"อื้อๆๆ…" เฉียนจิ้นถูกคนกดไว้ เขาร้องครางราวกับสัตว์ที่ถูกจับ เขามองไปทางองค์หญิงอันผิงด้วยดวงตาเศร้าสร้อยและอ้อนวอนอย่างเงียบเชียบ
เขาเป็นแค่เบี้ยตัวหนึ่งที่ไม่ได้สลักสำคัญอันใด
ดังนั้น…
ไม่มีใครสนใจเกี่ยวกับชีวิตหรือความเป็นตายของเขาหรอก
ในสายตาของชนชั้นสูงเหล่านี้ เบี้ยก็ใช้เป็นเพียงเครื่องสังเวยเท่านั้น
เสียงเหล็กร้อนดังฉ่า เสียงหัวใจของเฟิ่งชิงเฉินก็ผิดจังหวะตาม นางหายใจเข้าลึกและจ้องโดยไม่กะพริบตา...
เฟิ่งชิงเฉินรู้ดีว่าหากวันนี้ตงหลิงจิ่วไม่มา ผู้ที่ถูกเฆี่ยนตีและตัดลิ้นย่อมเป็นนาง
"ฉ่า..." เจ้าหน้าที่ใช้แรงยกเหล็กขึ้นมา
เลือดพุ่งออกมาจากปากของเฉียนจิ้น แม้ว่าเขาจะถูกมัดไว้ แต่เขาก็ยังบิดร่างกายไปมาด้วยความเจ็บปวด ไม้หลักสั่นไหวไปมาพร้อมเสียงร้องอู้อี้...
แหวะ... เฟิ่งชิงเฉินรีบเอื้อมมือออกไปปิดปากของนาง
นางรู้สึกว่านางนับว่ามีความกล้าหาญมากแล้ว คนตายหรือคนเป็นนางล้วนไม่กลัว แต่...
ภาพการทรมานช่างโหดร้ายเหลือเกิน นางรู้สึกหนาวสั่นไปทั้งตัว
ในทางกลับกัน ทางด้านตงหลิงจิ่วและองค์หญิงอันผิงนั้น คนแรกไม่ใส่ใจเลยสักนิด ส่วนฝ่ายหลังก็มีเพียงแต่ความโกรธ
เฟิ่งชิงเฉินสูดหายใจเข้าลึกและบอกตัวเองว่าถ้าเห็นอีกสักสองสามครั้งก็คงชิน แม้ว่าความเคยชินนี้จะไม่ใช่เรื่องที่ดีนักก็ตาม
เฮ้อ... เฟิ่งชิงเฉินปรับอารมณ์ของตนเอง เมื่อนางมองไปที่เฉียนจิ้น ใบหน้าของนางก็สงบราบเรียบ
ในเวลานี้เององครักษ์เสื้อโลหิตก็พยายามห้ามเลือดให้แก่เฉียนจิ้น ตอนนี้เฟิ่งชิงเฉินจึงพบว่าการตัดก็คือการตัดแยกปลายลิ้นเป็นสองกลีบเหมือนตัวงู
และเธอพลาดประกายชื่นชมในดวงตาอันสงบของตงหลิงจิ่ว
ลิ้นถูกตัดโดยไม่ได้ถูกดึงออก เฉียนจิ้นยังคงสามารถพูดได้ แต่ทุกครั้งที่เขาพูดเขาจะรู้สึกเจ็บปวดไปจนถึงขั้วหัวใจ
ลู่เส้าหลินถามเขาอีกครั้งว่าใครสั่งให้เขาลอบสังหารเฟิ่งชิงเฉิน
เฉียนจิ้นลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงเอ่ยชื่อเฟิ่งชิงเฉินออกมา ความขุ่นเคืองในสายตาของเขาเพียงพอที่จะฆ่าเฟิ่งชิงเฉินให้ตายไปหลายพันครั้ง
เฟิ่งชิงเฉินยิ้มเย็นและไม่พูดอะไรเพราะที่นี่ไม่มีที่สำหรับให้นางพูด
ตงหลิงจิ่วเอ่ยขึ้นอีกครั้ง "ใต้เท้าลู่ ข้าได้ยินมาว่าเพชฌฆาตของหน่วยองครักษ์เสื้อโลหิตเชี่ยวชาญในการแล่เนื้อเถือหนัง เมื่อแล่เนื้อของนักโทษออกหมดแล้วก็ยังให้นักโทษมีชีวิตอยู่ได้ใช่หรือไม่?"
"ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ ข้ากำลังเตรียมจะให้ใช้การทรมานโดยการแล่เนื้อกับเฉียนจิ้นอยู่พอดีเลย เพชฌฆาตจะมาถึงในไม่ช้าพ่ะย่ะค่ะ" ลู่เส้าหลินเข้าใจในทันทีโดยไม่จำเป็นต้องให้ตงหลิงจิ่วพูดมาก…
"ความคิดนี้ของใต้เท้าลู่ไม่เลวเลย" ตงหลิงจิ่วพยักหน้าด้วยท่าทางชื่นชม
ที่ว่าหน้าเนื้อใจเสือและไร้ยางอายเป็นเช่นไรนั้น ที่แท้เป็นเช่นนี้เอง
เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกชื่นชมเป็นหมื่นเท่า
วิธีการของตงหลิงจิ่วนั้นช่าง...
"เสด็จอาเก้า…" องค์หญิงอันผิงเปิดปากกล่าวอ้ำอึ้งด้วยท่าทางไม่พอใจ
เสด็จอาเก้าไม่ไว้หน้าเสด็จแม่ของนางเลย เขารู้ดีอยู่แล้วว่าเฟิ่งชิงเฉินคือคนที่เสด็จแม่ต้องการกำจัด แต่เขาก็ยังปกป้องนาง แบบนี้ช่าง… ช่างน่าโมโหเสียจริง
ตงหลิงจิ่วเหลือบมององค์หญิงอันผิงเล็กน้อยและเอ่ยว่า "อะไรหรือ? อันผิงกลัวงั้นหรือ? อย่ากลัวไปเลย มีอาเก้าอยู่ทั้งคน"
"อัน อันผิง…" องค์หญิงอันผิงพูดไม่ออก
นางกลัวอะไรกันเล่า เพียงแต่นางใช้เหตุผลนี้มาอ้างเพื่อที่จะอยู่ต่อ
ตงหลิงจิ่วกะพริบตาเบาๆ แล้วพูดเรื่องอื่นแทน "อันผิง ข้าได้ยินมาว่าเจ้านำโสมร้อยปีและหมอหลวงมาด้วยใช่หรือไม่?"
"กราบทูลเสด็จอา ใช่ ใช่แล้วเพคะ" องค์หญิงอันผิงมีลางสังหรณ์ไม่ดีนัก เสด็จอาเก้ากำลังมุ่งเป้ามาที่นางแล้ว
"อันผิงฉลาดจริงๆ ในเมื่อนำหมอหลวงและโสมร้อยปีมาด้วย หากอีกเดี๋ยวยามที่เฉียนจิ้นตายแล้วไม่มีพยานคงจะต้องไม่ดีแน่" ตงหลิงจิ่วโบกมือเป็นสัญญาณให้ขันทีข้างกายเขาไปจัดการด้วยตนเอง
นี่... เป็นการทำให้องค์หญิงอันผิงไม่สามารถปฏิเสธได้อีก
เช่นเดียวกับเฉียนจิ้น ชะตากรรมของนางอยู่ในมือของผู้อื่น
เพชฌฆาตวางมีดหนึ่งแถวไว้บนโต๊ะอย่างชำนาญ มีทั้งใหญ่และเล็ก ยาวและสั้น บางและกว้าง
เมื่อมองไปที่มีดเหล่านี้ เฟิ่งชิงเฉินชื่นชมพวกเขาเป็นอย่างมาก การแล่เนื้อเถือหนังนั้นต้องใช้ฝีมือพิเศษเป็นอย่างมาก หากคนผู้นี้อยู่ในยุคปัจจุบัน เขาต้องเป็นศัลยแพทย์มือดีอย่างแน่นอน
เฟิ่งชิงเฉินเป็นศัลยแพทย์ นางรู้ถึงตำแหน่งกายวิภาคของร่างกายมนุษย์และเส้นเลือดทุกเส้น แต่นางไม่มีความมั่นใจนั้นเลยว่าจะสามารถแล่เนื้อออกจากร่างกายมนุษย์โดยยังเหลือลมหายใจเอาไว้
การแล่เนื้อคนนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย!
