หยุนหลิงยักไหล่ ไม่ได้ใส่ใจความเย็นชากะทันหันของเซียวปี้เฉิง
สายตาของฉู่หยุนเจ๋อหมุนไปมาระหว่างพวกเขา อยากพูดแต่ไม่ได้พูด รอจนคนเข้าไปถึงห้องโถงใหญ่แล้ว เขากับฉู่หยุนหานถึงเข้าไปเชิญซื่อจื่อเฒ่าผัวเมีย
เห็นคนไม่มาเสียที ตงชิงถอนหายใจอย่างหน้าดำเคร่งเครียด
“ทั้งๆที่เมื่อวานทักทายกันก่อนแล้ว นายท่านกับฮูหยินกลับไม่ได้รออยู่ในห้องโถง คาดว่าคงยังวุ่นวายอยู่กับเรื่องของเมียน้อยกระมัง”
หยุนหลิงนั่งกินเมล็ดทานตะวันอย่างใจเย็น “ช่างเขาวุ่นวายยังไง วันนี้ข้าอยู่ เรื่องนี้ก็อย่าคิดที่จะสำเร็จ”
ก่อนหน้านี้เซียวปี้เฉิงไม่รู้เรื่องนี้ ได้ยินแล้วก็ขมวดคิ้วแน่นขึ้น
“ตงชิง น้ำชานี่เย็นไปบ้างแล้ว เจ้าไปเปลี่ยนกาน้ำร้อนมา”
เมื่อให้ตงชิงออกไปแล้ว ในห้องโถงก็เหลือเพียงเขาและหยุนหลิง
“ซื่อจื่อเฒ่าจะยกเหลียนฮูหยินขึ้นเป็นผิงชีเทียบภรรยาเอก? ก่อนกลับมาเจ้าไม่ได้บอกเรื่องนี้กับข้า!”
ซื่อจื่อเฒ่าก็คือพ่อของหยุนหลิง เพราะว่าตำแหน่งกั๋วกงยังคงอยู่ในมือกั๋วกงเก่า พ่อของนางไม่มีตำแหน่งบรรดาศักดิ์ ผู้คนจึงเรียกเขาว่าซื่อจื่อเฒ่า
น้ำเสียงของเซียวปี้เฉิงเคร่งขรึมและเย็นชา หนักแน่นอย่างยิ่ง
“หากเจ้าอยากให้ข้ากลับบ้านเป็นเพื่อนเจ้า ก็เพื่อช่วยเจ้าขัดขวางเรื่องนี้ เช่นนั้นข้าก็จำเป็นต้องบอกเจ้าก่อน ข้าไม่ยุ่งเกี่ยวแน่นอน!”
ฉู่หยุนหานเป็นเพื่อนรักที่โตมาพร้อมกัน เขารู้ว่าตำแหน่งลูกสาวคนโตของภรรยาเอกสำหรับฉู่หยุนหานสำคัญแค่ไหน
พูดได้ว่า หากตอนแรกไม่ใช่เพราะว่าการแยกทายาทหลัก ฉู่หยุนหานก็เป็นพระชายาจิ้งของเขาไปตั้งนานแล้ว
หยุนหลิงมองดูเขาอย่างยิ้มแย้ม “ไม่ได้บอกให้ท่านช่วยข้าขัดขวางเรื่องนี้เสียหน่อย ข้าจัดการคนเดียวก็พอแล้ว”
“เช่นนั้นเจ้ามีจุดประสงค์อะไร?”
“ให้แม่ของข้าวางใจยังไงล่ะ ท่านกับข้าอยู่ร่วมกันอย่างดี แม่ของข้าเห็นแล้วก็ไม่ต้องเป็นห่วง”
นี่เป็นเพียงเหตุผลหนึ่งเท่านั้น
“แต่ว่าเมื่อครู่ท่านบอกว่าไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ อย่าเสียคำพูดล่ะ”
เดิมทีหยุนหลิงก็ไม่ได้คาดหวังเซียวปี้เฉิงจะช่วยตัวเอง เรียกเขามาก็เพื่อขัดใจฉู่หยุนหาน
ขอแค่ฉู่หยุนหานเห็นเขาไม่พูดจาช่วยเหลือ ก็พอที่จะทำให้นางอึดอัดใจมากพอแล้ว
เซียวปี้เฉิงสีหน้าเคร่งขรึม “ข้าบอกว่าไม่ยุ่งเกี่ยว ก็ไม่มันวันยุ่งเกี่ยวแน่นอน”
ฉู่หยุนหานเป็นเพื่อนรักที่โตด้วยกันมา เขาไม่มีวันอยู่จุดยืนตรงข้ามไปทิ่มแทงใจฝ่ายตรงข้าม
แต่หยุนหลิงเคยช่วยเยียนอ๋อง ก็มีบุญคุณต่อเขา
วิธีที่ดีที่สุดก็คือไม่ช่วยทั้งสองฝั่ง มิหนำซ้ำเขาเองก็ไม่เหมาะที่จะยุ่งเกี่ยวเรื่องนี้อยู่แล้ว
รอไปสักครู่ พ่อแม่คู่นั้นของหยุนหลิงไม่ได้ปรากฏตัว แต่กลับมีฮูหยินโฉมงามคนหนึ่งที่บุคลิกอ่อนโยนสง่ามาแล้ว
ฝ่ายตรงข้างสวมชุดกระโปรงสีขาว หน้าตาคล้ายคลึงกับฉู่หยุนหาน หยุนหลิงแค่เห็นก็รู้ว่านางเป็นเมียน้อยของพ่อนาง เหลียนฮูหยิน
เหลียนฮูหยินไม่ถือว่าสวยงามมากนัก แต่ผิวของนางขาวกว่าหญิงสาวทั่วไปเยอะมาก ใบหน้าก็คมชัด
บุคลิกของนางให้คนมีความรู้สึกมีสติปัญญาสงบนิ่ง สง่ามีเสน่ห์
ใช้คำพูดยุคปัจจุบันพูด นั่นก็คืองามอย่างมีสติปัญญา
ผ่านความทรงจำในสมอง หยุนหลิงมีภาพลักษณ์โดยประมาณสำหรับเหลียนฮูหยินแล้ว
พิจารณาในใจแล้ว ก็รู้ว่าควรจะรับมือกับคนแบบนี้อย่างไร
“ปี้เฉิง หลิงเอ๋อร์ เมื่อครู่มีเรื่องทำให้ล่าช้าไม่ได้มาต้อนรับ อย่าได้เอาไปใส่ใจ สักครู่ซื่อจื่อกับฮูหยินก็ถึง”
เซียวปี้เฉิงพยักหน้า สีหน้าอ่อนโยน “ไม่เป็นไร น้าเหลียนช่วงนี้สบายดีหรือไม่?”
