นางฆ่าคน!
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นั่งฆ่าคนและก็ไม่ใช่ครั้งสุดท้าย นางรู้ดีว่าครั้งนี้เป็นครั้งที่ทำให้นางรู้สึกเจ็บปวดมากที่สุด
นางใช้มือทั้งสองข้างนี้ในการจบชีวิตของชายหนุ่มผู้บริสุทธิ์ลง นางใช้มือทั้งสองนี้แย่งชิงดวงตาซึ่งใช้ในการมองโลกอันงดงามนี้ของเขา
เฟิ่งชิงเฉินไม่รู้ว่าตนกลับมา ยังห้องขังหมายเลขเก้าได้อย่างไร นางรู้เพียงแค่ว่านางอยากจะร้องไห้ อยากร้องไห้ยิ่งนัก ร้องให้แก่ตนเองและชายหนุ่มผู้นั้น
อำนาจเป็นดุจดั่งราชสีห์ ทั้งนางและชายหนุ่มผู้นั้นล้วนเป็นเครื่องบูชาภายใต้อำนาจเหล่านี้ เพียงแค่นางโชคดีกว่าชายหนุ่มคนนั้นก็เท่านั้นเอง
เฟิ่งชิงเฉินนั่งยองๆ อยู่ตรงมุมห้อง มือทั้งสองข้างของนางกอดเข่าแล้วน้ำตาไหลริน
"เสี่ยวจื้อ เจ้าจงจากไปอย่างหมดห่วงเธอ ข้าจะต้องช่วยเจ้าแก้แค้นแน่นอน ข้าจะฆ่าอันกั๋วกงแทนเจ้า จะทำลายจวนอันกั๋วกงแทนเจ้าให้ได้"
"เสี่ยวจื้อ เจ้าจงอย่าห่วงเลย ข้าจะพาเจ้าออกไปให้ได้ จะให้เจ้าได้พบหน้าครอบครัวอีกครั้ง จะทำให้ดวงตาของเจ้าได้เห็นโลกภายนอกต่อไป"
บัดนี้เฟิ่งชิงเฉินตกอยู่ท่ามกลางความโศกเศร้า และทันใดนั้นเองผู้ที่ทำให้เฟิ่งชิงเฉินสิ้นสุดการใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในคุกขององครักษ์เสื้อโลหิตก็ปรากฏกายขึ้น
องค์หญิงอันผิงเสด็จมายังคุกองครักษ์เสื้อโลหิตด้วยตนเองในวันที่ห้าหลังจากเฟิ่งชิงเฉินถูกจับขังเข้ามาในคุก กล่าวว่าจะทำการสืบสวนเฟิ่งชิงเฉินโดยไม่ได้แจ้งสิ่งใดไว้ล่วงหน้า
ลู่เส้าหลินผงะลง เขาอ้างเหตุผลในการปฏิเสธไปไม่ให้องค์หญิงอันผิงย่างกายเข้าไปในคุกแม้แต่ก้าวเดียว แต่องค์หญิงอันผิงเป็นผู้ที่จัดการได้ง่ายเสียที่ไหน
นางรออยู่ถึงห้าวัน เพื่อที่ต้องการเห็นสภาพอันน่าสมเพชของเฟิ่งชิงเฉิน
นางต้องการจะทำให้เฟิ่งชิงเฉินเข้าใจว่าผู้ใดก็ตามที่กล้ามาข่มขู่นางจะไม่มีจุดจบอันดี
ด้วยคำยืนกรานขององค์หญิงอันผิง ลู่เส้าหลินเองก็ไร้สิ้นหนทาง เพราะองค์หญิงอันผิงไม่ใช่องค์หญิงที่ถูกละเลย นางคือธิดาของฮองเฮา
แต่ว่าลู่เส้าหลินเป็นคนเช่นไร เขาจะทำให้ตนเองต้องตกอยู่ในความเดือดร้อนเพราะเรื่องพวกนี้หรือ
ลู่เส้าหลินให้การต้อนรับองค์หญิงอันผิงและหันไปขยิบตาสายตาให้แก่ผู้ใต้บังคับบัญชาคนสนิท ให้เข้าไปจัดการทุกสิ่งอย่างให้เรียบร้อย อย่าให้องค์หญิงอันผิงจับผิดได้