เพชฌฆาตเริ่มต้นด้วยแขนของเฉียนจิ้น เมื่อลงมีดหนึ่งเนื้อชิ้นบางๆ โปร่งใสก็ถูกตัดออกจากมือของเฉียนจิ้น
เฟิ่งชิงเฉินพยายามหายใจเข้าและหายใจออก
นางจะอาเจียนออกมาไม่ได้และยิ่งเป็นลมไม่ได้ด้วย
นางเป็นหมอและนางสามารถผ่าศพได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องขมวดคิ้ว เรื่องตอนนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย
อย่ากลัว อย่ากลัว เฟิ่งชิงเฉิน บนแท่นทรมานนั้นเป็นคนตาย
แต่... คนตายจะเจ็บปวดจนบิดเบี้ยวหรือไม่? คนตายจะร้องโหยหวนไม่หยุดงั้นหรือ?
และอีกอย่างก็คงไม่โหดเหี้ยมเช่นนั้นกับคนตายหรอกกระมัง?
ในใจของเฟิ่งชิงเฉินดูเหมือนจะมีมโนธรรมคอยชี้นิ้วกล่าวหานางว่า "เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าเป็นหมอ เจ้าจะเพียงแค่ดูเรื่องเห็นผู้คนเป็นผักปลาต่อหน้าโดยไม่ขัดขวางงั้นหรือ?"
"เฟิ่งชิงเฉิน พวกเขากำลังดูถูกสิทธิมนุษยชน เจ้าไม่สามารถนั่งดูเฉยๆ ได้ การทรมานเช่นนี้เป็นพฤติกรรมที่ผิดวิสัยมนุษย์มาก"
แต่ก็มีอีกเสียงหนึ่งดังขึ้นในหัวของนาง เป็นเหตุผลที่ดูแคลนอย่างยิ่ง "เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าต้องรู้ว่าเจ้าอยู่ในยุคไหน ในยุคนี้เจ้าต้องปฏิบัติตามกฎของยุคนี้ อย่าพยายามท้าทายอำนาจของราชสำนัก เจ้าลืมแล้วหรือว่าเจ้าตกต่ำถึงจุดนี้ได้อย่างไร?"
"เฟิ่งชิงเฉิน คนผู้นั้นใส่ร้ายเจ้า ถ้าเขาไม่ถูกลงโทษ เจ้าจะต้องถูกลงโทษแทนเขา เจ้ายิ่งใหญ่ถึงขนาดสามารถเสียสละตัวเองเพื่อช่วยศัตรูได้เลยหรือ?"
ไม่ นางไม่ได้ยิ่งใหญ่ถึงเพียงนั้น
เฟิ่งชิงเฉินกำหมัดแน่นและบอกตัวเองว่าอย่าได้เก็บมาใส่ใจ อย่าโทษตัวเองไปเลย ไม่ต้องทุกข์ใจ ยามที่นางกำลังต่อสู้ในจิตใจอย่างหนักนั้น ตงหลิงจิ่วก็ได้เอ่ยขึ้นอีกครั้ง...
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ
ไม่ต่อให้จบเหรอคะ นานแล้ว แวะมาบอกกล่าวกันบ้าง...
ขอบคุณน่ะค่ะที่ต้องอดหลับอดนอนอัพเดต สู้ๆๆๆๆน่ะค่ะเป็นกำลังใจให้ค่ะ ผู้อ่านก็ไม่ได้หลับได้นอนเหมือนกัน ติดงอมเลย...
ง่ายๆๆยึดอำนาจ...
มาต่อได้ไหมมมมมมมม พลีสสสสสสสสสสสสสสสสส...
Update ให้หน่อยค่ะ จอดอยู่ที่ 1430 นานแล้ว ขออีกสัก 29 ตอนนะคะ Pleaseeeeee Admin ที่น่ารัก...
ไม่อัพเดตแล้วหรอค่ะ...
สามารถซื้ออ่านผ่านช่องทางไหนได้บ้างค่ะ...
ไทม์ไลน์บอก อัพถึง บท1459 แต่ยังดูได้แค่ บท1430...
Update ให้หน่อยคร่า รออ่านอยู่ คร่า...
ไม่ Update นานแล้ว ไปเที่ยวเพลินเลย สงสารคนรอเถอะ เข้ามาทุกวัน อ่านช้ำไป 2 รอบแล้ว...