ตอนที่ 815 ท้าทายอำนาจ
ตั้งแต่เปิดกล้องถ่ายทำภาพยนตร์กำลังภายในเรื่อง ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ ภาคแรก ‘กระบี่จากเทือกเขาฮว่าซาน’ อย่างเป็นทางการในโรงถ่ายหนิงซาน ผ่านมาเกือบหนึ่งเดือนแล้ว แต่การถ่ายทำกลับไม่ค่อยราบรื่นสักเท่าไร
อย่างน้อยความคืบหน้าก็ไม่เป็นไปตามแผน โดยทั่วไปสามารถบอกได้เลยว่าไร้ความหวังที่จะเข้าโรงภาพยนตร์ช่วงวันหยุดฤดูร้อนในประเทศ
ทำให้ขวัญกำลังใจของทีมงานในกองลดลงเล็กน้อย
สำหรับภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์เรื่องนี้ ในช่วงแรกๆ เฉินเฟยมีเดียได้เตรียมการมาเกือบปีแล้ว การเตรียมตัวในทุกรอบด้านเรียกได้ว่าค่อนข้างพร้อมมากพอสมควร แต่ทว่าในขั้นตอนการถ่ายทำจริงก็ยังพบปัญหาอีกมากมาย
ปัญหาเหล่านี้ส่วนใหญ่ยังเป็นเรื่องของฉากต่อสู้
“คัต!”
เฉินกั๋วจื้อวางไมโครโฟนในมือลง สั่นแข้งขาที่เหน็บชา ยืนขึ้นปรบมือแล้วพูดว่า “วันนี้พอแค่นี้ก่อน พรุ่งนี้ค่อยมาต่อ”
ภายในกองถ่าย ทั้งนักแสดงและทีมงานต่างพร้อมกันถอนหายใจด้วยความโล่งอก
การถ่ายทำวันนี้เหนื่อยกว่าทุกครั้ง เพราะมีถ่ายทั้งฉากทั่วไปและฉากต่อสู้ อีกทั้งเฉินกั๋วจื้อและลู่เฉินผู้กำกับทั้งสองคนยังลงมานั่งแท่นกำกับเองและให้ความสนใจเป็นพิเศษ ทำให้ทุกคนต้องคอยระมัดระวังและเพิ่มความรับผิดชอบมากขึ้นเป็นธรรมดา ไม่กล้าขี้เกียจแม้แต่น้อย
เริ่มถ่ายทำตั้งแต่ตอนเจ็ดโมงเช้า จนถึงตอนนี้เป็นเวลาสามทุ่มกว่าแล้ว ทุกคนต่างก็ตึงเครียดกันหมด
เหนื่อยล้าอ่อนเพลียทั้งร่างกายและจิตใจ และตอนนี้ก็ยืนหยัดมาถึงท้ายที่สุดจนได้
แต่หลังจากทุ่มเทสุดตัวและเหน็ดเหนื่อยมากขนาดนั้นแล้ว ฉากที่ผ่านกลับมีไม่มาก พรุ่งนี้ต้องเริ่มถ่ายซ่อมใหม่การเคี่ยวกรำก็จะวนมาใหม่อีกรอบ
ลู่เฉินลุกขึ้นและพูดว่า “ทุกคนพักผ่อนไวๆ อย่านอนดึกล่ะ…”
แน่นอนว่าเขามองออกอยู่แล้วว่าทุกคนรู้สึกแย่ แต่การถ่ายทำภาพยนตร์ก็เป็นประมาณนี้แหละ อยากจะสร้างผลงานชิ้นโบว์แดงจริงๆ ไม่มีทางที่จะเป็นเรื่องง่ายๆ แน่นอน
เบื้องหลังความสำเร็จ มักมีความยากลำบากที่ไม่เคยพานพบมาก่อนมากมาย สิ่งมหัศจรรย์ที่ผู้ชมได้เห็นและความเพลิดเพลินที่พวกเขาได้รับในโรงภาพยนตร์ ก็มาจากการซุ่มเงียบทำงานอย่างเหน็ดเหนื่อยของพวกเขาเหล่านี้
ลู่เฉินทำได้แค่หาวิธีชดเชยให้เท่านั้น แต่ไม่มีทางลดมาตรฐานของเขาเพราะเหตุนี้โดยเด็ดขาด ถ้าจะให้พูดตามจริงแล้วละก็ หลายๆ ฉากที่ถ่ายในวันนี้ในสายตาของคนวงในแล้วดูยอดเยี่ยมมาก แต่ก็ยังไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ตามมาตรฐานที่เขาต้องการ
