ตอนที่ 288 ของขวัญล่วงหน้า
วันที่สามของปีใหม่ ในบ้านตระกูลลู่มีเรื่องที่น่ายินดี
จู่ๆ เฉินเฟยเอ๋อร์มาเยี่ยมเยียน ทำให้ครอบครัวนี้มีความสุขยิ่งขึ้นอย่างที่ไม่สามารถพรรณนาได้ โดยเฉพาะลู่เสวี่ยที่เดินตามไอดอลของเธอไม่ห่าง ถึงจะถูกฟางอวิ๋นต่อว่า สาวน้อยก็ยังหน้าหนาเดินตามต้อยๆ อยู่ไม่วาย
อาหารมื้อค่ำนี้พวกเขารับประทานกันอย่างมีความสุข ฟางอวิ๋นตักอาหารให้เฉินเฟยเอ๋อร์เต็มที่ ดูแลเธออย่างพิถีพีถัน
จนทำให้พวกลู่เฉินรู้สึกอิจฉา
เฉินเฟยเอ๋อร์เองก็กระอักกระอ่วน แต่ไม่อาจปฏิเสธ ชามข้าวตรงหน้ามีกับข้าวกองพูนแล้ว
ลู่เฉินออกตัวปกป้องคนสวย แอบคีบแบ่งมาจนน้อยลงมาก แต่สุดท้ายก็ถูกฟางอวิ๋นตำหนิเข้า
ลู่เฉินไม่รู้จะทำอย่างไร เฉินเฟยเอ๋อร์เม้มปากยิ้มออกมา
รับประทานอาหารเย็นเสร็จ เธออยากจะช่วยเก็บจานไปล้าง แต่ถูกฟางอวิ๋นห้ามไว้
ลู่เสวี่ยตามตื๊อเฉินเฟยเอ๋อร์ถามนั่นถามนี่ มีคำถามมากมายนับไม่ถ้วน
เฉินเฟยเอ๋อร์รักลู่เฉินก็ต้องรักครอบครัวของลู่เฉินด้วย เธอชอบน้องสาวของลู่เฉินมาก ยังมอบของขวัญให้สาวน้อยชิ้นหนึ่ง
ลู่เสวี่ยมีสีหน้าดีใจแกะห่อของขวัญอันวิจิตรออกอย่างตื่นเต้น แล้วก็เห็นว่าในกล่องของขวัญเป็นมงกุฎเจ้าหญิงฝังเพชร ส่องแสงวิบวับสวยงามมาก
เธอดีใจจนแทบหมดสติ “ขอบคุณค่ะพี่เฟยเอ๋อร์”
เฉินเฟยเอ๋อร์ไม่ได้นำของขวัญมาแค่ชิ้นเดียว เธอส่งชุดเครื่องสำอางแบรนด์เนมให้ลู่ซี แล้วยังมอบเสื้อคลุมขนมิงค์ตัวใหญ่ให้ฟางอวิ๋น
ฟางอวิ๋นบ่น “เธอมาได้น้าก็ดีใจแล้ว ซื้อของขวัญแพงขนาดนี้มาทำไมกัน”
เธอรู้มูลค่าของ เสื้อคลุมขนมิงค์ตัวนี้อย่างน้อยต้องมีราคาหลายหมื่น
เฉินเฟยเอ๋อร์พูดอย่างว่าง่าย “นี่เป็นเพียงความตั้งใจเล็กน้อย ไม่ใช่ของแพงอะไรค่ะ”
ฟางอวิ๋นยิ่งดูเฉินเฟยเอ๋อร์ยิ่งพอใจ รูปร่างหน้าตาสะสวยไม่พอ ยังนิสัยดีที่สุด ทั้งยังมีมารยาทเหมือนเป็นผู้ลากมากดี จึงเริ่มกังวลว่าลูกชายของเธอจะไม่คู่ควรกับเฉินเฟยเอ๋อร์
คิดไปคิดมา แล้วฟางอวิ๋นก็ขึ้นไปที่ห้องของตัวเองที่อยู่ชั้นบน
เธอกลับมาอย่างรวดเร็ว ดึงมือเฉินเฟยเอ๋อร์มา แล้วสวมกำไลหยกเขียวมรกตให้เธอวงหนึ่ง
