องค์ชายาหมื่นพิษ นิยาย บท 2

บ่าวรับใช้สะบัดตัว “งั้นถ้าพระชายาเป็นอะไรไป พวกเรา...”

การเฆี่ยนยี่สิบครั้งเมื่อครู่ ผู้ที่ลงมือไม่ไว้ไมตรีจริงๆ ชุดวิวาห์บนตัวพระชายาขาดวิ่นแล้ว

ชิวซวงขมวดคิ้ว โบกผ้าเช็ดหน้าอย่างหงุดหงิด “ในเมื่อไม่มีคำสั่งจากท่านอ๋อง พวกเจ้าก็ไม่ต้องกังวลไปหรอก”

“อีกอย่าง ถ้าท่านเยียนอ๋องเป็นอะไรไป หวงกุ้ยเฟยจะปล่อยนางหรือ”

ชิวซวงเอ่ยด้วยความเกลียด ผลักประตูดูทีหนึ่ง เมื่อเห็นหยุนหลิงนอนไม่ได้สติอยู่บนพื้นก็ปิดประตูแรงๆ อีกครั้ง

“ตอนงานเลี้ยงเทศกาลโคมไฟก็นำหายนะมาสู่ท่านอ๋อง ตอนนี้ยังทำร้ายท่านเยียนอ๋องอีก เป็นตัวซวยจริงๆ ซวย!”

บาดแผลที่ถูกเฆี่ยนเจ็บแสบ แต่ถ้าเทียบกับความทรมานที่ปวดศีรษะแล้วกลับไม่ควรค่าแก่การเอ่ยถึง

หยุนหลิงหลับตา อดทนต่อความทรมานถึงที่สุด ไม่ทราบว่าผ่านไปนานเท่าใด ความเจ็บปวดที่ทรมานคนก็สลายไปในที่สุด เนื้อตัวชุ่มเหงื่อ

นางร้องเรียกด้วยเสียงแหบพร่า “มีใครอยู่ไหม”

ปราศจากเสียงตอบรับ มีเพียงสายฝนตกกระทบชายคาเปาะแปะ

คล้ายจะล่วงเลยยามจื่อไปแล้ว องครักษ์เฝ้ายามเหล่านั้นไปพักผ่อนกันหมดแล้ว

การก่อเกิดพลังวิญญาณอีกครั้งและการใช้จะผลาญพลังกายอย่างมาก ร่างกายนี้เหมือนไม่ค่อยได้กินอาหารเป็นทุนเดิม ตอนนี้หยุนหลิงจึงหิวจนแทบอยากกลืนกินจวนจิ้งอ๋องทั้งหลังได้

เทียนสีแดงในห้องวูบไหว พอหยุนหลิงเห็นขนมหนึ่งจานอยู่บนโต๊ะก็รีบตะเกียกตะกายโครงเครงขึ้นมาคว้าขนมกินอย่างมูมมาม

ช่วงว่างจากการกิน ดวงตาเหล่เห็นภาพที่อยู่กระจกทองเหลือง หยุนหลิงสะดุ้ง เสียงกรีดร้องถูกขนมอุดอยู่ตรงคอ หวิดจะติดคอตาย

นี่จะน่าตกใจเกินไปแล้ว!

ตอนยอมรับความทรงจำเมื่อครู่ หยุนหลิงก็รู้แล้วว่าตนคือบุตรีในภรรยาเอกของจวนเหวินกั๋วกง มีปานแต่กำเนิด คือหญิงอัปลักษณ์ที่รู้กันทั่วทั้งระยะใกล้และไกล

แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจะอัปลักษณ์ถึงเพียงนี้

ที่จริงก็ไม่เชิงว่าอัปลักษณ์มาก แต่ที่สำคัญคือน่าตกใจ

ผู้หญิงในกระจกทองเหลืองเปื้อนเลือดทั้งตัว เส้นผมสีดำยุ่งเหยิง ผิวพรรณขาวเนียนละเอียด แต่กลับขับเน้นปานสีแดงบนใบหน้าให้สะดุดตาเป็นพิเศษ

