นางสนมแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 942

ไม่สนว่าทุกคนจะคิดอย่างไร เฟิ่งชิงเฉินไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ขอแค่เฟิ่งชิงเฉินปลอดภัย พวกเขาก็สบายใจ ส่วนเฟิ่งชิงเฉินออกมาจากทะเลเพลิงได้อย่างไร พวกเขาค่อยถามหลังจากนี้ก็ยังไม่สาย เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดในเวลานี้ก็คือเฟิ่งชิงเฉิน

“เสด็จอาเก้า ร่างกายของชิงเฉินได้รับบาดเจ็บ เจ้าปล่อยชิงเฉินก่อนดีกว่า” หวังจิ่นหลิงเห็นบาดแผลอันสาหัสของซูโหยว เขารู้ว่าอาการของเฟิ่งชิงเฉินนั้นดีกว่าซูโหยวมาก แต่หากไม่ได้เห็นด้วยตาของตนเอง เขาก็รู้สึกไม่สบายใจ

“ใช่ ใช่ ใช่ เสด็จอาเก้า เจ้าเลิกกอดนางได้แล้ว ร่างกายของเฟิ่งชิงเฉินมีบาดแผลไฟไหม้อยู่ เจ้าระวังอย่าทำให้นางต้องเจ็บ” ตี๋ตงหมิงเองก็ไม่เกรงใจ ก้าวเข้าไปดึงเสด็จอาเก้าออกมา

หากเป็นเวลาปกติ เสด็จอาเก้าจะต้องมองมาด้วยสายตาอันเยือกเย็น เพื่อให้ตี๋ตงหมิงกลับไปยืนนิ่ง ๆ อยู่ด้านข้าง แต่เวลานี้?

ตี๋ตงหมิงพูดถูก เมื่อสักครู่เฟิ่งชิงเฉินเพิ่งจะร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด

แน่นอน สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ......

เขาพบว่าเมื่อสักครู่เขาขาดสติมากเกินไป ไม่สมกับภาพลักษณ์ที่เขาแสดงออกมาในยามปกติ ทำให้หลายตกตะลึง แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกเสียใจ ขอแค่เฟิ่งชิงเฉินปลอดภัย แค่ขายหน้าเท่านี้มันก็ไม่ได้อะไรเลย

หลายครอบครัวมีความสุข หลายครอบครัวเศร้าโศก เสด็จอาเก้ากับหนานหลิงจิ่นสิงดีใจที่เฟิ่งชิงเฉินปลอดภัย แต่จักรพรรดิกลับรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมากที่เฟิ่งชิงเฉินรอดมาได้

บัดซบ เปลวไฟที่ยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้กลับไม่สามารถพรากชีวิตของเฟิ่งชิงเฉินไปได้ ไม่ตายก็ยังไม่เท่าไหร่ แต่เฟิ่งชิงเฉินอยู่ในทะเลเพลิงให้นานกว่านี้ไม่ได้หรือ ให้เสด็จอาเก้ากับหวังจิ่นหลิงเข้าไปในทะเลเพลิงหลังจากนั้นค่อยออกมาไม่ได้หรือไง?

เจ้าโง่ เจ้าโง่คนไหนเป็นคนวางเพลิงกัน เหตุใดถึงได้ไร้สมองเพียงนี้ ไม่รู้จักทำให้มันรุนแรงกว่านี้หรือไง? ไม่รู้จักเผาให้มันเป็นกองเดียวกันหรืออย่างไร?

ฆ่าคน!

เวลานั้นกลายเป็นจักรพรรดิที่โกรธจนอยากจะฆ่าใครสักคน!

