อ๋องเฟยเกิดใหม่ ท่านอ๋อง ขอหย่ากัน นิยาย บท 53

ซูเมิ่งเยียนได้ต่อแถวอยู่ที่หน้าร้านเกาลัดคั่วเป็นเวลานาน เดิมแล้วคิดว่าข้างหน้าของตนเองนั้นต้องมีคนไม่เกินสามสิบคนเท่านั้น และคิดอยู่เสมอว่าจะต้องถึงคิวตนเองแน่นอน แต่ไม่คาดคิดว่า ที่นี่จะมีคิวอยู่อีกหลายรอบ

"ต้องขอโทษแม่นางทั้งสองด้วย" เถ้าแก่ผู้นั้นกล่าวขอโทษพวกนางทั้งสองด้วยรอยยิ้ม "สองชุดสุดท้าย ถูกซื้อโดยคุณชายทั้งสองท่านก่อนหน้านี้แล้ว"

ซูเมิ่งเยียนจ้องมองไปที่ทรายเหล็กสีดำทะมึนที่อยู่ในกระทะคั่ว ที่ไม่มีเกาลัดเหลืออยู่เลยแม้แต่เม็ดเดียว

หากจะให้พูดก็เป็นเรื่องแปลก ก่อนหน้านี้เพียงแค่อยู่ ๆ ก็อยากที่จะกินเกาลัดขึ้นมาเท่านั้น ก็ไม่ได้ถึงขั้นที่จะมีความรู้สึกว่า "จะต้องกินมันให้ได้" เลย แต่ขณะนี้บอกว่าถูกคนซื้อไปหมดแล้ว แต่กลิ่นหอมหวนที่เข้มข้นนั้นยังคงอยู่ในใจ และความอยากของนางที่ไม่รู้ว่าจะหยุดยั้งมันได้อย่างไร

"คุณหนูพวกเราไปกันเถอะเจ้าคะ" ชิวซวงที่อยู่ด้านหลังกล่าวขึ้นมาอย่างเงียบ ๆ ในเมื่อขายหมดไปแล้วพวกนางก็ไม่มีทางเลือกแล้ว

"อื้ม" ซูเมิ่งเยียนพยักหน้าเล็กน้อย แล้วอดที่จะส่ายศีรษะไม่ได้ ไม่ง่ายเลยที่จะได้ออกมาเช่นนี้ แต่ดูเหมือนจะถูกกำหนดไว้ว่าให้กลับไปพร้อมความล้มเหลว

"คุณหนู นั่นไม่ใช่ขนมฮว๋ายฮวาที่ท่านมักกินอยู่บ่อย ๆ หรือเจ้าคะ?" ชิวซวงดึงซูเมิ่งเยียนเอาไว้ ราวกับว่าอยากที่จะให้นางได้มีความสุข ด้วยน้ำเสียงที่กระโดดโลดเต้นอย่างที่สุด

ซูเมิ่งเยียนมองไปข้างหน้า ขนมฮว๋ายฮวานั้นถูกนึ่งจนใสแวววาว ด้านบนถูกประทับตัวอักษร “乐” ขนาดใหญ่เอาไว้ แต่ทว่า...ถึงจะน่าดึงดูดใจมาก แต่ภายในก้นบึ้งหัวใจของนางก็ยังขาดความสนใจอยู่ จึงได้แต่พยักหน้าเล็กน้อย "ช่างมันเถอะ ชิวซวง"

เดิมทีแล้วนางตรงมาที่นี่เพื่อเการัดคั่ว ฉะนั้นแล้วนางไม่สามารถที่จะกินอย่างอื่นได้

"ข้าว่าพวกเราเดินข้างหน้านี้เสร็จแล้ว ก็กลับกันเถอะ" หลังจากที่พูดจบ จึงเดินตรงไปข้างหน้าในทันที

"แม่นางทั้งสองหยุดก่อน แม่นางทั้งสอง..." ทันใดนั้น ก็มีเสียงร้องเรียกดังขึ้นมาจากหลัง

ซูเมิ่งเยียนหันกลับไปอย่างสงสัย แต่กลับเห็นเถ้าแก่คนเมื่อครู่ถือถุงกระดาษใบหนึ่งวิ่งเข้ามาหาตนเอง

"เถ้าแก่มีอะไรหรือ?" ซูเมิ่งเยียนถามกลับ

"แม่นางทั้งสอง" เถ้าแก่ยืนหอบหายใจอยู่ข้างหน้าของทั้งสองคน น้ำเสียงของเขาดูเร่งรีบ "เมื่อครู่นี้มีลูกค้าเอาเกาลัดถุงนี้คืนมาให้ แล้วยังบอกอีกว่าของนี้ให้กับคนที่ชื่นชอบมันถึงจะดีกว่า"

คาดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้?