คนสนิทของเขาเดินทางจากไป และจัดการให้คนเปลี่ยนเสื้อผ้าทำหน้าทำผมให้แก่เฟิ่งชิงเฉิน
หลังจากที่เฟิ่งชิงเฉินได้รับเรื่องราวนี้แล้ว นางก็ปาดน้ำตาสีหน้าดูหนักอึ้ง แต่นางก็พยักหน้าให้ความร่วมมือ ขณะเดียวกันก็ได้ฝากเม็ดยาสีฟ้าเล็กๆ ห้าเม็ดไปให้แก่คนสนิทของลู่เส้าหลิน
นางรู้ว่าลู่เส้าหลินจะเห็นแก่ยาเม็ดเหล่านี้และพยายามช่วยนางให้ถึงที่สุด เนื่องจากผู้ที่เดินทางมาในวันนี้คือองค์หญิงเท่านั้น ไม่ใช่ฮองเฮา
ลู่เส้าหลินที่เสมือนจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ การรับมือกับองค์หญิงอันผิงผู้ไร้เดียงสาช่างง่ายเหลือเกิน
เฟิ่งชิงเฉินไม่รู้ว่าตนสวมชุดของนักโทษคนใด บนเสื้อผ้านั้นเริ่มส่งสีหมองคล้ำ ทั้งเลือดและหนองส่งกลิ่นคละคลุ้ง
แต่เพื่อทำให้สมจริง เฟิ่งชิงเฉินจึงขยี้ผมเผ้าให้ยุ่งเหยิง ใบหน้าของนางตกแต่งเป็นรอยเขียวช้ำม่วง ที่เสื้อผ้าได้นำเลือดสดมาทาเพิ่มอีกเล็กน้อย
"วิธีนี้เหมือนจริงยิ่งนัก แม้แต่ตัวข้าเองที่มองดูตนเองก็คิดว่าเป็นนักโทษที่ถูกลงโทษอย่างหนักจริงๆ" เฟิ่งชิงเฉินมองไปยังเสื้อผ้าที่นางสวมใส่ หากว่าไม่กระชากฉุดออกมาดูก็คงไม่รู้ว่าปลอม
คนสนิทของลู่เส้าหลินรู้ดีว่าลู่เส้าหลินให้ความสำคัญกับเฟิ่งชิงเฉินอย่างไร เมื่อได้ยินเฟิ่งชิงเฉินกล่าวเช่นนี้จึงยิ้มแล้วตอบว่า "คุณหนูเฟิ่ง คนด้านนอกล้วนรู้ดีว่าองครักษ์เสื้อโลหิตของเราโหดเหี้ยมเพียงใด พวกเขาคิดว่าเรากินคนจนไม่เหลือแต่กระดูก แต่ไม่มีใครรู้หรอกว่าพวกเราก็มีจิตใจเมตตา บรรดาขุนนางที่ถูกส่งมาในคุก หากว่าเป็นคนดีมีคุณธรรม พวกเราก็ไม่ค่อยจะลงโทษทัณฑ์เท่าไรนัก โดยมากมักจะเสแสร้งแกล้งทำขึ้นมา เนื่องจากบรรดาผู้สูงศักดิ์เหล่านั้นล้วนไม่พิจารณาเป็นการละเอียด เพียงแค่เหลือบมองก็ตกอกตกใจจะแย่"
เฟิ่งชิงเฉินเข้าใจดีว่าเขาเลือกจะรักษาตำแหน่งของตนเอาไว้แล้วละทิ้งนาง
หากเปรียบเทียบกับองค์หญิงอันผิงแล้ว นางนับไม่ได้กับอะไรเลย เฟิ่งชิงเฉินกระแอมออกมาแล้วกล่าวอย่างไร้เรี่ยวแรงว่า "องค์หญิง กระตือรือร้นยิ่งนัก"
ทั้งมือและเท้าของเฟิ่งชิงเฉินถูกมัดเอาไว้บนเครื่องลงโทษ ต่อให้ไม่ต้องลงมือทำสิ่งใด ท่าทางเช่นนี้ก็ทรมานเกินทนแล้ว ประกอบกับเมื่อครู่ที่เฟิ่งชิงเฉินเพิ่งจะร้องไห้ น้ำเสียงของนางจึงดูโศกเศร้าไร้เรี่ยวแรง อีกทั้งนางตั้งใจจะทำเช่นนั้น มองไปคล้ายกับจะสิ้นลม
"เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าควรจะดีใจ นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าเอาใจใส่ประชาชนต่ำต้อยอย่างพวกเจ้า" องค์หญิงอันผิงยกนิ้วขึ้นแล้วส่งสัญญาณไปทางองครักษ์ที่อยู่ด้านหลัง
องครักษ์เข้าใจในความหมายและเชิญทุกคนในที่นั้นออกไปอย่าง "เกรงอกเกรงใจ" รวมถึงลู่เส้าหลินด้วย
"องค์หญิงพ่ะย่ะค่ะ ที่นี่คือองครักษ์เสื้อโลหิต และกระหม่อมคือผู้บัญชาการขององครักษ์เสื้อโลหิต กระหม่อมมีหน้าที่รับผิดชอบที่นี่" ลู่เส้าหลินทำการโต้เถียงกับองค์หญิงอันผิงยืนกรานไม่ออกไป
เฟิ่งชิงเฉินรู้ดีว่าลู่เส้าหลินไม่ได้อยากจะอยู่ที่นี่เพื่อช่วยนาง เขาเพียงแค่วางท่าเท่านั้น
เหอะๆ......
เฟิ่งชิงเฉินหัวเราะออกมายกอย่างขมขื่น นางหลับตาลงทั้งสองข้างแล้วไม่กล่าวสิ่งใดออกมาอีก
จะว่าไปแล้ว ระหว่างนางและองค์หญิงอันผิงก็ไม่ได้มีความคับแค้นได้ต่อกัน นางเพียงแค่หักหน้าองค์หญิงอันผิงก็เท่านั้น
เมื่อองค์หญิงอันผิงเห็นท่าทางของลู่เส้าหลินที่มุ่งมั่นเพียงนั้นจึงไม่ได้โต้เถียงกับเขา หันกลับไปโบกมือให้แก่องครักษ์ที่อยู่ด้านหลังแล้วกล่าวว่า "จัดหาที่นั่งให้ใต้เท้าลู่ด้วย"
นางจัดการให้ลู่เส้าหลินนั่งอยู่ห่างออกไป ลู่เส้าหลินเองก็ไม่รู้จะทำอย่างไรได้แต่รับฟังคำสั่ง ส่วนอำนาจในการจัดการลงทัณฑ์ จึงตกไปอยู่ในมือขององค์หญิงอันผิงโดยแท้จริง ความเป็นความตายของเฟิ่งชิงเฉิน ก็อยู่ในมือขององค์หญิงอันผิงด้วย......
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ
ไม่ต่อให้จบเหรอคะ นานแล้ว แวะมาบอกกล่าวกันบ้าง...
ขอบคุณน่ะค่ะที่ต้องอดหลับอดนอนอัพเดต สู้ๆๆๆๆน่ะค่ะเป็นกำลังใจให้ค่ะ ผู้อ่านก็ไม่ได้หลับได้นอนเหมือนกัน ติดงอมเลย...
ง่ายๆๆยึดอำนาจ...
มาต่อได้ไหมมมมมมมม พลีสสสสสสสสสสสสสสสสส...
Update ให้หน่อยค่ะ จอดอยู่ที่ 1430 นานแล้ว ขออีกสัก 29 ตอนนะคะ Pleaseeeeee Admin ที่น่ารัก...
ไม่อัพเดตแล้วหรอค่ะ...
สามารถซื้ออ่านผ่านช่องทางไหนได้บ้างค่ะ...
ไทม์ไลน์บอก อัพถึง บท1459 แต่ยังดูได้แค่ บท1430...
Update ให้หน่อยคร่า รออ่านอยู่ คร่า...
ไม่ Update นานแล้ว ไปเที่ยวเพลินเลย สงสารคนรอเถอะ เข้ามาทุกวัน อ่านช้ำไป 2 รอบแล้ว...