ทีมงานในกองอยู่ภายใต้แรงกดดันอย่างมาก ซึ่งก็สมเหตุสมผลดี
ในเวลานี้ เฉินกั๋วจื้อบอกกับเขาว่า “เสี่ยวลู่ เรากลับไปคุยกันที่โรงแรมสักหน่อยไหม”
ลู่เฉินตะลึงเล็กน้อยอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบอย่างรวดเร็ว “ครับ”
เมื่อกลับไปถึงโรงแรมก็เป็นเวลาสี่ทุ่มแล้ว
สถานที่ที่เฉินกั๋วจื้อและลู่เฉินคุยกันไม่ใช่ในห้อง แต่เป็นในร้านอาหารเล็กๆ นอกจากนี้ยังมีเฉินเฟยเอ๋อร์ โปรดิวเซอร์ ตากล้อง ผู้ช่วยฝ่ายผลิต และผู้ช่วยของเฉินกั๋วจื้ออยู่ภายในห้องด้วย คนหลังนี้ถือเป็นคู่หูของผู้กำกับใหญ่ท่านนี้จริงๆ
อันที่จริงการประชุมเล็กๆ ที่คล้ายกันนี้ ในระหว่างการถ่ายทำก็มีขึ้นบ่อยครั้งอยู่แล้ว
เป็นเพราะเหตุนี้ทำให้คนของทีมตระกูลลู่ไม่เพียงพอจริงๆ หลายครั้งที่ลู่เฉินต้องสาธิตด้วยตัวเอง ช่วยนักแสดงแก้ไขซ้ำแล้วซ้ำอีก หากการถ่ายทำไม่ล่าช้ากว่ากำหนดคงจะเป็นเรื่องแปลกพิลึกน่ะสิ!
โชคดีที่ปัจจุบันนี้เป็นการถ่ายทำดิจิทัลทั้งหมดไม่ใช่แบบฟิล์ม หากเป็นในอดีตละก็ ไม่รู้ว่าต้องใช้ดิสก์กี่แผ่น และค่าใช้จ่ายในการลงทุนก็มากเกินกว่าจะรับไหว
ความล่าช้าของงานคือปัญหาหนึ่ง แต่ปัญหาที่ใหญ่กว่าคือแรงกดดันต่อจิตใจของนักแสดงและทีมงานในกองถ่ายเสียมากกว่า
น้ำเสียงของเฉินกั๋วจื้อไม่ได้รุนแรงมากนัก แต่แฝงไปด้วยคำถามเป็นนัยๆ ทำให้บรรยากาศในร้านอาหารเล็กๆ เคร่งเครียดขึ้นมา เขากำลังแสดงออกถึงความไม่พอใจใช่หรือไม่
ลู่เฉินรู้สึกถึงแรงกดดันจากผู้กำกับใหญ่ท่านนี้ เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วตอบด้วยน้ำเสียงที่ล้ำลึก “ผู้กำกับเฉิน ตามสถานการณ์ปัจจุบันค่อนข้างยากที่เราจะเร่งความคืบหน้าให้เร็วขึ้น ผมคิดว่าอย่างแรกเลยเราควรจะรับประกันคุณภาพและผลลัพธ์…”
“เราไม่ต้องรีบตามกำหนดการ!”
คำพูดคล้ายกันกับที่ลู่เฉินได้บอกนักข่าวไปก่อนหน้านี้ แต่ตอนนี้ฝ่ายตรงข้ามที่เขาต้องตอบนั้นเป็นเฉินกั๋วจื้อ
เฉินกั๋วจื้อเป็นผู้กำกับของ ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ และคำพูดของลู่เฉินได้ท้าทายอำนาจของเขาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ทีมงานสำคัญหลายคนที่อยู่ด้วยอดไม่ได้ที่จะตื่นตระหนก หากทั้งสองมีความขัดแย้งในที่ทำงาน ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังจะดำเนินการถ่ายทำต่อไปได้ไหม
คำตอบของลู่เฉินตรงไปตรงมาจนเกินไป จะพูดอ้อมๆ กว่านี้ไม่ได้หรืออย่างไร ไม่ก็ประนีประนอมสักหน่อยไม่ดีกว่าหรือ
………………………………………………………….
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: (นิยายแปล) Perfect Superstar