ท่าทางกินมูมมามของนางในเวลานี้ก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันที่ไหน เหมือนดั่งผีร้ายชุดแดงที่กำลังกลืนกินมนุษย์

ให้ตายเถอะ มันน่าสยดสยองจนขนลุกขนพองไปหมดแล้ว

พอสงบสติอารมณ์แล้ว สีหน้าหยุนหลิงที่พลังวิญญาณก็เคลื่อนผ่านร่างกายรอบหนึ่งก็ชะงักเล็กน้อย แววตาราวกับมีความคิด

พลังวิญญาณสามารถรับรู้ได้ถึงสภาพร่างกายทุกสัดส่วน

ปานแต่กำเนิดไม่ทำอันตรายกับร่างกาย ขณะที่พลังวิญญาณแล่นผ่านไหลลื่นมาก แต่เมื่อครู่นางกลับรู้สึกถึงความผิดปกติเล็กน้อยบนใบหน้าชัดเจน

ปื้นสีแดงเข้มนี้...ไม่เหมือนปาน แต่กลับเหมือนด่างพิษ

หยุนหลิงถอนหายใจทีหนึ่ง ไม่รู้ว่าตัวเองโชคดีหรือว่าโชคร้ายกันแน่

เพิ่งจะหนีรอดออกมาจากองค์กรลึกลับที่โหดร้ายไร้ความเป็นคน พริบตาเดียวก็กลายเป็นพระชายาแห่งจวนจิ้งอ๋องของราชวงศ์ต้าโจว มีความลับอยู่ในตัวและเรื่องยุ่งเหยิงมากมาย

ตอนนี้เรื่องจะใช่ด่างพิษหรือไม่ไม่สำคัญ ที่ถูกเฆี่ยนก็ไม่สำคัญ

แต่นางจำเป็นต้องหาของกินเติมเต็มท้องให้อิ่มก่อน ไม่อย่างนั้นยังไม่ทันได้ขจัดพิษรักษาบาดแผลก็ต้องหิวตายแล้ว

ในลานบ้านไม่มีองครักษ์เฝ้ายาม จวนอ๋องเงียบสงัดไร้สุ้มสียง

หยุนหลิงไม่รู้จักเส้นทางเคี้ยวคดลดเลี้ยวเหล่านี้ และไม่รู้ว่าห้องครัวอยู่ที่ไหน

นางใช้พลังวิญญาณทำประสาทการดมกลิ่นให้ดีขึ้น จะได้สะดวกต่อการติดตามกลิ่นหอมของอาหาร

ขณะเดินผ่านลานบ้านที่ไม่คุ้นเคย หยุนหลิงเห็นว่ามีห้องหนึ่งยังสว่างอยู่ และเหมือนจะมีกลิ่นหอมของอาหารโชยออกมาด้วย

ดวงตาพลันเป็นประกาย เดินฝ่าสายฝนเข้าไป ผลักประตูเบาๆ

เยียนอ๋องกำลังนั่งหลับตาอยู่บนเก้าอี้ สีหน้าคล้ายอดทนต่อความเจ็บปวด แช่ขาทั้งสองตั้งแต่หัวเข่าลงไปอยู่ในถัง

หยุนหลิงทำประสาทการดมกลิ่นให้ดีขึ้นแล้ว พริบตาเดียวก็ได้กลิ่นของหลายอย่างที่แช่อยู่ในถัง

มีขิง ฮวาเจียว(*เม็กพริกไทยเสฉวนที่ให้รสชา) หอมจีน ใบอ้าย ชังเอ่อร์จื่อ เชียงหัว...

