"เสด็จ เสด็จอาเก้าเพคะ" บัดนี้องค์หญิงอันผิงทำท่าทางน่าสงสารแล้วบิดชายเสื้ออย่างตื่นตระหนก ก้มหน้าลงแล้วเหลือบตามองไปทางตงหลิงจิ่วด้วยความหวาดกลัว
ตงหลิงจิ่วจิบน้ำชาเข้าไปอีกหนึ่งแล้วกล่าวออกมาอย่างลึกล้ำว่า "อันผิงโตแล้วสินะ"
"เสด็จอาเพคะ อันผิง อันผิง...…" องค์หญิงอันผิงน้ำตานองหน้า แล้วกล่าวออกมาด้วยท่าทางน้อยเนื้อต่ำใจว่า
"เสด็จอาเก้าเพคะ เข้าใจอันผิงผิดไปแล้ว อันผิงได้ยินว่านางจ้างวานนักฆ่ามาลอบสังหารอันผิงจึงรู้สึกโมโห และต้องการเดินทางมาถามให้รู้เรื่อง แต่คาดไม่ถึงว่าใต้เท้าลู่จะกำลังสืบสวนความจากเฟิ่งซิ่วพอดี"
การที่โกหกน่าตายเช่นนี้ กุลสตรีชั้นสูงทุกคนล้วนมีไว้เป็นอาวุธ
ลู่เส้าหลินที่คุกเข่าอยู่บนพื้น เขาไม่กล้าแม้แต่จะหายใจออกมาด้วยเสียงอันดัง เมื่อได้ยินองค์หญิงอันผิงโยนความผิดมาที่เขาเช่นนั้น แม้จะ ลำบากใจแต่ก็ไม่กล้าเอ่ยสิ่งใดออกมา
เดิมทีต้องการจะเงยหน้าขึ้นอธิบายต่อเสด็จอาเก้า แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นก็พบเข้ากับดวงตาอันเยือกเย็นขององค์หญิงอันผิง จึงทำได้เพียงก้มหน้าลงไป แล้วปล่อยให้เหงื่อเม็ดใหญ่ไหลลงสู่พื้น
ดูเหมือนตงหลิงจิ่วเลือกที่จะฟังแต่ประโยคหลัง "ใต้เท้าลู่กำลังสืบสวนอย่างงั้นหรือ"
ขณะนี้ลู่เส้าหลินไม่กล้ากล่าวว่าใช่ และไม่กล้าปฏิเสธ เขาทำเพียงก้มหน้าลงต่ำกว่าเดิม ทำเป็นมองไม่เห็นแววตาที่สามารถฆ่าคนได้คู่นั้นขององค์หญิงอันผิง
การทำให้องค์หญิงอันผิงขุ่นเคือง อย่างมากสุดก็คงถูกนางทำโทษหรือใส่ร้าย แต่หากทำให้เสด็จอาเก้าต้องขุ่นเคือง อาจจะกลายเป็นศพได้ในทันที
เสด็จอาเก้าจากฆ่าใครสักคนไม่เคยต้องการเหตุผล
ตงหลิงจิ่วไม่จำเป็นต้องรอคำตอบจากลู่เส้าหลิน เขาเหลือบตามองไปทางเฟิ่งชิงเฉินด้วยสายตาเยือกเย็น จากนั้นก็วางแก้วน้ำชาลงแล้วพูดว่า "ในเมื่อใต้เท้าลู่กำลังสืบความอยู่ เช่นนั้นเชิญทำต่อเถิด ข้าจะไม่เข้ามาขัดขวางการทำงานของท่าน"
ฟู่...… ลู่เส้าหลินถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ในใจขององค์หญิงอันผิงรู้สึกยินดีขึ้นมา มองดูแล้วเสด็จอาเก้าเหมือนจะแค่บังเอิญผ่านมาจริงๆ
แต่ดูเหมือนทั้งสองคนจะดีใจเร็วเกินไปหน่อย แม้เสด็จอาเก้าจะบอกว่าไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว แต่เขาก็ไม่ได้ขยับเขยื้อน ยังคงนั่งอยู่ที่นั่นคล้ายกับรออะไรบางอย่าง
ลู่เส้าหลินกำลังจะเตรียมตัวลุกขึ้นยืนเพื่อส่งเสด็จอาเก้ากลับไป แต่เมื่อเขาลุกขึ้นได้เพียงเล็กน้อยก็ต้องคุกเข่ากลับลงไปดังเดิม
เสด็จอาเก้า ท่านจงใจชัดๆ!