ฟางอวิ๋นบอกว่า “เฟยเอ๋อร์ นี่เป็นของขวัญพบหน้า น้าไม่มีของดีๆ อะไรมอบให้เธอ นี่เป็นกำไลที่ย่าของลู่เฉินมอบให้น้า ตอนนี้น้าให้เธอ หวังว่าเธอจะชอบ”
กำไลหยกวงนี้แม้จะไม่ใช่หยกน้ำหนึ่งที่ราคาเป็นแสนเป็นล้าน แต่มันเป็นของเก่าแก่ที่ตระกูลลู่มักส่งต่อให้ลูกสะใภ้เป็นสมบัติตกทอด หรือก็คือของที่เก็บไว้ให้กับภรรยาของลู่เฉิน
ด้วยเหตุนี้ตอนที่บ้านลู่กำลังลำบาก ฟางอวิ๋นจึงไม่เคยคิดจะนำกำไลหยกวงนี้ไปขาย
เธอมอบกำไลให้เฉินเฟยเอ๋อร์ เป็นการบอกว่าฝ่ายหลังได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการแล้ว
เฉินเฟยเอ๋อร์มีหรือจะไม่รับรู้ถึงความตั้งใจของฟางอวิ๋น หน้าแดงเป็นลูกตำลึงพูดเสียงเบาว่า “ขอบคุณค่ะคุณน้า”
ด้วยสถานะทางบ้านของเธอ หยกราคาสิบล้านเป็นแค่ของเล่น แต่เทียบไม่ได้กับคุณค่าของหยกที่อยู่ในมือชิ้นนี้!
พอเห็นว่าเฉินเฟยเอ๋อร์ยอมรับไว้ ฟางอวิ๋นยิ่งดีใจ
เธอกุมมือเฉินเฟยเอ๋อร์ไว้ เริ่มถามไถ่ถึงครอบครัวของเฉินเฟยเอ๋อร์
บ้านเกิดของเฉินเฟยเอ๋อร์อยู่ที่เมืองซย่าเหมิน พ่อแม่ของเธอแยกทางกันไปต่างคนต่างมีครอบครัวใหม่ตั้งแต่เธอยังเด็ก แม่ของเธอย้ายไปแคนาดา ส่วนพ่อตอนนี้ทำงานสอนหนังสือที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในปักกิ่ง ตัวเธอมีคุณยายเป็นคนเลี้ยงดูจนโต
ทั้งพ่อและแม่ของเธอต่างมีลูกชายและลูกสาวอีกอย่างละสองคน แต่ไม่ได้ติดต่อกัน
ฟางอวิ๋นรู้สึกทอดถอนใจ ครอบครัวของเฉินเฟยเอ๋อร์เป็นแบบนี้ การที่เธอประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่เช่นทุกวันนี้ได้นั้นไม่ง่ายเลย
ทั้งสองคนพูดคุยกันราวกับแม่สามีและลูกสะใภ้ที่สนิทสนมกันที่สุด
สุดท้ายไม่สนใจทั้งลู่เฉิน ลู่ซี และลู่เสวี่ยที่อยู่ด้านข้าง
เดิมทีก่อนที่จะมาเฉินเฟยเอ๋อร์รู้สึกกังวลใจเล็กน้อย ไม่รู้ว่าแม่ของลู่เฉินจะเข้าถึงง่ายไหม
สำหรับคนจีนแล้ว ความสัมพันธ์ของแม่สามีกับลูกสะใภ้นั้นซับซ้อนที่สุด
ตอนนี้ดูแล้ว ความกังวลของเธอนั้นมากเกินไป ฟางอวิ๋นมีนิสัยเข้มแข็งแต่ไม่ขาดความใจกว้างอ่อนโยน ความรักความเมตตาของเธอล้วนออกมาจากใจจริง ทั้งสองคนเข้ากันได้ดีอย่างคาดไม่ถึง กระทั่งดูเหมือนเสียดายที่เจอกันช้าไปด้วยซ้ำ
