ในขณะที่หวั่นอินไม่อาจประจบเจ้านายคนใหม่ได้สำเร็จและกลับถูกรังแกเสียเองนั้น เฟิ่งชิงเฉินก็ถูกราชองครักษ์นำตัวเข้าวังหลวงไป
ไม่มีทางอื่นใด ฐานะของเฟิ่งชิงเฉินพิเศษเกินไป
ไม่ว่าจวนเฟิ่งจะตกต่ำสักเพียงใด แต่หากราชสำนักไม่ได้ประกาศออกมา เฟิ่งชิงเฉินก็ยังเป็นพระคู่หมั้นขององค์ชายเจ็ด
แม้ว่าองครักษ์จะรู้ว่าสิ่งที่รอคอยเฟิ่งชิงเฉินอยู่มีเพียงการลงโทษอย่างหนัก แต่พวกเขาก็ไม่กล้าลงมือกับนางอย่างสุ่มสี่สุ่มห้า นี่เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเกียรติยศของราชวงศ์
ไม่ว่าเรื่องใด เรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ เพียงแค่เกี่ยวข้องกับ "ราชวงศ์" อาจจะเป็นเรื่องเล็กหรือใหญ่ก็ได้
ในวังหลวง ผู้ที่สามารถจัดการเรื่องนี้ได้ก็มีเพียงพระมารดาขององค์ชายเจ็ดผู้ดำรงตำแหน่งฮองเฮาเท่านั้น
ในยามนี้เฟิ่งชิงเฉินหมอบอยู่หน้าตำหนักของนางรอให้ฮองเฮาลงโทษ
ผ้าผืนบางสีแดงไม่อาจปกปิดได้นานแล้ว ผิวของนางปรากฏสู่ภายนอก รอยช้ำเป็นจ้ำของนางปรากฏสู่สายตาของผู้คน คนส่วนใหญ่ไม่กล้าจ้องมองโดยตรง เพียงแค่ใช้หางตาลอบมองอย่างประเมินเท่านั้น
หินอ่อนสีขาวเย็นเยียบสัมผัสกับผิวของนาง ความเย็นแทรกซึมเข้าสู่ร่างกายของนาง เฟิ่งชิงเฉินหนาวเสียจนริมฝีปากม่วงคล้ำ ฟันของนางกระทบกันกึกๆ แต่กลับไม่ได้ส่งเสียงอันใดออกมาเลย ยิ่งไม่กล้ากระทำสิ่งใดโดยปราศจากความระมัดระวัง เพื่อที่คนอื่นจะได้ไม่มีข้ออ้างมาจัดการนางได้
เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้เงยหน้าขึ้นมา แต่กลับรู้สึกได้ถึงสายตาดูถูกเหยียดหยามของนางกำนัลที่เข้าๆ ออกๆ จากตำหนัก
สายตาเช่นนั้นมองราวกับว่านางเป็นสิ่งสกปรก รู้สึกสกปรกจนไม่อาจมองมากไปกว่านี้ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะมองอย่างประเมิน
เป็นกลุ่มหญิงสาวที่จอมปลอมยิ่งนัก
รังเกียจข้า แล้วพวกเจ้าเล่าจะสะอาดกว่าข้าสักเพียงไหนเชียว
นางกำนัลในวังหลวง หากไม่ใช่นางบำเรอผู้รอฝ่าบาทมาโปรดปรานก็เข้าหาขันทีเพราะโลภในอำนาจ พลีกายให้กับบุรุษไร้น้ำยา
หากเทียบกับพวกเจ้าแล้ว ข้ายังจะสะอาดกว่าเสียอีก
เหอะๆ …
เฟิ่งชิงเฉินเม้มริมฝีปากซ่อนรอยยิ้มขมขื่นของนางเอาไว้
ท้องฟ้ามืดครึ้มเสียจนน่ากลัว ในอากาศเต็มไปด้วยความชื้นราวกับฝนกำลังจะตก…
เฟิ่งชิงเฉินมองผ้าผืนบางที่ไม่อาจพันรอบกาย ในใจก็คิดว่าไม่รู้ว่ายามออกจากวังฮองเฮาจะประทานชุดใหม่ให้นางได้หรือไม่?