“ฝ่าบาท!” ใต้เท้าไท่ฟู่เห็นใบหน้าที่บิดเบี้ยวของจักรพรรดิ เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งถึงกล่าวเตือนสติออกมา

จักรพรรดิในเวลานี้ หากทำได้ดีก็เท่ากับว่าจงรักภักดี และจะได้รับความไว้วางใจจากจักรพรรดิตั้งแต่นั้นมา แต่หากทำไม่ดีก็จะพบกับด้านอันดำมืดของจักรพรรดิ ให้เตรียมล้างคอรอรับความผิดเอาไว้ได้เลย

ใต้เท้าไท่ฟู่เอ่ยปากขึ้นมาตอนนี้ มันก็ถือว่าเสี่ยงอยู่พอสมควร แต่เมื่อนึกถึงอนาคตของตงหลิง ใต้เท้าไท่ฟู่จำเป็นต้องแจ้งเตือนจักรพรรดิ ต่อให้ไม่พอใจเพียงได้ก็ไม่สามารถแสดงออกมาเช่นนี้ได้

หากเสด็จอาเก้าและหวังจิ่นหลิงตายไปทุกอย่างก็จบ แต่นี่พวกเขาไม่เพียงแค่ไม่ตาย แต่พวกเขาไม่ได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย หากจักรพรรดิแสดงความรู้สึกของตนเองออกมามากเกินไป ก็มีแต่ยิ่งจะบังคับให้พวกเขาต่อต้าน

จักรพรรดิไม่ใช่คนที่แสดงอารมณ์ของตนเองออกมาตลอดเวลา เหตุผลที่เขาแสดงอารมณ์ออกมาในเวลานี้ก็เนื่องจากความคาดหวังของเขาสูงเกินไป สุดท้ายเมื่อไม่ได้อย่างที่ใจหวัง จึงทำให้ไม่สามารถยอมรับได้ เมื่อได้ยินคำเตือนของไท่ฟู่ จักรพรรดิก็ได้สติกลับคืนมา ความโกรธของเขาสงบลง กลับมาอยู่ในท่วงท่าของจักรพรรดิผู้สง่างาม และสั่งออกไปว่า “รีบไปตามหมอหลวงเร็ว”

เรื่องการให้ความช่วยเหลือก่อนหน้านี้ทำได้ไม่ดีนัก ดังนั้นจึงหันมาเป็นด้านการรักษา แน่นอนว่าจักรพรรดิไม่มีทางอ่อนแอกว่าคนรุ่นหลัง

ใต้เท้าไท่ฟู่เห็นท่าทีของจักรพรรดิ เขาก็แสดงความชื่นชมออกมาบนใบหน้า

ขอแค่ตงหลิงไม่มีสงครามภายในเหมือนกับหนานหลิงและซีหลิง ตงหลิงก็สามารถปกป้องความแข็งแกร่งของแผ่นดินจิ่วโจวอันยิ่งใหญ่เอาไว้ได้

“ชิงเอ่อร์ โจวเอ่อร์ ช่วยไปดูแทนข้าที” การแสดงทั้งหมดจบลง จักรพรรดิไม่อยากเสด็จไปด้วยตัวเองจึงส่งให้ลูกของเขาไปแทน

“น้อมรับคำบัญชา เสด็จพ่อ” ท่าทางของโจวอ๋องนั้นเฉยชา แต่ทางฝั่งของชิงอ๋องนั้นดูออกเลยว่าเขาผิดหวังและโกรธมาก

เสด็จอาเก้าไม่ได้แสดงความโกรธออกมาแต่อย่างใด เขาแค่ตอบกลับมาอย่างเยือกเย็น “ขอบพระคุณสำหรับความเป็นห่วงของเสด็จพี่ แต่ในจวนเฟิ่งมีปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีอยู่ น้องเก้าของพาเฟิ่งชิงเฉินออกไปจากพระราชวัง ให้ปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีทำการรักษา”

เสด็จอาเก้าแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเขาไม่ไว้ใจหมอหลวงในพระราชวัง เพื่อความปลอดภัยของเฟิ่งชิงเฉิน เขาจะต้องออกไปให้ไกลที่สุด

