นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 658

เฟิ่งชิงเฉินในยามนี้หมกมุ่นอยู่กับงานโดยไม่ได้สังเกตเห็นการเคลื่อนไหวของคนทั้งสามเลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสายตาที่คาดหวังของพวกเขา

หากนางรู้ว่าทั้งสามคนคิดอะไรไร้เดียงสาอยู่ในสมอง นางจะต้องใช้มีดผ่าตัดผ่าเปิดสมองของพวกเขาดูให้ชัดว่าข้างในมีอะไรบรรจุอยู่กันแน่ เหตุใดจึงได้น่าเบื่อเช่นนี้

เฟิ่งชิงเฉินหยิบถุงเลือดเดินไปที่เครื่องแยกเม็ดเลือด หยิบมานั่งแบบเดียวกันออกมาจากใต้โต๊ะทำงาน นั่งลงบนนั้น จากนั้น…

อะแฮ่ม… ไม่มีอะไรหลังจากนั้นแล้ว

เฟิ่งชิงเฉินหันหลังให้ทุกคน ไม่มีใครรู้ว่านางกำลังทำอะไรอยู่ตรงนั้น ในเวลานี้เองซุนซือสิงก็นึกถึงสิ่งที่ตัวเองต้องทำขึ้นมาได้ เขารินน้ำหนึ่งแก้วและหยิบยาสองเม็ดให้แก่คุณชายหยวนซีและบอกให้เขากินมันลงไป

ยานอนหลับ!

เมื่อเฟิ่งชิงเฉินแยกเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือดออกมาได้แล้ว ยานอนหลับและยาสลบก็ออกฤทธิ์พอดี ถึงแม้ยังไม่ออกฤทธิ์ก็ไม่จำเป็นต้องกังวล พวกเขาสามารถรอได้รอจนยาออกฤทธิ์!

เฟิ่งชิงเฉินยุ่งอยู่ในห้องผ่าตัดจนกระทั่งพลบค่ำ ทงจือและทงเหยาก็ไม่ได้อยู่เฉย ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดสิ่งต่างๆ จึงไปได้ดีกว่าที่คาดไว้ นางได้รับข่าวกลับมาทีละเรื่อง ในเวลาสั้นๆ เพียงสองวันก็สามารถสืบเรื่องราวได้พอประมาณแล้ว

เฟิ่งชิงเฉินให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นอย่างยิ่ง พวกนางใช้กำลังทั้งหมดเพื่อไปสืบเรื่องนี้ หรือแม้กระทั่งยืมกำลังของตระกูลหวังด้วย แต่ถึงจะเป็นเช่นนี้ก็ไม่เห็นว่าจะต้องสืบเรื่องราวชัดเจนได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้

หากเรื่องราวเมื่อสิบปีที่แล้วเสื้อเปื้อนง่ายถึงเพียงนี้ เฟิ่งชิงเฉินก็คงไม่จำเป็นอยู่ในสภาพที่ไม่รู้อะไรเลย หายจะบอกว่าเรื่องนี้ไม่มีอะไรแปลกประหลาด ให้ตายอย่างไรทงจือทงเหยาก็ไม่เชื่อ

“ยังต้องสืบอีกไหม?” ทงเหยาถามทงจือ นางมั่นใจได้ว่าข่าวในมือเป็นเรื่องจริง แต่ถ้าว่า… ใครเป็นคนคาบข่าวนี้มาให้พวกนางกันแน่และผู้ที่นำข่าวมาให้นั้นมีจุดประสงค์อันใด?

ใช่แล้ว ให้… มีคนเตรียมข่าวที่พวกนางต้องการไว้เรียบร้อยแล้ว คนที่ไปสืบข่าวไม่จำเป็นต้องออกแรงอะไรก็ได้ข่าวมาอย่างราบรื่น แม้กระทั่งพยานก็หาพบแล้ว

เรื่องผิดปกติเช่นนี้จะต้องมีลับลมคมในแน่ หากไม่สืบให้กระจ่างพวกนางก็คงกินไม่ได้นอนไม่หลับ

ทงจือพยักหน้า “สืบ แน่นอนว่าต้องสืบ คุณหนูอยากรู้เรื่องราวในตอนนั้นไม่ผิด แต่ก็ไม่อยากจะถูกคนหรอกใช้ ผู้ที่มอบข่าวนี้ให้แก่พวกเราไม่ว่าจะเป็นมิตรหรือศัตรูก็อดปฏิเสธเรื่องหนึ่งไม่ได้ว่าพวกเขามีความคิดที่จะใช้ประโยชน์จากคุณหนู แม้ว่าเรื่องนี้จะเป็นประโยชน์ต่อเรา แต่หากจะใช้ประโยชน์จากคุณหนูของเราก็ต้องดูว่าคุณหนูเต็มใจหรือไม่”

เมื่ออยู่ข้างกายเฟิ่งชิงเฉินมาเป็นเวลานาน เรื่องอื่นทงจือไม่ได้เรียนรู้ หยิ่งทะนงในศักดิ์ศรีของเฟิ่งชิงเฉินนั้นนางกลับได้เรียนรู้ถึงเจ็ดแปดส่วน