นางจำได้ว่าก่อนหน้านี้ที่นางขอยืมเสื้อผ้าจากคนหลายคน แต่ก็ล้วนได้รับเพียงรอยยิ้มเยาะเย้ย…
เดิมเฟิ่งชิงเฉินคิดว่าเรื่องนี้ก็เพียงแค่ถอนหมั้นเท่านั้น เมื่อดูเช่นนี้แล้วดูเหมือนว่ามีคนไม่อยากจะให้นางมีชีวิตอยู่เสียมากกว่า
ในยุคสมัยที่ความบริสุทธิ์ของผู้หญิงสำคัญยิ่งกว่าชีวิต เมื่อถูกจัดฉากเช่นนี้ หญิงที่มีความละอายใจก็คงไม่อาจทนมีชีวิตอยู่ได้อีก
แต่นางไม่ใช่ผู้อื่น นางคือเฟิ่งชิงเฉิน
นางเคารพกฎเกณฑ์ของที่นี่ แต่นางก็ยังคงรักษาหลักการของนางเช่นกัน
เฟิ่งชิงเฉินในยามนี้ไม่มีทางไปตายแน่ ไม่ว่าจะยากเย็นเพียงใดนางก็จะต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป ในสายตาเฟิ่งชิงเฉิน ไม่มีสิ่งใดสำคัญกว่าชีวิตอีก
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่านางยังไม่ได้เสียความบริสุทธิ์ไป แม้ว่านางเสียบริสุทธิ์แล้วจะอย่างไร เหตุใดนางจึงต้องสละชีวิตลงด้วยความปิดของผู้อื่น…
ทุกคนล้วนมีชีวิตอยู่เพียงครั้งเดียว นางไม่มีทางทิ้งชีวิตของนางเพื่อผู้อื่นหรือเพื่อสัจธรรมอะไรบางอย่างแน่…
เวลาค่อยๆ ผ่านไปอย่างช้าๆ ในใจของเฟิ่งชิงเฉินก็คอยคิดคำนวณว่านางน่าจะคุกเข่าอยู่ที่นี่มากว่าสองชั่วโมงแล้ว
ฮองเฮาเสวยพระกระยาหารเช้าแล้วยังเสวยของทานเล่นต่อ อีกทั้งยังเรียกคนเข้าๆ ออกๆ ยามที่เดินผ่านร่างของนางก็ยังไม่ลืมจะพูดพึมพำสองสามคำ
"คุณหนูแห่งจวนเฟิ่งงั้นหรือ ช่างน่าขายหน้าเสียจริง หากนี่เป็นบุตรีของข้า ข้าคงจะโยนผ้าขาวให้นางผูกคอแล้ว ให้นางตายไปเสียดีกว่า จะได้ไม่ต้องมีชีวิตอยู่ต่อให้ขายหน้าผู้อื่น…"
"ลูกกำพร้าไร้บิดามารดาจะไปมียางอายอันใด เรื่องเช่นนี้หากเป็นข้าก็คงจะเอาหัวพุ่งเข้าชนกำแพงไปแล้ว…"
…
คำพูดแย่ๆ ของพวกนางลอยเข้าหัวไปไม่น้อย เฟิ่งชิงเฉินพยายามยับยั้งความคิดอยากฆ่าคนของนางไว้ในใจ
ดูถูกนางก็ว่าไปอย่าง แต่มีสิทธิ์อะไรที่จะมาดูถูกบิดามารดาของนาง
แม้เฟิ่งชิงเฉินจะไม่มีมารดามาแต่เด็ก บิดาก็ออกรบอยู่ภายนอก แต่การอบรมสั่งสอนบุตรีไม่ได้ขาดตกบกพร่องไปแม้แต่น้อย
หากไม่ใช่เพราะเฟิ่งชิงเฉินคนก่อนเอาแต่เคารพกฎเกณฑ์ อ่อนแอไร้ความสามารถนางจะตายได้อย่างไร…
โอรสของนางจะแต่งงานรับคนที่ไม่มีใครหนุนหลังเช่นนี้มาเป็นฮูหยินได้อย่างไร
ในหลายปีมานี้นางได้บอกเป็นนัยอยู่หลายครั้ง แต่เฟิ่งชิงเฉินผู้นั้นราวกับว่าฟังไม่เข้าใจเสียอย่างนั้น อย่างไรก็ไม่ยอมยกเลิกงานแต่งด้วยตนเอง ช่างเหลือเกินเสียจริง
หากไม่ใช่เพราะเห็นแก่เกียรติยศของราชสกุล เห็นแก่ที่เรื่องที่เฟิ่งฮูหยินได้ช่วยชีวิตข้าไว้มีคนรู้มากมาย การที่ราชสกุลเป็นฝ่ายถอนหมั้นจะทำให้เกิดคำครหา การแต่งงานนี้ควรจะถูกยกเลิกไปเสียตั้งนานแล้ว
"เหนียงเหนียงกล่าวถูกต้องแล้วเพคะ" นางกำนัลและขันทีในตำหนักทั้งหมดต่างก็หมอบอยู่ตรงหน้านาง บนใบหน้าทุกคนมีความระมัดระวังและเลื่อมใสประดับอยู่
ความกริ่งเกรงของเหล่านางกำนัลทำให้ฮองเฮารู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย เพียงแต่เมื่อคิกว่านางให้เฟิ่งชิงเฉินอยู่ที่นั่นตลอดเช้า แต่เฟิ่งชิงเฉินกลับยังไม่ฆ่าตัวตายทำให้นางขุ่นเคืองขึ้นมาอีก น้ำเสียงจึงไม่ได้อ่อนโยนนัก
"ทางลั่วอ๋องมีข่าวคราวหรือยัง เรื่องนี้ฝ่าบาทว่าอย่างไรบ้าง?"
