ในเรือนด้านข้างของจวนเหวินกั๋วกง เหลียนฮูหยินหลับตาหน้าเคร่งขรึม นวดขมับเบาๆไม่หยุด
“นางเพศยานั่น ปกติมองนางผิดไปแล้ว ไม่รู้ว่านิสัยเปลี่ยนกะทันหัน หรือว่าเมื่อก่อนปกปิดอยู่”
ฉู่หยุนหานก็สีหน้าไม่ดี “แม่ ท่านพ่อเหมือนโยนความคิดทิ้งแล้ว นี่ควรทำอย่างไรดี ถึงแม้ว่าท่านตวนอ๋องจะชอบข้า แต่ก็ไม่กล้าฝ่าฝืนคำสั่งของฮองเฮา ฮองเฮาไม่ถูกใจฐานะของข้า แน่นอนว่าไม่เห็นยินยอมให้เขาแต่งข้าแน่นอน”
พอคิดถึงเรื่องในวันนี้ ฉู่หยุนหานก็เกลียดจนแยกเคี้ยว
เหลือเพียงแค่ก้าวเดียว ท่านแม่ก็จะกลายเป็นผิงชีในจวนเหวินกั๋วกงแล้ว ส่วนนางก็ไม่ใช่ลูกอนุภรรยาอีกแล้ว
นางทุ่มใจวางแผนคิดร้ายฉู่หยุนหลิง ก็เพื่อยิงนัดเดียวได้นกสองตัว จัดการตัวปัญหาอย่างเซียวปี้เฉิง และใช้โอกาสนี้ได้ฐานะลูกสาวภรรยาเอก
มีเพียงเช่นนี้ นางถึงสามารถมีสิทธิ์แต่งงานกับตวนอ๋องได้
ความชั่วร้ายกะพริบผ่านสายตาของเหลียนฮูหยิน “สังเกตสถานการณ์ก่อน แล้วค่อยๆวางแผน ไม่ว่าอย่างไรเจ้าต้องแต่งงานกับตวนอ๋อง ถึงแม้จะเป็นแค่พระชายารอง!”
พระชายารอง!
ฉู่หยุนหานจับผ้าเช็ดหน้าแน่น ในใจมีความไม่ยอม นางไม่เคยอยากเป็นพระชายารอง จะเป็นก็ต้องเป็นเอก ภายหลังตวนอ๋องขึ้นฐานะเป็นองค์รัชทายาท นางก็คือพระชายาองค์รัชทายาท
ตอนแรกทุกอย่างมีความหวังแล้ว คือฉู่หยุนหลิงที่ทำลายทุกอย่าง ส่วนพี่ปี้เฉิงที่เคยพูดเต็มปากเต็มคำว่ารักนาง ก็ไม่ได้ออกหน้ามาช่วยนาง
นางสูดหายใจเข้าลึกๆ ไม่ว่ายังไงก็ห้ามความเกลียดชังโมโหในใจไม่ได้
พี่ปี้เฉิง ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็อย่าโทษข้าไม่เห็นแก่ความสัมพันธ์เก่า.......
“แม่ ข้ายังมีอีกวิธีหนึ่ง”
ฉู่หยุนหานเล่าเรื่องคืนวันแต่งงานของเซียวปี้เฉิง เรื่องฉู่หยุนหลิงทุบเยียนอ๋องจนสลบออกมา
“พรุ่งนี้ข้าเชิญองค์หญิงหกมาเป็นแขกในจวน ฉวยโอกาสให้สาวใช้กี่คนเล่าเรื่องนี้ให้นางรู้ แต่ไหนแต่ไรมาองค์หญิงหกกับหยุนหลิงไม่ถูกกัน เมื่อรู้แล้วต้องเอาไปฟ้องหวงกุ้ยเฟยแน่นอน หยุนหลิงต้องถูกลงโทษแน่นอน”
เหลียนฮูหยินตะลึงเล็กน้อย “ในเมื่อมีเรื่องนี้ ทำไม่ไม่บอกข้า?”
“ข้า.......”
มองดูสีหน้าของลูกสาว ก็รู้ว่าก่อนหน้านี้เพื่อห่วงว่าเกี่ยวข้องกับจิ้งอ๋องถึงไม่ได้พูดออกมา
“ช่างเถิด พูดออกมาตอนนี้ก็ไม่สาย เพียงแค่หลังจากวันนี้ เจ้าควรเข้าใจ ผู้ชายล้วนพึ่งไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นพ่อเจ้าหรือจิ้งอ๋อง”
ฉู่หยุนหานสีหน้าหดหู่ จากนั้นก็พยักหน้าอย่างหนักแน่น “ต่อจากนี้ลูกทำอะไรจะไม่ลังเลอีกแล้ว”
เหลียนฮูหยินพนักหน้าอย่างปลื้มใจ มุมปากยิ้มขึ้นมาอย่างเย็นชา “เช่นนั้นก็ให้มอบให้เจ้าแล้ว สั่งสอนนางแพศยาน้อยนั่น ข้าจะรอดูด ต่อหน้าหวงกุ้ยเฟยนางยังจะกล้ายโสอีกไหม!”
........
ออกมาจากจวนเหวินกั๋วกงแล้ว ฉู่หยุนหลิงก็รู้สึกว่าสภาพของเซียวปี้เฉิงแปลกประหลาดมาก
คนยังคงเป็นคนนั้น แต่กลับเหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน
“ท่านถูกสะเทือนอารมณ์ในจวนหรือ? ทำไมถึงสีหน้าเช่นนี้”
เซียวปี้เฉิงขมวดคิ้ว “สีหน้าอะไร?”