"ทำไมหรือ ใต้เท้าลู่จะสืบสวนคดีไม่ใช่หรือไร สืบต่อเถิด อย่าทำให้การที่ข้าอยู่ที่นี่เป็นการขัดขวางหน้าที่ของท่าน" ตงหลิงจิ่วกล่าวขึ้นอีกครั้ง น้ำเสียงในครั้งนี้ดูเยือกเย็นกว่าเดิม
"พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะเริ่มบัดเดี๋ยวนี้" ลู่เส้าหลินรีบลุกขึ้นยืน แต่ฝ่ายหนึ่งก็คือเสด็จอา อีกฝ่ายหนึ่งคือองค์หญิง เขาจะทำอย่างไรเล่า จะให้สืบสวนในห้องนี้หรือ?
ลู่เส้าหลินทำสีหน้าขมขื่นออกมา แต่ก็จำเป็นจะต้องทำตาม
เมื่อองค์หญิงอันผิงเห็นสถานการณ์เป็นเช่นนี้ จึงทำท่าว่านอนสอนง่ายกล่าวว่า "เสด็จอาเพคะ ถ้าอย่างนั้นอันผิงจะไม่อยู่ที่นี่ เพื่อไม่ให้ ขัดขวาง การทำงานของใต้เท้าลู่ อันผิงขอตัวก่อนเพคะ"
"ไม่เป็นไร เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของอันผิง ทางที่ดีอันผิงควรจะอยู่ที่นี่ต่อ อันผิงอยู่ที่นี่จากขัดขวางการทำงานของใต้เท้าลู่ได้อย่างไร ข้าเชื่อว่า ไม่ว่าผู้ใดอยู่ที่นี่ใต้เท้าลู่ก็จะสามารถสืบคดีได้อย่างยุติธรรม ใต้เท้าลู่ ข้ากล่าวได้ถูกต้องหรือไม่?"
"พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะสืบความอย่างยุติธรรมแน่นอน" บัดนี้ลู่เส้าหลินอยากจะตายเสียเหลือเกิน
การที่เอ่ยถึงเรื่องความยุติธรรมกับองครักษ์เสื้อโลหิต ไม่ต่างอันใดกับการตบหน้าตนเอง
คนภายนอกไม่รู้ แต่เสด็จอาเก้าก็ไม่รู้ด้วยหรือ? องครักษ์เสื้อโลหิตคืออะไร ชื่อนั้นฟังไปอาจจะไพเราะ พวกเขามีอำนาจล้นฟ้าแต่แท้จริงเป็นเพียงสุนัขตัวหนึ่งของฮ่องเต้ ฮ่องเต้ต้องการให้องครักษ์เสื้อโลหิตไปกัดผู้ใด พวกเขาก็ต้องไปกัดผู้นั้น
หลักฐาน? พยาน?
ภายใต้การลงทัณฑ์ ทั้งหลักฐานและพยานต้องการเท่าไหร่ก็มีให้ทั้งสิ้น
แม้แต่ขุนนางก็ยังสามารถขยี้ผู้คนจนตายได้ ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงเสด็จอาเก้าผู้เหนือกว่าคนอื่นใดรองจากฮ่องเต้
ขุนนางเก่าแก่เช่นลู่เส้าหลินรู้ดีว่าการที่เสด็จอาก้าวเดินทางมา ณ องครักษ์เสื้อโลหิตในวันนี้ไม่ใช่ความบังเอิญ เขามาช่วยเฟิ่งชิงเฉิน
ลู่เส้าหลินเหลือบมองไปทางเฟิ่งชิงเฉินแล้วอดไม่ได้ที่จะรู้สึกชื่นชม
หลายวันมานี้ทั้งตระกูลหวังตระกูลอวี่เหวินและตระกูลซู วิ่งหาคนที่จะช่วยเฟิ่งชิงเฉินได้ไปทั่ว เขารู้เรื่องนี้ดี เพียงแต่ไม่คิดว่าทั้งสามตระกูลนี้จะทำให้เสด็จอาเก้าเข้ามาช่วยได้
โชคชะตาหนอ
เฟิ่งชิงเฉินไม่เพียงแต่มีมิตรที่ดี นางมีโชคชะตาที่ดีด้วย เสด็จอาเก้าเลือกจังหวะเหมาะเจาะขณะที่องค์หญิงอันผิงกำลังจะลงทัณฑ์นางพอดิบพอดี