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวก็จะสี่ทุ่มแล้ว
ฟางอวิ๋นที่ยังเสียดายไม่อยากเลิกคุยกับเฉินเฟยเอ๋อร์ หันไปสั่งลู่ซีว่า “เสี่ยวซี ลูกไปจัดการห้องรับรองแขกข้างบนให้หน่อย”
จากนั้นเธอหันมาบอกเฉินเฟยเอ๋อร์ว่า “ดึกมากแล้ว เธอค้างที่นี่เถอะ รีบพักผ่อนนะ”
ตอนแรกเฉินเฟยเอ๋อร์ไม่ได้ตั้งใจจะมาค้างที่บ้านลู่ แต่ในเมื่อพูดถึงขนาดนี้แล้ว เธอก็ไม่อยากขัดใจฟางอวิ๋น จึงตอบรับอย่างเขินอาย
เฉินเฟยเอ๋อร์ตามลู่ซีขึ้นไปที่ห้องรับรองแขก ลู่เสวี่ยเดินตามไปติดๆ เหมือนหนอนตามก้น
ลู่เฉินจะขึ้นไปด้วย แต่ถูกฟางอวิ๋นห้ามไว้
ฟางอวิ๋นบ่นเขา “ลูกนี่จริงๆ เลย แฟนจะมาบ้านทั้งทีไม่บอกแม่ก่อน ไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลย”
ลู่เฉินลูบจมูกยิ้มแหยพูดว่า “ผมก็ไม่รู้มาก่อนเหมือนกันครับ!”
“ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว…”
ฟางอวิ๋นเอ่ยต่อว่า “เฟยเอ๋อร์เป็นคนไม่เลวจริงๆ แฟนสาวแบบนี้ลูกต้องทะนุถนอมให้ดี….”
“สองคนอยู่ด้วยกันสิ่งสำคัญคือต้องให้อภัยและเข้าใจกัน เป็นผู้ชายลูกต้องแบกรับความรับผิดชอบเอาไว้ จะเอาแต่ใจเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้แล้ว”
ลู่เฉินพยักหน้า พูดอย่างจริงจังว่า “ผมรู้แล้วครับ”
ฟางอวิ๋นพูดต่อ “ตอนเด็กๆ ย่าของลูกไปที่วัดไป๋อวิ๋นดูดวงให้ลูก บอกว่าโตมาจะมีสาวๆ เข้ามาพัวพันในชีวิตมากมาย”
“เรื่องดูดวงแม่ไม่เชื่อหรอก แต่ตอนนี้ลูกมีแฟนแล้ว และยังจะทำงานในวงการบันเทิงต่อไป แน่นอนว่าจะต้องมีผู้หญิงเข้ามามากมาย ลูกต้องควบคุมตัวเองให้ดี อย่าทอดทิ้งอย่าทำร้ายเฟยเอ๋อร์เด็ดขาด”
ลู่เฉินเกาหัว “ผมรู้แล้วครับ”
ฟางอวิ๋นเหลือกตามองบน “แล้วก็อย่าทำให้ผู้หญิงที่ชอบลูกต้องเสียใจเสียน้ำตานะ”
ลู่เฉินเข้าใจทั้งหมด วันนี้เป็นวันที่ 10 กุมภาพันธ์ อีกไม่กี่วันจะเป็นวันวาเลนไทน์ เฉินเฟยเอ๋อร์มีตารางงานที่สำคัญ ดังนั้นจึงมาหาเขาถึงปินไห่เพื่อมอบของขวัญให้ก่อน
เครื่องรางเรียกโชคอันนี้ เป็นของขวัญวันแห่งความรักนี่เอง!
ลู่เฉินเคือง “คุณไม่เตือนผมก่อน ผมไม่ได้เตรียมของขวัญอะไรไว้เลย!”
