นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 73

เมื่อภัยอันตรายถูกขจัดออกไปแล้ว ทว่า กลิ่นของยาปลุกกำหนัดยังคงลอยอยู่ในอากาศ หากนางยังคงทนกับมันเช่นนี้อีก นางจะต้องได้รับผลกระทบของมันอย่างแน่นอน

ถึงแม้ว่า ภายในตำแหนักแยกของราชวงวศ์จะมีภัยอันตรายอยู่ทุกหนทุกแห่ง แต่ ทว่า สถานที่แห่งนี้ไม่เหมาะสำหรับการอยู่นานเกินไปนัก อีกทั้ง เฟิ่งชิงเฉินเองก็หาได้เป็นสตรีที่เจอเรื่องอะไรแล้วก็หลบไปตามสัญชาตญาณไม่

หากจะซ่อนตัวอยู่ที่นี่ เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้คนที่คิดจะใส่ร้ายนางเข้ามาโจมตีนั้น นางย่อมเดินออกไปจากตำหนักนี้อย่างซึ่ง ๆ หน้า เสียจะดีกว่า บางทีนางอาจจะได้กำไรในเรื่องนี้ก็เป็นได้

เมื่อยิงปืนเพื่อคลายล็อคประตูตำหนักเสร็จสิ้นแล้วนั้น เฟิ่งชิงเฉินก็พลันผลักประตูเปิดประตูออกมา จากนั้นก็เก็บปลอกกระสุนตามเดิม และเดินจากไปโดยไม่มองย้อนกลับไปอีก

เดินออกไปด้านนอกไม่เท่าไหร่ เฟิ่งชิงเฉินก็พลันได้ยินเสียงแย้มยิ้มและหัวเราะของอิสตรีที่เข้าร่วมชมงามเทศดลาดอกท้อในทันที

ภายใต้แสงแดดที่สาดส่องลงมานั้น ดวงตาของเฟิ่งชิงเฉินพลันทอประกายออกมาด้วยสายตาที่เย็นเฉียบและไร้อารมณ์

แน่นอนว่า ในคราหลังองค์หญิงเจ้าอันผิงต้องการจะพาคุณหนูพวกนี้ ไปชื่นชมกับการแสดงของเฟิ่งชิงเฉินภายในตำหนักนั้นอย่างแน่นอน

ทว่า น่าเสียดายนัก

น่าเสียดาย น่าเสียดายที่เขาไม่มีโอกาสได้ลงมือเลย

ในเมื่อเฟิ่งชิงเฉินปลอดภัยแล้ว หลานจิ่วชิงก็จักไม่อยู่อีกต่อไป พลันหันกายหนีออกไปจากตำหนักแยกของราชวงศ์ในทันที

สถานที่แห่งนี้ เขาไม่สามารถอยู่นาน ๆ ได้!

...

"เฟิ่งชิงเฉิน?"

องค์หญิงอันผิงขยี้ตาของตนเองเบาๆ เนื่องจาก นางคิดว่าตนเองตาลายไปชั่วครู่

แต่ไม่ว่า พระนางจะะกะพริบตาหรือขยี้ตาอย่างไร ร่างของเฟิ่งชิงเฉินก็ไม่อาจจางหายไปได้ อีกทั้งร่างนั้นยังค่อย ๆ เดินเข้าหาพระนางอย่างช้าๆ

เกิดอะไรขึ้น เหตุใดเฟิ่งชิงเฉินถึงมิได้เป็นอะไรเลย

ดวงตาขององค์หญิงอันผิงพลันเบิกกว้างในทันที มือของพระนางพลันจิกกันแน่นอยู่ภายใต้แขนเสื้อตัวยาว พร้อมทั้งส่งสายตาให้กับนางกำนัลที่อยู่ข้างกาย หลังจากนั้นก็ให้นางไปสืบเรื่องราวว่าเกิดอันใดขึ้นกันแน่

นางกำนัลสาวใช้ที่อยู่ภายในวัง พลันค่อย ๆ ถอยกายจากไป นอกจากเฟิ่งชิงเฉินแล้วนั้น ก็ไม่มีผู้ใดสังเกตุเห็นอีก