“อืม......ก็เหมือนพระสงฆ์ในวัด ความรู้สึกเหมือนตรัสรู้อะไรบางอย่าง ปลงอนิจจัง ใบหน้าทั้งใบเหมือนมีแสงแห่งธรรมะส่องอยู่ เหมือนดั่งวินาทีต่อไปก็จะตรัสรู้เป็นพระแล้ว”
เซียวปี้เฉิงขยับมุมปาก “นี่เจ้าบรรยายเลอะเทอะอะไรกัน ข้าก็แค่คิดเรื่องอะไรกระจ่างกะทันหันเท่านั้น รู้สึกในใจโปรดโปร่งเท่านั้น”
“พูดไปแล้ว ผู้หญิงอย่างเจ้าก็ช่างหยาบคายเหลือเกิน ทำให้ข้าได้เปิดหูเปิดตาอีกแล้ว”
เซียวปี้เฉิงคิดถึงนางในจวนเหวินกั๋วกง สภาพที่ด่าทีละคนตั้งแต่พ่อด่าถึงพี่ชายแล้วด่าถึงท่านน้าเหลียนก็รู้สึกตลกอย่างบอกไม่ถูก
“อย่างข้าเรียกว่าหยาบคาย? หากท่านได้เห็นคนอื่นๆในสำนักข้า ก็จะรู้ซึ้งว่าข้าอ่อนโยนสง่าขนาดไหน”
“ก็ใช่ ชาตินี้ข้ายังไม่เคยเห็นคนที่สง่าเป็นกันเองอย่างเจ้ามาก่อน”
“นิสัยเสด็จแม่เย่อหยิ่ง อารมณ์ร้อน อยู่ต่อหน้านางเจ้าต้องสำรวมตัวเองหน่อย อย่ายั่วโมโหนางเด็ดขาด”
“รู้แล้ว ข้าไม่ใช่คนโง่เสียหน่อย”
แต่ไหนแต่ไรมาฉู่หยุนหลิงเป็นคนชนิดที่ให้สีนิดหน่อยก็เปิดโรงย้อมผ้าได้ แต่ไม่ได้หมายถึงนางเป็นคนโง่ที่ไม่รู้จักแยกแยะสถานการณ์
ต่อหน้าคนแบบไหนสามารถอันธพาลได้ ต่อหน้าคนแบบนั้นต้องแกล้งขี้ขลาด ในใจนางล้วนรู้จักแยกแยะ
เข้าวังครั้งนี้ ก็สวมผ้าคลุมหน้าอย่างรู้ตัว
เซียวปี้เฉิงสังเกตเห็นความสงบเรียบร้อยของนางอย่างเห็นได้ยาก ความรู้สึกเคร่งเครียดไม่ได้เบาลงแม้แต่น้อย
ตั้งแต่ขาของเยียนอ๋องพิการแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างเขาและหวงกุ้ยเฟยก็เย็นชาลงอย่างรวดเร็ว
หวงกุ้ยเฟยโทษเขา เกลียดเขา ในเวลาปกติแล้วไม่ยอมพบเขาอย่างเด็ดขาด ครั้งนี้เรียกเขาและฉู่หยุนหลิงเข้าวังเอง เกรงว่าไม่ใช่เรื่องดีอะไร
ลางสังหรณ์ของเซียวปี้เฉิงไม่ผิด ฉู่หยุนหลิงพยุงตัวเขาเข้าไปในตำหนักพีเซียงเสียงฝีเท้าอันมีอำนาจบาตรใหญ่เข้าใกล้อย่างกะทันหัน
ฉู่หยุนหลิงยังไม่ทันทำความเคารพ ก็เห็นสายตาดุดันของหญิงงามในชุดหรูตรงหน้า ยกมือที่เล็บทาสีอันเรียวยาวขึ้นมาตบมาทางหน้าของนาง
เซียวปี้เฉิงได้ยินเสียงฝ่ามือ ก็รู้ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นตามมา แต่หวงกุ้ยเฟยไม่ใช่คนอื่น เขาไม่สามารถออกมือห้ามปรามนาง มิเช่นนั้นยั่วโมโหหวงกุ้ยเฟยแล้ว ยิ่งไม่อาจยุติสถานการณ์ได้
ดังนั้น เซียวปี้เฉิงดึงตัวฉู่หยุนหลิงไปด้านหลัง ขวางอยู่ด้านหน้าของนาง
เสียงฝ่ามือกระทบดังกึกก้อง มือของหวงกุ้ยเฟยเลื่อนผ่านตรงหน้าของเซียวปี้เฉิง เพราะว่าความต่างของส่วนสูง ฝ่ามือกระทบลงที่คางของเขา เล็บอันเฉียบคมทำให้มีรอยเลือดที่มุมปาก
ฉู่หยุนหลิงตะลึงแล้ว
แต่ไหนแต่ไรมานางไม่เคยยอมเสียเปรียบ ถึงแม้จะเป็นหวงกุ้ยเฟยก็ไม่สามารถทำร้ายคนอย่างไม่แยกแยะถูกผิด
นางเตรียมใจต่อผลลัพธ์ทของการต่อต้านตั้งนานแล้ว แต่ไม่ได้คาดคิด ผู้ชายคนนี้จะขวางอยู่ตรงหน้านางอีกครั้ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายาหมื่นพิษ