ้าทั้งสองกลับไปที่จวนหวัง ใต้เท้าหลี่ ขอรบกวนท่านเข้าวังรายงานเรื่องจวนเฟิ่งให้ฮ่องเต้ได้ทราบที"
เสด็จอาเก้าขึ้นไปบนรถม้าหลังจากออกคำสั่งเรียบร้อย และผู้คนที่อยู่ภายนอกจวนเฟิ่งก็จางหายไปโดยไวเช่นกัน เหลือเพียงแต่เพลิงไฟที่โหมกระหน่ำ...
เสด็จอาเก้าพาเฟิ่งชิงเฉินวิ่งไปตลอดทาง พานางกลับไปที่จวนอ๋องเก้า จวนอ๋องแตกต่างจากเดิมที่เคยเงียบเหงา ภายในจวนนั้นดูเหมือนยังเช้าตรู่อยู่
คนรับใช้เดินไปมา ทันทีที่เข้ามา เฟิ่งชิงเฉินก็ได้รับการต้อนรับอย่างดีที่สุด ไม่นานนางก็ได้อาบน้ำแหละเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ แผลตามร่างกายก็จัดการเรียบร้อยแล้ว
คนใช้พาเฟิ่งชิงเฉินไปที่ห้องโถงข้าง เสด็จอาเก้านั่งอยู่ในที่มืดและเมื่อเขาเห็นเฟิ่งชิงเฉินเข้ามา มือของเขากำลังเล่นถุงหอมอยู่ เมื่อเฟิ่งชิงเฉินเห็นเช่นนี้ ดวงตาของนางเบิกกว้างอย่างห้ามไม่ได้
"พอจะเดาได้บ้าง เมื่อถึงเวลานั้นค่อยตรวจสอบอีกสักนิดก็พอ เกิดเรื่องใหญ่เช่นนี้ จะไม่ทิ้งร่องรอยเอาไว้ได้อย่างไร" วินาทีที่ดอกไม้ไฟปรากฏขึ้น อีกทั้งข้อมูลที่เสด็จอาเก้าให้นาง นางทราบดีว่าหลี่เซี่ยงเกี่ยวพันกับเรื่องนี้อย่างแน่นอน นอกจาเขาแล้วไม่มีใครทำเรื่องใหญ่โตเช่นนี้เพื่อฆ่านางเพราะมันไม่คุ้มค่า
ทันทีที่ดอกไม้ไฟดังขึ้น จวนเฟิ่งก็ถูกเผา เรื่องมันจะบังเอิญเช่นนี้ได้ยังไงกัน เห็นได้ชัดว่ามีคนจุดไฟขึ้นมาโดยเจตนา บางทีจักรพรรดิอาจรู้เรื่องนี้ และรับรู้เรื่องการแก้แค้นของหลี่เซี่ยงที่ทำต่อนางกับนาง มิฉะนั้น อีกฝ่ายหนึ่งไม่มีทางที่จะมาจุดไฟโดยหลบหนีองครักษ์ไปได้
แม้เวลาที่จวนเฟิ่งเกิดเพลิงไหม้จะมีเพียงหนึ่งชั่วโมง แต่มันมากพอที่จะให้เสด็จอาเก้าสืบหาความจริง คนที่สามารถทำเรื่องใจกล้าและโง่เขลาเช่นนี้ออกมาได้นั้น ไม่มีทางที่จะเป็นคนฉลาดอย่างแน่นอน ในเมืองหลวงนี้มีคนมากมายต้องการให้เฟิ่งชิงเฉินตาย แต่มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่โง่
"ตัดสินใจแล้วว่าจะทำเช่นนี้ใช่หรือไม่?" น้ำเสียงเป็นทางการ ไม่มีความอบอุ่นหรืออ่อนโยนเลย ซึ่งทำให้สงสัยว่าชายผู้นี้กำลังเจรจากับผู้อื่นอยู่
เฟิ่งชิงเฉินระแวงอย่างมาก เมื่อได้ยินเสด็จอาเก้าเอ่ยเช่นนี้ออกมา เสียงเตือนใจนางดังขึ้นทันที นางกล่าวด้วยความเคารพและท่าทีห่างเหินเล็กน้อยว่า "ขอบคุณเสด็จอาเก้าที่ห่วงใย ชิงเฉินทราบแล้วว่าควรทำอย่างไร"
"เจ้าจะทำอย่างไร?" เฟิ่งชิงเฉินต้องการหลีกเลี่ยงเขาไป แต่เสด็จอาเก้าไม่ยอม แววตาที่เงาดำของเขาสบตาเฟิ่งชิงเฉิน ราวกับว่าจะมองทุกอย่างให้ชัดเจน
เมื่อเผชิญหน้ากับสายตาที่แผดเผาของเสด็จอาเก้า เฟิ่งชิงเฉินก้มหน้าด้วยความละอาย กัดฟันและกล่าวว่า "นี่เป็นเรื่องของชิงเฉิน ชิงเฉินจะตัดสินใจด้วยตัวเอง เสด็จอาเก้ามิต้องกังวล"
นางกลัว กลัวว่าเสด็จอาเก้าจะเอาเรื่องนี้มาบีบบังคับให้นางทำระเบิดเทียนเหล่ย ระเบิกเทียนเหล่ยเป็นสิ่งที่นางไม่อยากเข้าไปยุ่ง แม้ว่านางมิใช่ ทหารที่ผ่านนองเลือดมา แต่นางอยู่ในกองทัพมาเป็นเวลานาน ฉะนั้นเรื่องปืนกระสุนระเบิกต่างๆ นางช่ำชองกว่าหลี่เซี่ยงแน่นอน ระเบิดเทียนเหล่ยที่นางสร้างขึ้นมีอนุภาคมากกว่าของหลี่เซี่ยงอย่างแน่นอน
"เจ้าไม่เชื่อในตัวข้าหรือ?" ความระแวงในแววตาของเฟิ่งชิงเฉินทำให้เขาใจสลาย ความรู้สึกเจ็บปวดในใจของเขาดูเหมือนจะกลับมาอีกครั้ง เสด็จอาเก้าเอามือทาบไปที่อก แววตาของเขาคาดหวังเล็กน้อย .....
เฟิ่งชิงเฉิน เชื่อข้าสักครั้ง!
ได้โปรด!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ
ไม่ต่อให้จบเหรอคะ นานแล้ว แวะมาบอกกล่าวกันบ้าง...
ขอบคุณน่ะค่ะที่ต้องอดหลับอดนอนอัพเดต สู้ๆๆๆๆน่ะค่ะเป็นกำลังใจให้ค่ะ ผู้อ่านก็ไม่ได้หลับได้นอนเหมือนกัน ติดงอมเลย...
ง่ายๆๆยึดอำนาจ...
มาต่อได้ไหมมมมมมมม พลีสสสสสสสสสสสสสสสสส...
Update ให้หน่อยค่ะ จอดอยู่ที่ 1430 นานแล้ว ขออีกสัก 29 ตอนนะคะ Pleaseeeeee Admin ที่น่ารัก...
ไม่อัพเดตแล้วหรอค่ะ...
สามารถซื้ออ่านผ่านช่องทางไหนได้บ้างค่ะ...
ไทม์ไลน์บอก อัพถึง บท1459 แต่ยังดูได้แค่ บท1430...
Update ให้หน่อยคร่า รออ่านอยู่ คร่า...
ไม่ Update นานแล้ว ไปเที่ยวเพลินเลย สงสารคนรอเถอะ เข้ามาทุกวัน อ่านช้ำไป 2 รอบแล้ว...