ในยามนี้ ผู้ที่สามารถดึงดูดความสนใจจากทุกคนไปได้นั้น ก็คือเฟิ่งชิงเฉินที่เดินออกมาจากที่ใดก็ไม่รู้

ไม่ว่าเฟิ่งชิงเฉินจะเดินไปที่ใด ทุกคนต่างก็หยุดและยอมหลีกทางให้นางทั้งนั้น ทุกคนจ้องมองมาที่นาง เสมือนกับว่านางเป็นมนุษย์ต่างดาวที่เพิ่งมากจากนอกโลกเสียอย่างไรอย่างนั้น

เฟิ่งชิงเฉินชินชากับสายตาที่ทุกคนจับจ้องมองมาที่นางเช่นนี้แล้ว ทว่า สายตาของผู้คนตรงหน้าที่มองมาที่นางนั้น คล้ายจะเป็นดวงตาที่"ร้อนรุ่ม" ของบรรดาคุณหนูในตระกูลต่าง ๆ เฟิ่งชิงเฉินจึงเดินตรงไปหาองค์หญิงอันผิง ด้วยความสุภาพเรียบร้อยจากนั้นก็โค้งกายทำความเคารพอย่างมีมารยาท

"เฟิ่งชิงเฉินขอเข้าเฝ้าองค์หญิงเคคะ ขอให้พระองค์ทรงพระเจริญเป็นพัน ๆ ณ ลานตำหนักแยกของพระราชวงศ์ มวลดอกท้อที่บานสะพรั่ง ได้ชูช่อให้หม่อมฉันชื่นชมกับความงามอันล้นหลามของมัน ทำให้ชิงเฉินรู้สึกหลงใหลมันนักเพคะ จึงมิทันได้ระวังตัว หลงทางอยู่ภายในตำหนักเสียได้ จึงมาสายเช่นนี้ องค์หญิงโปรดอภัยให้กับความโง่เขลาของหม่อมฉันด้วยเพคะ"

เฟิ่งชิงเฉินเน้นย้ำกับคำว่า "หลงทาง" เป็นพิเศษนัก ในสถานที่ ที่ไม่มีผู้ใดมองเห็นเฟิ่งชิงเฉินก็พลันส่งสัญาณอันตรายไปให้องค์หญิงอันผิงในทันที เพื่อส่งสารเตือนองค์หญิงอันผิง

องค์หญิงอันผิงตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ทั่วร่างพลันเกิดอาการแข็งทื่อไปในทันที

ในยามนี้ นางกำนัลที่ถูกส่งตัวไปถามข่าวคราวนั้น ก็พลันหน้าซีดเดินเข้ามาคุกเข้าอยู่ด้านข้าง พร้อมกับกระซิบข้างหูเล่าเรื่องราวให้พระนางฟังอยู่ครู่หนึ่ง

องค์หญิงอันผิงพลันหลับตาลง พร้อมกับพยักหน้าเบา ๆ แล้วจึงโบกมือให้นางกำนัลในวังล่าถอยออกไป ในยามที่องค์หญิงลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ความตกใจและความสงสัยก็ลดลงไปในทันที พร้อมกับเหลือบมองเฟิ่งชิงเฉินอย่างมีความหมาย องค์หญิงอันผิงจึงแย้มยิ้มกล่าวขึ้นมาว่า "คุณหนูเฟิ่งไม่ต้องมากพิธี"

ถึงแม้ว่าพระนางจะมิได้กัดฟันกล่าวออกมานั้น แต่เฟิ่งชิงเฉินก็สามารถเข้าใจความหนาวเย็นและความโกรธเกรี้ยวภายในน้ำเสียงขององค์หญิงได้เป็นอย่างดี