"กราบทูลเหนียงเหนียง ลั่วอ๋องส่งข่าวมาบอกว่าจะมาร่วมโต๊ะเสวยพระกระยาหารเที่ยงด้วยเพคะ" ขันทีตัวน้อยผู้หนึ่งรีบตอบ
"อืม…"
ในเวลานี้เอง นางกำนัลที่อยู่ด้านนอกก็เข้ามาคุกเข่าคำนับ "เหนียงเหนียง ลั่วอ๋องเสด็จมาถึงแล้วเพคะ…"
ฮองเฮายินดีเป็นอย่างยิ่ง "ไปเถอะ ไปบอกห้องเครื่องให้เตรียมอาหารที่ลั่วอ๋องโปรดปรานมา"
"เพคะ เหนียงเหนียง…"
นางกำนัลเดินเรียงแถวออกไป ยามที่เดินผ่านร่างของเฟิ่งชิงเฉินก็มีทั้งแววตาสมเพชและเห็นใจ
เมื่อมองผิวกายที่ถูกเปิดเผย นางกำนัลสาวหลายคนก็เบือนหน้าหนีไปอย่างเขินอาย…
นางชินกับสายตาประเมินเช่นนี้นานแล้ว เฟิ่งชิงเฉินไม่ใส่ใจเลยแม้แต่น้อย
นางเพียงแต่คุกเข่าอย่างเงียบเชียบ หลับตาลงและนับอยู่ในใจ ลำดับที่สองร้อยเจ็ด ลำดับที่สองร้อยแปด…
จนกระทั่งได้ยินเสียงฝีเท้ามั่นคงแว่วมาเข้าหูของนาง เฟิ่งชิงเฉินก็ตกใจเล็กน้อย เสียงฝีเท้านี้ไม่คล้ายกับของฝีเท้าสตรีนักและก็ไม่คล้ายฝีเท้านุ่มนวลของเหล่าขันที มีบุรุษมาที่นี่ในเวลานี้งั้นหรือ? ฮองเฮาหมายความว่าอย่างไรกันแน่?
แล้วผู้ที่มาคือใครกัน? หรือว่าเรื่องนี้ไปถึงพระกรรณขององค์จักรพรรดิแล้ว?
เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้เดาผิดเลย ถึงนี้ไปถึงองค์จักรพรรดิแล้วจริงๆ เพียงแต่ผู้ที่มาไม่ใช่พระองค์ นางยังไม่มีคุณสมบัติพอที่จะพบเขา…
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ
ไม่ต่อให้จบเหรอคะ นานแล้ว แวะมาบอกกล่าวกันบ้าง...
ขอบคุณน่ะค่ะที่ต้องอดหลับอดนอนอัพเดต สู้ๆๆๆๆน่ะค่ะเป็นกำลังใจให้ค่ะ ผู้อ่านก็ไม่ได้หลับได้นอนเหมือนกัน ติดงอมเลย...
ง่ายๆๆยึดอำนาจ...
มาต่อได้ไหมมมมมมมม พลีสสสสสสสสสสสสสสสสส...
Update ให้หน่อยค่ะ จอดอยู่ที่ 1430 นานแล้ว ขออีกสัก 29 ตอนนะคะ Pleaseeeeee Admin ที่น่ารัก...
ไม่อัพเดตแล้วหรอค่ะ...
สามารถซื้ออ่านผ่านช่องทางไหนได้บ้างค่ะ...
ไทม์ไลน์บอก อัพถึง บท1459 แต่ยังดูได้แค่ บท1430...
Update ให้หน่อยคร่า รออ่านอยู่ คร่า...
ไม่ Update นานแล้ว ไปเที่ยวเพลินเลย สงสารคนรอเถอะ เข้ามาทุกวัน อ่านช้ำไป 2 รอบแล้ว...