ดมครั้งแรกยังนึกว่ากำลังต้มขาหมูอยู่ แต่ความจริงเป็นตัวยาไล่ความเย็น

หยุนหลิงรีบปรับการรับกลิ่น ถ้าคนคนนี้เท้าเหม็นมิต้องส่งผลกับการกินของนางหรือ

พอเยียนอ๋องได้ยินเสียง “แอ๊ด” ที่เปิดออกก็ลืมตาขึ้นตามสัญชาตญาณ เห็นผีร้ายชุดแดงสยายผมดวงตามีแสงสีเขียวบุกรุกเข้าห้อง

เขาจำได้ว่านั่นคือฉู่หยุนหลิง ชุดวิวาห์บนตัวอีกฝ่ายขาดวิ่น เผยให้เห็นแสงแขนและหัวไล่เนื้อแตกออกมา เลือดสีแดงผสมกับน้ำฝนหยดลงบนพื้นไม่หยุด

เยียนอ๋องนึกขึ้นได้ว่าหลังจากฟื้นก็ได้ยินว่าฉู่หยุนหลิงถูกเฆี่ยน หรือว่าจะถูกเฆี่ยนจนตายแล้ว

เขาเบิกตาโพลง สีหน้ากลายเป็นซีดขาวอย่างไร้ที่เปรียบ

นั่นคือทรมาน

นางรู้จากความทรงจำของเจ้าของร่างว่าเยียนอ๋องมีโรคเรื้อรังที่ขา กลัวความหนาวเย็นที่สุด

ราตรีนี้มีสายฝนโปรยปราย ดังนั้นเขาเจ็บจนไม่สามารถเข้าสู่ห้วงฝัน

ครั้นคิดว่าเด็กคนนี้เพิ่งอายุยี่สิบก็ต้องนั่งรถเข็นแล้ว สายตาของหยุนหลิงก็ฉายแววเวทนาและเห็นใจบางส่วน

เยียนอ๋องสังเกตเห็นแววตาของนาง สีหน้าพลันแข็งกระด้าง สองมือกำหมัด

ในอดีตเขาเป็นคนหนุ่มคึกคะนองทะนงตน ตอนนี้จึงเกลียดคนรอบข้างใช้สายตาแบบนี้มองเขาที่สุด

ทว่าหยุนหลิงกลับไม่มีเวลาห่วงอารมณ์และศักดิ์ศรีของเขา วางตะเกียบลงอย่างอาลัยอาวรณ์

“ช่างเถอะ จะช่วยรักษาขาที่ปวดเวลาเจอความเย็นนี้ให้เจ้าแล้วกัน”

หวงกุ้ยเฟยไม่ใช่คนที่จะรับมือได้ง่ายๆ

เจ้าของร่างขว้างของใส่เยียนอ๋อง และตอนนี้นางก็คือฉู่หยุนหลิง รู้สึกว่าต้องทำอะไรสักอย่าง ป้องกันไม่ให้ถึงตอนนั้นแล้วถูกคนวางแผนทำร้าย

สีหน้าเยียนอ๋องย่ำแย่ เดิมไม่ใส่ใจกับคำพูดของหยุนหลิง แต่คิดไม่ถึงว่านางจะลุกขึ้นมาแล้วนั่งยองอยู่ตรงหน้าถังไม้ ยื่นมือลูบขาทั้งสองของเขา!

นังคนนี้!

เขาใส่แต่กางเกงขาสั้นตัวในเท่านั้น! เขายังไม่ได้แต่งงาน! ความบริสุทธิ์ของเขาเล่า!

พวงแก้มเยียนอ๋องแดงเป็นปื้น ทั้งเขินอายทั้งโกรธจนปรารถนาความตาย แทบอยากถีบนางออกไป

แต่น่าเสียดายที่ขาไม่มีกำลัง ไม่สามารถกระทั่งทำน้ำให้กระเซ็นสักสองสามหยด

หยุนหลิงลุกขึ้น สะบัดน้ำล้างเท้า แล้วเลิกคิ้วเล็กน้อย

“เจ้าเคยถูกพิษเย็น?”

เมื่อครู่นางดึงพลังวิญญาณมาอยู่ที่มือทั้งสองข้าง ตรวจขาทั้งสองของเยียนอ๋อง

ยังมีความหวังที่จะยืนได้ แต่ต้องขจัดพิษเย็นก่อน

ได้ยินดังนั้นแล้ว เยียนอ๋องก็ตะลึงงันมองนาง นัยน์ตาหดเล็ก

น้อยคนนักที่จะรู้เรื่องที่เขาเคยถูกพิษเย็น ทำไมฉู่หยุนหลิงถึงรู้ได้

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายาหมื่นพิษ