สีหน้าของซูเมิ่งเยียนสดใสขึ้นมาทันที จากนั้นก็รีบให้ชิวซวงนำเงินออกมา แล้วไปรับเกาลัดเอาไว้ "ขอบคุณมากเถ้าแก่" หลังจากที่พูดจบ ก็ได้ถามขึ้นมาอย่างสบายใจว่า "ไม่ทราบว่าท่านนั้นยังอยู่หรือไม่ ข้าอยากจะไปขอบคุณเขาเสียหน่อย"

"ไม่ต้อง ๆ คุณชายท่านนั้นได้จ่ายเงินเอาไว้แล้ว" เมื่อเห็นว่าชิวซวงส่งเงินมาให้ เถ้าแก่ก็รีบร้อนโบกมือไปมาในทันที "นอกจากนี้ คุณชายคนเมื่อครู่นี้ยังให้ข้าเอาคำพูดประโยคหนึ่งมาบอกแม่นางท่านนี้ด้วย..." สายตาของเขามองไปที่ซูเมิ่งเยียน

"คำพูดอะไรหรือ?"

"คุณชายท่านนั้นบอกว่า..." เถ้าแก่รู้สึกลังเลเล็กน้อย แต่ถึงอย่างไรเสียก็รับเงินมาแล้ว เขาก็เพียงแค่พูดซ้ำคำเดิมอีกครั้งหนึ่งเท่านั้น "บอกว่า 'รอยยิ้มของแม่นางทำให้คนตกใจมาก ต่อไปหากออกไปข้างนอก ก็ยิ้มให้น้อยลงเสียหน่อยเถอะ' "หลังจากพูดจบ เถ้าแก่เช็ดเหงื่อที่ผุดขึ้นมาบนหน้าผากของตัวเอง

คุณชายที่ให้เขามาส่งคำพูดเหล่านี้แต่งกายดูดีเป็นอย่างมาก รูปร่างหน้าตาก็เป็นดั่งเทพเจ้า แต่ทว่าคำพูดที่ออกมานั้นช่างรุนแรงเสียเหลือเกิน

สีหน้าของซูเมิ่งเยียนลดต่ำลงในทันที แต่เมื่อใคร่ครวญดูเล็กน้อย ก็ดูเหมือนว่าจะคิดอะไรออก ทันใดนั้นนางก็หันหน้าไปมองบริเวณโดยรอบ และในที่สุดสายตาของนางก็ไปหยุดอยู่บนชั้นสองของร้านอาหารสุดหรูที่อยู่ด้านหน้านั่น

ภายในนั้น มีลูกผู้ดีมีเงินจากตระกูลที่มีฐานะกำลังดื่มกินกันอยู่ ในชั่วพริบตานั้น ก็เห็นชายที่สวมชุดคลุมแพรต่วนสีขาวที่เบาสบายคนหนึ่ง ที่ในมือถือแก้วเหล้าเอาไว้แก้วหนึ่ง และดูเหมือนว่ากำลังมองออกมานอกหน้าต่าง และสายตานั้นก็กำลังมองกวาดไปตามผู้ชน ราวกับว่ากำลังหาอะไรบางอย่างอยู่

ซูเมิ่งเยียนหรี่ดวงตาของนางลง

เมื่อร่างนั้นสังเกตได้ว่ามีใครบางคนกำลังจ้องมองตนเองอยู่ ก็หรี่ตาทั้งสองลงเล็กน้อย แล้วก็เห็นว่าเป็นนางที่จ้องมองมา

เมื่อสบตากัน เขาก็ชะงักงันไปทันที

มู่เสี่ยว

ทั้งสองคนมองหน้ากันในขณะที่มีระยะไกลกันเกือบสิบจั้ง( 1 จั้ง เท่ากับ 10 ฉื่อ ประมาณ 2.5 เมตร)