เนื่องจากที่นี่ไม่ใช่ศาล ไม่มีไม้ปลุกสติที่เอาไว้ทุบโต๊ะแต่อย่างใด อีกอย่างเสด็จอาเก้าประทับอยู่ที่นี่ด้วย ลู่เส้าหลินจึงไม่กล้าที่จะสืบความเท่าไรนัก
เมื่อทุกคนมาครบแล้ว ลู่เส้าหลินจึงได้เอ่ยถามขึ้นต่อหน้าตงหลิงจิ่ว
"เฉียนจิ้น เจ้าดูสิว่าข้างกายของเจ้าคือผู้ใด" เป็นเพราะมีตงหลิงจิ่วอยู่ที่นี่ด้วยลู่เส้าหลินจึงไม่กล้าจะลีลา
ผู้ที่ถูกเรียกว่าเฉียนจิ้นทำสีหน้าดุร้ายแล้วมองไปทางเฟิ่งชิงเฉิน คนที่ไม่รู้คงคิดว่าทั้งสองคนมีความอาฆาตแค้นต่อกันมาก่อน
"ใต้เท้า นางผู้นี้นางคือบุตรสาวของจวนเฟิ่ง นางให้ทองแก่ข้าน้อยจำนวนหนึ่งพันตำลึง และสั่งให้ข้าน้อยซ่อนตัวอยู่ที่นั่นคอยดูสัญญาณมือและจัดการลงมือ ใต้เท้า ข้าน้อยถูกใส่ร้าย หากข้าน้อยรู้ว่านางจะฆ่าองค์หญิงอันผิง อย่าว่าแต่ทองจำนวนหนึ่งพันตำลึงเลย ต่อให้หนึ่งหมื่นตำลึงข้าน้อยก็ไม่กล้า"
เมื่อกล่าวจบเขาก็ใช้ศีรษะกระแทกไปที่พื้นด้วยท่าทางดูน่าสมเพช
ช่างแสดงได้ดีเหลือเกิน ทำเอาเสียเฟิ่งชิงเฉินก็เกือบจะเชื่อ
"เฟิ่งซิ่ว เจ้ามีสิ่งใดจะพูดหรือไม่?" ลู่เส้าหลินเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
ในใจของเขาที่จริงแล้วพอจะมองออก ต่อให้เสด็จอาปรากฏกายขึ้นก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงความจริงใดได้
เนื่องจากนี่คือคดีเหล็ก เป็นคดีที่ฮองเฮาวางแผนไว้ด้วยพระองค์เอง แม้ว่าแผนนี้จะค่อนข้างกระชั้นชิด แต่จะทำอย่างไรได้ นางมีอำนาจมากเหลือเกิน
พูดอย่างงั้นหรือ พูดอะไร?
ให้พูดว่านางถูกใส่ร้าย ให้พูดว่ามีคนอื่นใส่ร้ายนางอย่างงั้นหรือ? มีประโยชน์หรือไร?
เฟิ่งชิงเฉินสงสัยยิ่งนัก
การที่เสด็จอาเก้าเข้ามายุ่งเกี่ยว เพียงแค่ต้องการให้โอกาสนาง ไม่ได้หมายความว่านางจะไม่มีความผิด
แต่นางจะเอาหลักฐานที่ใดมาชี้ว่าตนบริสุทธิ์?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ
ไม่ต่อให้จบเหรอคะ นานแล้ว แวะมาบอกกล่าวกันบ้าง...
ขอบคุณน่ะค่ะที่ต้องอดหลับอดนอนอัพเดต สู้ๆๆๆๆน่ะค่ะเป็นกำลังใจให้ค่ะ ผู้อ่านก็ไม่ได้หลับได้นอนเหมือนกัน ติดงอมเลย...
ง่ายๆๆยึดอำนาจ...
มาต่อได้ไหมมมมมมมม พลีสสสสสสสสสสสสสสสสส...
Update ให้หน่อยค่ะ จอดอยู่ที่ 1430 นานแล้ว ขออีกสัก 29 ตอนนะคะ Pleaseeeeee Admin ที่น่ารัก...
ไม่อัพเดตแล้วหรอค่ะ...
สามารถซื้ออ่านผ่านช่องทางไหนได้บ้างค่ะ...
ไทม์ไลน์บอก อัพถึง บท1459 แต่ยังดูได้แค่ บท1430...
Update ให้หน่อยคร่า รออ่านอยู่ คร่า...
ไม่ Update นานแล้ว ไปเที่ยวเพลินเลย สงสารคนรอเถอะ เข้ามาทุกวัน อ่านช้ำไป 2 รอบแล้ว...