ทว่า เฟิ่งชิงเฉินหาได้สนใจมันไม่ อย่างไรก็ตาม มันมักจะมีคนบางประเภท ที่มิได้เกิดมาเพื่อเป็นเพื่อนกัน โดยเฉพาะคนเช่นนางและองค์หญิงอันผิงผู้นี้ ในเมื่อพวกเขาถูกลิขิตให้มาเป็นศัตรูกันเช่นนี้ แล้วเหตุใดนางจะต้องไปญาติดีกับคนเช่นนี้ด้วยเล่า

หลังจากที่เฟิ่งชิงเฉินกล่าวขอบคุณเจ้าหญิงอันผิงแล้วนั้น ในยามที่กำลังจะหลีกทางไปอีกฝั่ง

ในเมื่ออีกฝ่ายไม่มีท่าทีเดือดร้อน นางก็ไม่อยากจะอยู่ให้ความเดือดร้อนมาหาตัวเช่นเดียวกัน อย่างไร บัญชีแค้นในครานี้ นางจักต้องหาทางชำระคืนมาให้ได้อยู่แล้ว

แต่ทว่า เฟิ่งชิงเฉินประเมินความรังเกียจขององค์หญิงอันผิงที่มีต่อนางต่ำเกินไป ในยามที่เฟิ่งชิงหลิงหันกับหลังไปนั้น องค์หญิงอันผิงพลันหันกลับมากล่าวอะไรบางอย่างที่ยื้อนางไว้เล็กน้อย

"คุณหนูเฟิ่ง ในเมื่อเจ้ามาสายเช่นนี้ อย่างไรก็ต้องถูกลงโทษตามกฏของพวกเรา นับว่าโชคดีนัก ที่พวกเรากำลังจะเริ่มการประลองยิงธนูพอดี เช่นนั้น ไม่สู้ให้คุณหนูเฟิ่งไปยืนเป็นเป้าล่อให้พวกเราเสียหน่อย "

พวกนางหาได้ปล่อยให้เฟิ่งชิงเฉินมีโอกาสปฏิเสธคำขอไม่ พลันโบกมือเรียกนางกำนัลให้นำผลแอปเปิ้ลมาให้ในทันที "คุณหนูเฟิ่ง บทลงโทษของเจ้าในวันนี้ เปิ่นกงต้องการให้เจ้านำลูกแอปเปิ้ลวางไว้บนหัวและเดินห่างออกไปร้อยเมตร เพื่อเป็นเป้าล่อให้กับคุณหนูที่ทำการประลองทุกนาง "

สาวใช้ภายในวังพลันส่งแอปเปิลมาให้เฟิ่งชิงเฉินในทันที นั่นก็ชัดเจนแล้วว่า พวกนางจะมิยอมเปิดโอกาสให้เฟิ่งชิงเฉินปฏิเสธไปได้

คุณหนูอีกสองสามนางที่มีคันธนูและลูกธนูอยู่ในมือนั้น พลันเข้าใจความหมายที่องค์หญิงอันผิงสื่อออกมาในทันที หนึ่งในพวกนาง พลันมีคุณหนูที่ดวงตาเป็นประกายวิบวับและคลี่ยิ้มฟันขาวของนางออกมา พร้อมทั้งก้าวไปข้างหน้าและพูดออกมาอย่างภาคภูมิใจว่า

"คุณหนูเฟิ่งไม่ต้องเป็นห่วงนะเพคะ ทักษะการยิงธนูของหม่อมฉันดีมาก ในระยะร้อยเมตรนี้ ไม่เป็นปัญหาอันใดแน่นอนเพคะ เพียงแค่คุณหนูเฟิ่งต้องยืนให้ดี เช่นนั้น การกะระยะของหม่อมฉันย่อมไม่พลาดไปแน่เพคะ "

"หลังจากยิงธนูดอกนี้แล้วเสร็จ ชิงเฉินจะวางคันธนูลงเองเพคะ คุณหนูชิวฮุ่ยมัวตกตะลึงอยู่ทำไมกัน คว้าแอปเปิ้ลแล้วไปยืนตรงนั้นเสีย"