จักรพรรดิผงะไปชั่วขณะ แต่ก็ไม่ได้โกรธแต่อย่างใด ราวกับไม่รับรู้ถึงความเหยียดหยามในน้ำเสียงของเสด็จอาเก้า พยักหน้าเห็นด้วย “มีปรมาจารย์แห่งหุบเขาซวนยีอยู่ ข้าก็วางใจ น้องเก้า เจ้ารีบออกจากพระราชวังไปเถิด ไม่ต้องเป็นห่วง การช่วยเหลือชีวิตคนเป็นสิ่งสำคัญ ข้าไม่มีวันถือโทษเจ้า”

“น้องเก้ารับคำบัญชา”

จักรพรรดิแสดงตนว่าเป็นผู้ใจกว้างแก่เสด็จอาเก้าอีกครั้ง แสดงความรักที่เขามีแต่เฟิ่งชิงเฉิน แต่น่าเสียดายที่มันไม่ได้ทำให้เสด็จอาเก้าหวั่นไหวเลยแม้แต่น้อย เสด็จอาเก้าไม่สนว่าจักรพรรดิจะจริงใจหรือเสแสร้ง เขาทำทุกอย่างตามคำสั่ง และอุ้มเฟิ่งชิงเฉินขึ้นบนหลังม้าอีกครั้งต่อหน้าของจักรพรรดิ

นั่งอยู่บนหลังม้า เสด็จอาเก้าพูดกับจักรพรรดิอย่างถามตนว่า “ฝ่าบาท น้องเก้าขอตัวก่อน เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้จะต้องไม่ใช่อุบัติเหตุเป็นแน่ ฝ่าบาท ท่านโปรดตรวจสอบให้ชัดเจน ข้าไม่ยอมให้มันจบลงเช่นนี้เป็นแน่ กล้าทำร้ายเฟิ่งชิงเฉินต่อหน้าข้า เช่นนั้นก็ต้องกล้าพอที่จะแบกรับโทสะของข้า”

“เชอะ!” เสด็จอาเก้าทิ้งคำพูดนี้ไป ไม่สนใจว่าจักรพรรดิจะคิดอย่างไร ควบม้าออกไป วิ่งหนีไปต่อหน้าจักรพรรดิ ทำให้จักรพรรดิรู้สึกละอายใจ

ตีงูต้องดีให้ตาย โชคร้ายเหลือเกินที่การกระทำซึ่งไม่ระมัดระวังของคนบางคนในวันนี้ไปกระตุ้นโทสะของเสด็จอาเก้า เสด็จอาเก้าไม่ใช่คนใจดี เขาไม่มีทางปล่อยเหตุการณ์ครั้งนี้ไปเพียงเพราะคำว่า “อุบัติเหตุ”

การกระทำของเสด็จอาเก้าหยาบคายอย่างยิ่ง เขาไม่เห็นจักรพรรดิอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย แต่จักรพรรดิก็ทำได้เพียงยอมรับ ไม่สามารถเอ่ยปากตำหนิเสด็จอาเก้าออกมาได้ ทำได้เพียงระงับความโกรธเอาไว้

หวังจิ่นหลิงและตี๋ตงหมิงมองหน้ากัน หวังจิ่นหลิงบอกให้ตี๋ตงหมิงอยู่ในพระราชวังต่อไป ตรวจสอบเหตุเพลิงไหม้ให้ชัดเจน ตี๋ตงหมิงพยักหน้าตอบรับ ณ ที่แห่งนี้มีเขาคนเดียวเท่านั้นที่สามารถสืบเรื่องราวในพระราชวังให้กระจ่างได้

หลังจากส่งสายตาให้ตี๋ตงหมิง หวังจิ่นหลิงก็เอ่ยปากกล่าวลากับจักรพรรดิ แม้หวังจิ่นหลิงจะไม่ได้ใจเด็ดและดุร้ายเหมือนกับเสด็จอาเก้า แต่เขาก็แสดงทัศนคติของเขาต่อผู้คนได้อย่างชัดเจน บอกให้ทุกคนรู้ว่าเรื่องราวในครั้งนี้ ตระกูลหวังยืนอยู่ฝั่งของเสด็จอาเก้า เพื่อระบายความโกรธของเฟิ่งชิงเฉิน......

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสนมแพทย์อัจฉริยะ