อยู่ด้วยกันมานานขนาดนี้ เขาไม่เคยที่จะมองนางอย่างจริงจังเลย และยิ่งไม่เคยมองอย่างจริงจังว่าเมื่อนางยิ้มขึ้นมาแล้วจะเป็นเช่นไร ตัวของนางนั้นเพียงแค่ดูเป็นคนละเมียดละไมเท่านั้น คิ้วและดวงตาโค้งเล็กน้อยขณะที่คลี่ยิ้ม เป็นเช่นเดียวกับดอกชาที่ถูกนำมาชงแล้ว ดูงดงามเล็กน้อย ยิ่งทำให้คนรู้สึกถึงความเงียบสงบ จนลืมไปว่าครั้งหนึ่งนางเป็นเคยเป็นคุณหนูตระกูลซูที่มีสันดานโอหังเพียงใด

นางโชคไม่ดีเป็นอย่างมาก เพราะเมื่อมาถึงรอบของนาง เกาลัดก็ถูกขายไปจนหมดเสียแล้ว

ด้วยใบหน้าที่โศกเศร้า ไม่มีรอยยิ้มอีกต่อไป มันกลับทำให้มู่เสี่ยวยิ้มออกมาได้ ไม่ได้บอกว่ายิ้มแล้วงดงามอย่างนั้นหรือ? ตอนนี้ไม่ยิ้มแล้ว เช่นนี้คงไม่มีใครสังเกตเห็นว่างดงามแล้วสินะ

แต่ใครจะไปคิดว่า...แม่ทัพหนุ่มหวางผู้นั้นจะกล่าวขึ้นมาว่า "สาวงามผู้นั้นช่างน่าสงสารเหลือเกิน ให้ข้าไปปลอบนางสักหน่อยเถอะ" และหัวใจของเขาก็เต้นแรงขึ้นมาทันที

เป็นครั้งแรกที่เรียกซวนหยวนเมื่ออยู่ข้างนอก

เพียงแค่เขาส่งสัญญาณมือเท่านั้น ซวนหยวนที่อยู่ข้างกายเขามาเนิ่นนานก็สามารถเข้าใจได้ทันที เขาไปหาคนที่ซื้อเกาลัด ให้เงินไปก้อนหนึ่งเพื่อซื้อมันไป จากนั้นก็มอบให้เถ้าแก่ แล้วไปบอกนางว่า"รอยยิ้มของนางทำให้คนตกใจมาก และอย่ายิ้มออกมาอีกเลย!"

ใครจะไปรู้ว่า...นางจะฉลาดมาเช่นนี้ เพียงไม่นานก็หานางจนพบ การแสดงออกถึงความสุขในตอนแรกเหล่านั้นก็เย็นยะเยือกขึ้นทันที และยัง...คืนเงินมาให้เขาอีก!

"คุณชายขอรับ!" เถ้าแก่จ้องมองไปที่ชายผู้มีสีหน้าไร้อารมณ์ที่อยู่เบื้องหน้า และยังคงรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าเขาไม่พูดอะไรเลยสักคำ และกลับรู้สึกเพียงแต่ว่า...มีความเย็นยะเยือกพลุ่งพล่านขึ้นมาในหัวใจของเขา

"อืม" ดวงตาทั้งคู่ของมู่เสี่ยวสุกสกาวขึ้น แล้วจ้องมองมาที่เถ้าแก่ที่อยู่เบื้องหน้า และในที่สุดเขาก็ตอบมาอย่างเรียบเฉยว่า "เงินนี้เจ้าเอาไปเถอะ"

เขาไม่คาดคิดว่า ตนเองจะไม่ยอมรับเงินที่นางให้คืนมาเป็นการตอบแทนน้ำใจ

เถ้าแก่ไม่รู้ว่าการไป ๆ มา ๆ ครั้งนี้ของตันเองจะทำเงินได้มากมายถึงเพียงนี้ จากนั้นก็กล่าวขอบคุณอย่างประหม่าเป็นอย่างยิ่ง "ขอบคุณ" เมื่อพูดจบ เขาก็โค้งคำนับด้วยความเคารพ แล้วหมุนตัวเดินจากไป

"นางเสียดาย อนิจจาอะไรเช่นนี้..." แม่ทัพหนุ่มหวางส่ายศีรษะพลางถอนหายใจ "เหตุใดถึงมีเกาลัดอีกชุดหนึ่งโผล่ออกมาได้!"

แก้วเหล้าในมือของมู่เสี่ยวชะงักไป เขาเม้มปากแน่น แล้วไม่กล่าวอะไรออกมาเลย

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อ๋องเฟยเกิดใหม่ ท่านอ๋อง ขอหย่ากัน