เพราะเหตุของฉู่หยุนหาน ความสัมพันธ์ของเซียวปี้เฉิงและเหลียนฮูหยินใช้ได้ อย่างน้อยก็ดีกว่าแม่ของหยุนหลิงเยอะมาก
เห็นฉู่หยุนหลิงไม่ไว้หน้าเลยแม้แต่น้อย เหลียนฮูหยินก้มหน้า สายตามีความเย็นชาเล็กน้อย
ไม่รอนางพูด น้ำเสียงผู้ชายคนหนึ่งก็ดังขึ้นมาอย่างโมโห
“ลูกไม่รักดี! เจ้าใช้พฤติกรรมเช่นนี้พูดจากับผู้ใหญ่หรือ มารยาทเรียนไปในท้องหมาแล้วหรือ!”
พ่อซื่อจื่อเฒ่าเดินเข้าห้องโถงอย่างรวดเร็ว ด้านหลังคือเฉินซื่อแม่ของหยุนหลิง แล้วก็ฉู่หยุนเจ๋อและฉู่หยุนหานสองพี่น้อง
ฉู่หยุนหานโก่งริมฝีปาก หยุนหลิงแม่ลูกล้วนไม่ฉลาด ไม่เคยได้เปรียบในมือของแม่นางเลย
ขอแค่หยุนหลิงงทำให้พ่อโมโห แม่กลายเป็นผิงชีก็เป็นเรื่องแน่นอนอยู่แล้ว
ซื่อจื่อเฒ่าด่าว่าหยุนหลิงไปยกหนึ่ง กำลังจะทักทายต่อเซียวปี้เฉิงสักคำ ก็เห็นหยุนหลิงโยนแก้วใบหนึ่งไปที่ข้างเท้าของเขา
แก้วแตกกระจาย น้ำชากระเด็นใส่รองเท้าผ้าไหม ซื่อจื่อเฒ่าตกใจ
“ทัศนคติอะไร? นางแค่เมียน้อยต่ำต้อยคนหนึ่ง ยังต้องให้ลูกภรรยาเอกอย่างข้าเคารพนับถือหรืออย่างไร บอกว่ามารยาทของข้าเรียนไปท้องหมา ข้าว่าท่านต่างหากที่ลืมไปแล้วว่ามารยาท จริยธรรม จรรยา เขียนอย่างไร”
หยุนหลิงลุกขึ้น เก็บรอยยิ้มบนใบหน้า ค่อยๆเดินไปทางซื่อจื่อเฒ่า สายตาเฉยเมย
ซื่อจื่อเฒ่าดึงสติกลับมา รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย
หากลูกสาวคนโตโวยวายเหมือนอย่างเมื่อก่อน เขาจะไม่รู้สึกกลัว แต่กลับโยนแก้วน้ำชาไปที่ข้างเท้าของเขาอย่างเรียบเฉย น้ำเสียงสงบสติ กลับทำให้เขารู้สึกเสียวสันหลัง
“ผู้ชายจวนเหวินกั๋วกงอายุสี่สิบไร้ลูกสามารถแต่งอนุภรรยาได้ กฎของบรรพบุรุษข้อนี้ตั้งขึ้นมาเกือบร้อยปี ในร้อยปีนี้มา พ่อเป็นเพียงคนเดียวที่ทำลายกฎ”
“แม่ข้ามีเมตตา หลายปีก่อนให้ท่านรับเมียน้อยเข้าบ้าน ท่านกลับหลงอย่างไร้ขอบเขต ทำให้แม่ข้าเป็นตัวตลกไปทั้งเมืองหลวง ท่านไม่เพียงไม่รู้สึกละอายใจ ตอนนี้ยังไม่สนยาความโกรธของท่านย่า ยืนยันจะยกเมียน้อยขึ้นเป็นผิงชีเทียบเท่าภรรยา ข้าว่าท่านมันก็เป็นตาเฒ่าที่อกตัญญูไร้คุณธรรมที่หัวใจถูกไขมันหมูอุดตันไปแล้ว!”
ซื่อจื่อเฒ่าสูดลมหายใจเข้า ไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งจะถูกลูกสาวชี้หน้าด่า ดวงตาเบิกกว้างทั้งกลมทั้งใหญ่
เหลียนฮูหยินและฉู่หยุนหานสบตากันอย่างรวดเร็ว ในสายตาล้วนเป็นความตกตะลึง
หยุนหลิงนี่บ้าไปแล้วหรือไง?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายาหมื่นพิษ