เฟิ่งชิงเฉินเป็นคนเช่นใดกัน แม้แต่ตงหลิงจื่อลั่ว นางยังกล้าที่จะกล่าววาจาข่มขู่ นับประสาอะไรกับองค์หญิงอันผิง คิดว่านางจะกลัวงั้นหรือ สิ่งใดที่องค์หญิงทำกับนางครั้งหนึ่ง อย่าได้โทษที่เฟิ่งชิงเฉินจะเอาคืนนางเป็นสิบห้าเท่า

วันนี้นางรอบคอบยิ่งนัก ที่นำกระเป๋าทางการแพทย์อัจฉริยะติดตัวมาด้วย นางถึงได้สามารถนำปืนออกมาได้เช่นนี้ มิเช่นนั้น เหรงว่าชีวิตของเฟิ่งชิงเฉินคงถึงคราวจะต้องถูกทำลายไปตลอดชีวิตเป็นแน่

ตั้งแต่ที่นางออกจากเมืองหลวง มาจนถึงตอนนี้ นางต้องเผชิญหน้ากับชีวิตและความตายมานับไม่ถ้วน คำพูดน่ารังเกียจพวกนี้ นางจะต้องออกไปจากที่นี่ให้ได้

"เร็วเข้า มิฉะนั้น ข้าจะยิงมันที่หน้าของเจ้าแทน" เฟิ่งชิงเฉินยกคันธนูง้างออกมาเพื่อข่มขู่

"เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าอย่าได้เดินไปเดินมาเช่นนี้" ร่องรอยความตื่นตระหนก พลันปรากฏยู่บนใบหน้าของชิวฮุ่ยในทันที ทั่วร่างพลันสั่นไปมาอย่างควบคุมไม่ได้

นางกลัว นางกลัวว่าเฟิ่งชิงเฉินจะคลั่งขึ้นมาและยิงธนูใส่นาง

เฟิ่งชิงเฉินในยามนี้ หาได้มีสิ่งใดไม่ นอกจากชีวิตราคาถูกของนาง ทว่า นางเล่า นางยังมีอนาคตที่สดใสรออยู่ ภายภาคหน้านางยังต้องแต่งออกไปกับคนที่ดี ทั้งยังต้องได้รับการแต่งตั้ง

ชีวิตของนางมีค่ามากกว่าเฟิ่งชิงเฉินนัก

"ไม่ต้องห่วง ข้าจะไม่มาวุ่นวาย องค์หญิงมีรับสั่งมาเช่นนี้ ในเมื่อชิงเฉินมาสาย ย่อมต้องได้รับบทลงโทษ ชิงเฉินกำลังทำตามพระประสงค์ขององค์หญิงอยู่"

เฮอะ หาไม่แสดงพลังของเสือออกมา พวกเจ้าคิดว่าข้ามันง่ายต่อการให้พวกเจ้าบีบเล่นได้งั้นหรือ

การจะจัดการกับคนอย่างองค์หญิงอันผิงนั้น ต้องทำให้พระนางกรุ่นโกรธแบบหาที่ระบายออกมาไม่ได้ นางจะได้เข้าใจสักทีว่า คนอย่างเฟิ่งชิงเฉิน หาใช่ผู้ใดจะมารังแกนางได้ง่ายนัก

พี่ชายของเจ้าตบแก้มซ้ายของข้า น้องสาวเช่นเจ้าจะมาตบที่แก้มขวาของนางงั้นหรือ

พวกเจ้าคิดว่า หน้าของข้าใช่ผู้ใดจะมาตบได้ง่ายงั้นหรือ!

คิดว่า ตบหน้าข้าแล้ว จะไม่ต้องจ่ายสิ่งใดทดแทนงั้นหรือ!

"เฟิ่งชิงเฉิน วางคันธนูในมือเจ้าลง มิฉะนั้น อย่าหาว่าเปิ่งกงไม่เกรงใจเจ้า" องค์หญิงอันผิงพลันลุกขึ้นยืนพร้อมกับปิ่นปักผมบนหัวของพระนางที่สั่นไปมา

องค์หญิงอันผิงเริ่มโมโหแล้ว!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