เฟิ่งชิงเฉินในยามนี้หมกมุ่นอยู่กับงานโดยไม่ได้สังเกตเห็นการเคลื่อนไหวของคนทั้งสามเลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสายตาที่คาดหวังของพวกเขา
หากนางรู้ว่าทั้งสามคนคิดอะไรไร้เดียงสาอยู่ในสมอง นางจะต้องใช้มีดผ่าตัดผ่าเปิดสมองของพวกเขาดูให้ชัดว่าข้างในมีอะไรบรรจุอยู่กันแน่ เหตุใดจึงได้น่าเบื่อเช่นนี้
เฟิ่งชิงเฉินหยิบถุงเลือดเดินไปที่เครื่องแยกเม็ดเลือด หยิบมานั่งแบบเดียวกันออกมาจากใต้โต๊ะทำงาน นั่งลงบนนั้น จากนั้น…
อะแฮ่ม… ไม่มีอะไรหลังจากนั้นแล้ว
เฟิ่งชิงเฉินหันหลังให้ทุกคน ไม่มีใครรู้ว่านางกำลังทำอะไรอยู่ตรงนั้น ในเวลานี้เองซุนซือสิงก็นึกถึงสิ่งที่ตัวเองต้องทำขึ้นมาได้ เขารินน้ำหนึ่งแก้วและหยิบยาสองเม็ดให้แก่คุณชายหยวนซีและบอกให้เขากินมันลงไป
ยานอนหลับ!
เมื่อเฟิ่งชิงเฉินแยกเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือดออกมาได้แล้ว ยานอนหลับและยาสลบก็ออกฤทธิ์พอดี ถึงแม้ยังไม่ออกฤทธิ์ก็ไม่จำเป็นต้องกังวล พวกเขาสามารถรอได้รอจนยาออกฤทธิ์!
เฟิ่งชิงเฉินยุ่งอยู่ในห้องผ่าตัดจนกระทั่งพลบค่ำ ทงจือและทงเหยาก็ไม่ได้อยู่เฉย ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดสิ่งต่างๆ จึงไปได้ดีกว่าที่คาดไว้ นางได้รับข่าวกลับมาทีละเรื่อง ในเวลาสั้นๆ เพียงสองวันก็สามารถสืบเรื่องราวได้พอประมาณแล้ว
เฟิ่งชิงเฉินให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นอย่างยิ่ง พวกนางใช้กำลังทั้งหมดเพื่อไปสืบเรื่องนี้ หรือแม้กระทั่งยืมกำลังของตระกูลหวังด้วย แต่ถึงจะเป็นเช่นนี้ก็ไม่เห็นว่าจะต้องสืบเรื่องราวชัดเจนได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้
หากเรื่องราวเมื่อสิบปีที่แล้วเสื้อเปื้อนง่ายถึงเพียงนี้ เฟิ่งชิงเฉินก็คงไม่จำเป็นอยู่ในสภาพที่ไม่รู้อะไรเลย หายจะบอกว่าเรื่องนี้ไม่มีอะไรแปลกประหลาด ให้ตายอย่างไรทงจือทงเหยาก็ไม่เชื่อ
“ยังต้องสืบอีกไหม?” ทงเหยาถามทงจือ นางมั่นใจได้ว่าข่าวในมือเป็นเรื่องจริง แต่ถ้าว่า… ใครเป็นคนคาบข่าวนี้มาให้พวกนางกันแน่และผู้ที่นำข่าวมาให้นั้นมีจุดประสงค์อันใด?
