การร่วมกินอาหารของจวนเหวินกั๋วกงจะยึดถือหลักที่ชายหญิงห้ามร่วมโต๊ะเสมอ ดังนั้นผู้ชายและผู้หญิงจึงแยกโต๊ะอาหาร
พอหยุนหลิงเข้าห้อง ก็พบว่ามีอาหารจัดวางอยู่เต็มโต๊ะ แต่กลับมีนางและเฉินซื่อนั่งอยู่แค่สองคน
นางเลิกคิ้ว ถาม “ท่านแม่ ทำไมไม่เห็นสองแม่ลูกดอกบัวขาว(*หมายถึงผู้หญิงที่ภายนอกดูดี แต่ที่จริงคิดไม่ซื่อ)ล่ะ”
ทีแรกยังคิดว่าต้องเตรียมทำสงครามอีกยก
เฉินซื่ออึ้งครู่หนึ่ง แล้วจึงนึกขึ้นได้ว่า ‘ดอกบัวขาว’ ที่นางพูดถึงหมายถึงใคร จากนั้นก็อดไม่ไหวเอามือปิดปากหัวเราะพูดขึ้น
“ไป๋เหลียน(*ดอกบัวขาว)คือท่านน้าของเจ้า ต่อให้ไม่ชอบนางอย่างไร ก็ไม่ควรตั้งสมญานามให้นางไปเรื่อย ถ้าพ่อเจ้าได้ยินเข้า ต้องสั่งสอนเจ้าอีกแน่”
น้ำชาในปากหยุนหลิงแทบพุ่ง “ชื่อจริงของเหลียนฮูหยินคือไป๋เหลียนจริงหรือ”
นางแค่พูดส่งเดชไปอย่างนั้นเอง!
เฉินซื่อส่ายหน้าด้วยความจนใจ “หลิงเอ๋อร์ จะเรียกชื่อของท่านน้าเจ้าไม่ได้นะ”
หยุนหลิงแลบลิ้น “รู้แล้วน่าๆ”
เฉินซื่อหลุดหัวเราะมองนาง คีบเนื้อให้นางชิ้นหนึ่ง แล้วจึงอธิบาย “ช่วงก่อนฉู่หยุนหานเสียกิริยาบนเรือ ถึงพ่อเจ้าจะลำเอียง แต่เนื้อแท้ยังให้ความสำคัญกับกฎระเบียบบ้าน ก็เลยกักบริเวณนางจนกว่าจะแต่งงาน”
“ส่วนท่านน้าของเจ้า...”
ราวกับเฉินซื่อนึกเรื่องดีใจอะไรขึ้นมาได้ รอยยิ้มลึกมากขึ้นประมาณหนึ่ง
“ตอนนี้พี่ชายของเจ้าทำงานอยู่ที่กรมราชทัณฑ์ รับตำแหน่งเป็นลิ่งสื่อ(*ข้าราชการระดับล่าง ทำงานเกี่ยวกับเอกสาร) เจาะลึกศึกษากฎหมายของต้าโจวทุกวัน ช่วงก่อนจึงบอกพ่อเจ้า ว่าตามกฎของต้าโจว อนุและลูกของอนุจะร่วมโต๊ะอาหารกับนายหญิงไม่ได้”
แม้ภายหลังซื่อจื่อเฒ่าจะทำหน้าขมึงตึงกับเฉินซื่อ แต่เพราะไม่มีหลักฐาน ดังนั้นจึงมีปากเสียงไม่ได้อีก
“ข้ารู้ว่าเจ้าต้องบริสุทธิ์แน่ ไม่อย่างนั้นจิ้งอ๋องจะเข้าข้างเจ้าได้อย่างไร แต่พ่อเจ้ากลับคิดไม่ตก หมดทางเยียวยาแล้วจริงๆ”
หลังจากเฉินซื่อพูดออกมาเป็นพรวนแล้ว สีหน้าก็หม่นหมอง
หยุนหลิงวางตะเกียบทำแก้มป่อง ยิ้มอวดฟันขาว
“ท่านแม่ หนนี้ท่านเข้าใจตาแก่เลอะเลือนผิดแล้วจริงๆ ฉู่หยุนหานนั่นถูกข้าถีบลงไปจริงๆ นั่นแหละ”
ครั้นเฉินซื่อได้ยินก็พุ่งน้ำชาพรวด ความเป็นกุลสตรีอ่อนโยนที่ผ่านมาหลายปี ไปแล้ว ไปลับ ไม่กลับมา
“แค่กๆๆ...”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายาหมื่นพิษ