“เจ้าพูดถูก ถึงแม้จะถูกคนหลอกใช้ก็ต้องให้เราเต็มใจจึงจะถูก ตอนนี้เป็นยามอู่ คุณหนูไม่มีทางออกมาเร็วเช่นนี้ พวกเราอาศัยช่วงที่คุณหนูยังไม่ออกมาสืบเรื่องนี้อย่างสุดกำลัง สืบได้เท่าไหร่ก็เท่านั้น คุณหนูให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก”

แม้ข้างนอกจะมีหิมะโปรยปราย ทงเหยาก็ไม่ใส่ใจเลยแม้แต่น้อย นางกระชับเสื้อคลุมที่ห่อตัวไว้และเดินเข้าไปในกองหิมะ ทงจือก็เช่นกัน นางกระแอมเล็กน้อย ถูมือไปมาและเดินไปอีกทางหนึ่ง…

คนในจวนเฟิ่งไม่ใช่ผู้ที่จะถูกรังแกได้โดยง่าย ไม่ใช่คิดจะกำไว้ในกำมือก็จะสามารถทำได้อย่างง่ายดาย!

หิมะตกหนักมากจนองค์จักรพรรดิยกเลิกการว่าราชการ แต่องค์รัชทายาทกลับไม่ได้อยู่เฉย เขาตื่นขึ้นมาเหมือนปกติ หลังจากรับประทานอาหารเช้าแล้วก็เรียกตัวที่ปรึกษาเข้ามาหารือ

ตี๋ตงหมิงเดินเข้าไปยังห้องหนังสือพร้อมรัศมีอาฆาตที่แผ่กระจาย เขาไล่ทุกคนออกไปหมดและให้องครักษ์คนสนิทเฝ้าอยู่นอกเรือน เมื่อแน่ใจแล้วว่าไม่มีผู้ใดสามารถได้ยินตื่นถามซู่ชินอ๋อง “ท่านปู่ นี่เป็นเรื่องจริงหรือ?”

“จริงเท็จอะไรกัน?” ซู่ชินอ๋องกำลังเขียนพู่กันอยู่ เมื่อตี๋ตงหมิงเข้ามาโวยวายเช่นนี้ อักษรอันสวยงามจึงถูกทำลายลง ซู่ชินอ๋องมีสีหน้าบูดบึ้ง เขาโยนพู่กันทิ้งและมองหลานที่อยู่ตรงหน้า พบว่าจะมองอย่างไรก็รู้สึกไม่ถูกใจ

แต่ตี๋ตงหมิงกลับไม่สนใจ เขายังคงหน้าด้านถามต่อไป “ท่านปู่อย่าได้เสแสร้งกับข้าเลย ท่านบอกข้ามาเถอะว่าเรื่องนั้นจริงหรือไม่?”

“จริงแล้วอย่างไร? ไม่จริงแล้วอย่างไร? เจ้าจะทำอะไรได้? ดูท่าทางเจ้าแล้วเจอเรื่องอะไรก็ทำเป็นเรื่องใหญ่ไปเสียหมด ไหนเลยจะมีสง่าราศีของผู้เป็นซื่อจื่อ เจ้าแม้กระทั่งเทียบไม่ติดเฟิ่งชิงเฉินที่เป็นผู้หญิงด้วยซ้ำ ยังคิดจะยุ่งเรื่องของนางหรือ เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครกัน”

แต่ก่อนเขายังรู้สึกว่าตี๋ตงหมิงนั้นไม่เลวเลย แต่เมื่อเห็นวิธีการสังหารคนโดยไม่ต้องเห็นเลือดของหวังจิ่นหลิงและชุยห้าวถิง การวางแผนอันลึกล้ำของเสด็จอาเก้าและเฟิ่งชิงเฉินที่หยิ่งยโสโอหังยอมหักไม่ยอมงอแล้ว จู่ๆ เขาก็รู้สึกว่าหลานชายของเขาไม่มีข้อดีอะไรเลย เกิดเรื่องอะไรขึ้นมาก็ทำได้แต่ตะโกนร้องโวยวาย

“พูดเช่นนี้แสดงว่าข้อมูลที่ท่านให้แก่เฟิ่งชิงเฉินนั้นเป็นเรื่องจริง ตอนนั้นบิดามารดาของนางตายเพราะเหตุนี้จริงๆ หรือ?” ตี๋ตงหมิงไม่สนใจเสียงก่นด่าของซู่ชินอ๋อง เขาได้ยินมามากพอแล้ว

เขาก็คือเขา ไม่ว่าท่านปู่จะไม่พอใจอย่างไรเขาก็ไม่มีทางเปลี่ยนเป็นคนที่เหมือนกับหวังจิ่นหลิง เขาคงเลียนแบบหวังจิ่นหลิงไม่ได้

“ใช่แล้วอย่างไร” ซู่ชินอ๋องถลึงตามองตี๋ตงหมิง ร่องรอยจากประสบการณ์อันเศร้าโศกส่องประกายผ่านดวงตาของเขา

เฟิ่งจ้านตายอย่างอยุติธรรม แต่เช่นนั้นแล้วอย่างไร ในโลกนี้สิ่งที่อยุติธรรมมากกว่าคนนั้นไม่น้อยเลย…

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