ใช่แล้ว ให้… มีคนเตรียมข่าวที่พวกนางต้องการไว้เรียบร้อยแล้ว คนที่ไปสืบข่าวไม่จำเป็นต้องออกแรงอะไรก็ได้ข่าวมาอย่างราบรื่น แม้กระทั่งพยานก็หาพบแล้ว
เรื่องผิดปกติเช่นนี้จะต้องมีลับลมคมในแน่ หากไม่สืบให้กระจ่างพวกนางก็คงกินไม่ได้นอนไม่หลับ
ทงจือพยักหน้า “สืบ แน่นอนว่าต้องสืบ คุณหนูอยากรู้เรื่องราวในตอนนั้นไม่ผิด แต่ก็ไม่อยากจะถูกคนหรอกใช้ ผู้ที่มอบข่าวนี้ให้แก่พวกเราไม่ว่าจะเป็นมิตรหรือศัตรูก็อดปฏิเสธเรื่องหนึ่งไม่ได้ว่าพวกเขามีความคิดที่จะใช้ประโยชน์จากคุณหนู แม้ว่าเรื่องนี้จะเป็นประโยชน์ต่อเรา แต่หากจะใช้ประโยชน์จากคุณหนูของเราก็ต้องดูว่าคุณหนูเต็มใจหรือไม่”
เมื่ออยู่ข้างกายเฟิ่งชิงเฉินมาเป็นเวลานาน เรื่องอื่นทงจือไม่ได้เรียนรู้ หยิ่งทะนงในศักดิ์ศรีของเฟิ่งชิงเฉินนั้นนางกลับได้เรียนรู้ถึงเจ็ดแปดส่วน
“เจ้าพูดถูก ถึงแม้จะถูกคนหลอกใช้ก็ต้องให้เราเต็มใจจึงจะถูก ตอนนี้เป็นยามอู่ คุณหนูไม่มีทางออกมาเร็วเช่นนี้ พวกเราอาศัยช่วงที่คุณหนูยังไม่ออกมาสืบเรื่องนี้อย่างสุดกำลัง สืบได้เท่าไหร่ก็เท่านั้น คุณหนูให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก”
แม้ข้างนอกจะมีหิมะโปรยปราย ทงเหยาก็ไม่ใส่ใจเลยแม้แต่น้อย นางกระชับเสื้อคลุมที่ห่อตัวไว้และเดินเข้าไปในกองหิมะ ทงจือก็เช่นกัน นางกระแอมเล็กน้อย ถูมือไปมาและเดินไปอีกทางหนึ่ง…
คนในจวนเฟิ่งไม่ใช่ผู้ที่จะถูกรังแกได้โดยง่าย ไม่ใช่คิดจะกำไว้ในกำมือก็จะสามารถทำได้อย่างง่ายดาย!
หิมะตกหนักมากจนองค์จักรพรรดิยกเลิกการว่าราชการ แต่องค์รัชทายาทกลับไม่ได้อยู่เฉย เขาตื่นขึ้นมาเหมือนปกติ หลังจากรับประทานอาหารเช้าแล้วก็เรียกตัวที่ปรึกษาเข้ามาหารือ
ตี๋ตงหมิงเดินเข้าไปยังห้องหนังสือพร้อมรัศมีอาฆาตที่แผ่กระจาย เขาไล่ทุกคนออกไปหมดและให้องครักษ์คนสนิทเฝ้าอยู่นอกเรือน เมื่อแน่ใจแล้วว่าไม่มีผู้ใดสามารถได้ยินตื่นถามซู่ชินอ๋อง “ท่านปู่ นี่เป็นเรื่องจริงหรือ?”
“จริงเท็จอะไรกัน?” ซู่ชินอ๋องกำลังเขียนพู่กันอยู่ เมื่อตี๋ตงหมิงเข้ามาโวยวายเช่นนี้ อักษรอันสวยงามจึงถูกทำลายลง ซู่ชินอ๋องมีสีหน้าบูดบึ้ง เขาโยนพู่กันทิ้งและมองหลานที่อยู่ตรงหน้า พบว่าจะมองอย่างไรก็รู้สึกไม่ถูกใจ
แต่ตี๋ตงหมิงกลับไม่สนใจ เขายังคงหน้าด้านถามต่อไป “ท่านปู่อย่าได้เสแสร้งกับข้าเลย ท่านบอกข้ามาเถอะว่าเรื่องนั้นจริงหรือไม่?”