เฉินเฟยเอ๋อร์หัวเราะ “ถึงตอนนั้นค่อยให้ก็ได้ ไม่สายไปหรอก”
ลู่เฉินกลอกตา แล้วล้มทับเธอให้นอนลงบนเตียง ก้มลงไปกระซิบที่ข้างหูของเธอพลางหัวเราะเบาๆ “หรือไม่ ผมใช้ตัวเองเป็นของขวัญให้คุณ ยกร่างกายนี้ให้คุณเป็นไง”
เฉินเฟยเอ๋อร์หน้าแดงขึ้นมาอีกครั้ง สายตายั่วยวนร้อนแรง ดูสวยจนไม่มีอะไรเปรียบเทียบได้
ลู่เฉินมีหรือจะอดใจไหว กอดเธอกระชับแน่นแล้วจูบอย่างร้อนแรงอีกครั้ง
ครั้งนี้เฉินเฟยเอ๋อร์ยั้งใจไว้ไม่อยู่ ในที่สุดลู่เฉินก็เปลือยเสื้อผ้าท่อนบนของเธอออก ยอมให้เขาชื่นชมดื่มด่ำความอบอุ่นอ่อนนุ่มอย่างบังอาจ ด้วยสัมผัสลึกล้ำของมือที่ควบคุมไม่อยู่
น่าเสียดายที่ต่อให้เธอเผลอไผลไปแค่ไหน ก็ต้องสงวนรักษาขั้นสุดท้ายเอาไว้ ไม่ให้ลู่เฉินล่วงล้ำได้สำเร็จ
ทั้งสองคลอเคลียกันอยู่นานมาก
เช้าวันรุ่งขึ้น เฉินเฟยเอ๋อร์ที่แทบจะเป็นลูกสะใภ้ของบ้านลู่แล้ว ได้บอกลาลู่เฉินและครอบครัวเพื่อกลับปักกิ่ง
วันที่ 12 กุมภาพันธ์ เป็นวันที่ห้าของปีใหม่ ลู่เฉินกับลู่ซีกลับมาถึงเมืองหลวง
ตอนที่จากมา ลู่เฉินมอบรถเบนซ์ของตัวเองเอาไว้ให้แม่ เพื่อให้เธอไปทำงานสะดวก
ฟางอวิ๋นไม่อยากได้ คิดว่ารถเบนซ์เอสยูวีคันนี้ดูโอ้อวดเกินงาม แต่ทนลู่เฉินกับลู่ซีรบเร้าไม่ได้ ถึงยอมจำใจรับไว้
ความจริงในเมืองปินไห่ รถหรูแบบนี้มีมากมาย รถสมรรถนะสูงวิ่งกันตามท้องถนนจนไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ รถเบนซ์เอสยูวีนับเป็นอะไร สิ่งสำคัญคือระบบความปลอดภัยขั้นสูงของมันต่างหากที่ทำให้ทั้งสองคนไว้วางใจ
สุดท้าย ลู่ซีไม่ลืมที่จะกำชับลู่เสวี่ย ไม่ให้เธอพูดเรื่องเฉินเฟยเอ๋อร์กับคนอื่น
ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ตอนนี้ยังเปิดเผยไม่ได้
ลู่เสวี่ยนับว่าพูดรู้เรื่องสักที สัญญาและสาบานว่าจะปิดปากของตัวเองให้สนิทไม่แพร่งพรายความลับนี้ออกไป
ทว่าลู่เฉินยังสงสัยในเรื่องนี้อยู่ดี
แต่เรื่องอื่นเขาต้องพักไว้ก่อนยังไม่มีเวลาไปสนใจ หลังจากกลับถึงเมืองหลวงแล้ว มีงานกองเป็นภูเขาให้เขาต้องยุ่งวุ่นวาย!
จะพูดไปก็บังเอิญ ลู่เฉินเองก็มีงานพรีเซ็นเตอร์ที่สำคัญชิ้นหนึ่งในวันวาเลนไทน์
หลังจากที่เขาเพิ่งกลับมาถึงเมืองหลวง คนจากแวดวงต่างๆ พากันมาหาเขาถึงสตูดิโอ มีทั้งคนในวงการบันเทิง บริษัทเอเจนซี่บันเทิง บริษัทผลิตเพลง บริษัทผลิตภาพยนตร์โทรทัศน์ ยังมีช่องสถานีโทรทัศน์และพวกนักข่าวจากนิตยสารต่างๆ
นอกจากนี้ลู่เฉินยังได้รับจดหมายเชื้อเชิญฉบับหนึ่ง
เทศกาลดนตรีในทุ่งหญ้า 72H
………………………………………………………………………….
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: (นิยายแปล) Perfect Superstar