“จริงแล้วอย่างไร? ไม่จริงแล้วอย่างไร? เจ้าจะทำอะไรได้? ดูท่าทางเจ้าแล้วเจอเรื่องอะไรก็ทำเป็นเรื่องใหญ่ไปเสียหมด ไหนเลยจะมีสง่าราศีของผู้เป็นซื่อจื่อ เจ้าแม้กระทั่งเทียบไม่ติดเฟิ่งชิงเฉินที่เป็นผู้หญิงด้วยซ้ำ ยังคิดจะยุ่งเรื่องของนางหรือ เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครกัน”
แต่ก่อนเขายังรู้สึกว่าตี๋ตงหมิงนั้นไม่เลวเลย แต่เมื่อเห็นวิธีการสังหารคนโดยไม่ต้องเห็นเลือดของหวังจิ่นหลิงและชุยห้าวถิง การวางแผนอันลึกล้ำของเสด็จอาเก้าและเฟิ่งชิงเฉินที่หยิ่งยโสโอหังยอมหักไม่ยอมงอแล้ว จู่ๆ เขาก็รู้สึกว่าหลานชายของเขาไม่มีข้อดีอะไรเลย เกิดเรื่องอะไรขึ้นมาก็ทำได้แต่ตะโกนร้องโวยวาย
“พูดเช่นนี้แสดงว่าข้อมูลที่ท่านให้แก่เฟิ่งชิงเฉินนั้นเป็นเรื่องจริง ตอนนั้นบิดามารดาของนางตายเพราะเหตุนี้จริงๆ หรือ?” ตี๋ตงหมิงไม่สนใจเสียงก่นด่าของซู่ชินอ๋อง เขาได้ยินมามากพอแล้ว
เขาก็คือเขา ไม่ว่าท่านปู่จะไม่พอใจอย่างไรเขาก็ไม่มีทางเปลี่ยนเป็นคนที่เหมือนกับหวังจิ่นหลิง เขาคงเลียนแบบหวังจิ่นหลิงไม่ได้
“ใช่แล้วอย่างไร” ซู่ชินอ๋องถลึงตามองตี๋ตงหมิง ร่องรอยจากประสบการณ์อันเศร้าโศกส่องประกายผ่านดวงตาของเขา
เฟิ่งจ้านตายอย่างอยุติธรรม แต่เช่นนั้นแล้วอย่างไร ในโลกนี้สิ่งที่อยุติธรรมมากกว่าคนนั้นไม่น้อยเลย…
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ
ไม่ต่อให้จบเหรอคะ นานแล้ว แวะมาบอกกล่าวกันบ้าง...
ขอบคุณน่ะค่ะที่ต้องอดหลับอดนอนอัพเดต สู้ๆๆๆๆน่ะค่ะเป็นกำลังใจให้ค่ะ ผู้อ่านก็ไม่ได้หลับได้นอนเหมือนกัน ติดงอมเลย...
ง่ายๆๆยึดอำนาจ...
มาต่อได้ไหมมมมมมมม พลีสสสสสสสสสสสสสสสสส...
Update ให้หน่อยค่ะ จอดอยู่ที่ 1430 นานแล้ว ขออีกสัก 29 ตอนนะคะ Pleaseeeeee Admin ที่น่ารัก...
ไม่อัพเดตแล้วหรอค่ะ...
สามารถซื้ออ่านผ่านช่องทางไหนได้บ้างค่ะ...
ไทม์ไลน์บอก อัพถึง บท1459 แต่ยังดูได้แค่ บท1430...
Update ให้หน่อยคร่า รออ่านอยู่ คร่า...
ไม่ Update นานแล้ว ไปเที่ยวเพลินเลย สงสารคนรอเถอะ เข้ามาทุกวัน อ่านช้ำไป 2 รอบแล้ว...