อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ นิยาย บท 100

สัญชาตญาณบอกนางว่า นังคนชั้นต่ำหยุนหว่านหนิงต้องสร้างเรื่องอีก!

ให้นางพิสูจน์ ต้องไม่ใช่เรื่องดีเป็นแน่!

ฉินซื่อเสวียถามอีกครั้งอย่างกระสับกระส่าย “เจ้าคิกจะให้ข้าพิสูจน์อย่างไร”

ในวินาทีถัดมา เพียงได้ยินหยุนหว่านหนิงพูดอย่างเอื่อยเฉื่อยว่า “ในเมื่อเจ้าไม่มีความรู้สึกอันใดกับอ๋องหยิงสักนิด ตรงข้ามกับที่ลุ่มหลงท่านอ๋องบ้านข้าทั้งใจ...”

“เจ้าก็น่าจะรู้ว่า ตอนนี้อ๋องหยิงกับท่านอ๋องบ้านข้าอยู่คนละฝ่ายกัน”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉินซื่อเสวียก็นิ่งเฉย

หยุนหว่านหนิงใช้หางตาเหลือบมองโม่เยว่

เห็นว่าเขาไม่ส่งเสียง จึงพูดต่อว่า “ทำไมเจ้าไม่พิสูจน์สักหน่อย ว่าเจ้าไม่ได้อยู่ฝ่ายอ๋องหยิง และจงใจเข้าใกล้ท่านอ๋องบ้านข้าเพื่อสืบข่าวคราว”

นี่มันพิสูจน์ได้รึ?!

ฉินซื่อเสวียขมวดคิ้วแน่น “นี่มันจะพิสูจน์ได้อย่างไร”

ท่าทีของนางตอนนี้ไม่ใช่ว่าจริงใจ และพูดชัดเจนมากแล้วหรือไร!

หยุนหว่านหนิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดอย่างช้า ๆ ว่า “เพียงเจ้าขโมยป้ายคำสั่งค่ายห้ากองพลอ๋องหยิง มาให้ท่านอ๋องบ้านข้าได้ ข้าก็จะเชื่อคำเจ้า!”

“เจ้าว่าอะไรนะ!”

ฉินซื่อเสวียราวกับถูกฟ้าผ่า ทั้งร่างซวนเซ

จื่อซูรีบเอื้อมมือประคองนาง ถามอย่างห่วงใย “พระชายา ท่านไม่เป็นอะไรนะเจ้าคะ”

ฉินซื่อเสวียผลักนางออก จ้องหยุนหว่านหนิงอย่างงงงวย “หยุนหว่านหนิง เจ้าแน่ใจหรือว่าไม่ใช่ต้องการฆ่าข้าให้ตาย!”

นางเสแสร้งต่อไปไม่ลงแล้ว

ก่อนหน้าแต่ละคำว่ายังเป็น “พระชายาหมิง” ตอนนี้เรียกชื่อหยุนหว่านหนิงโดยตรงแล้ว

ฉินซื่อเสวียจะล้มมิลมแหล่ “เจ้ารู้นิสัยท่านอ๋องบ้านข้า หากข้ากล้าขโมยป้ายคำสั่งไปจริง ๆ ท่านอ๋องกลับมาจะต้องบีบคอข้าตายแน่!”

“พูดอย่างนี้ เจ้ายังไม่จริงใจพอ”

หยุนหว่านหนิงยักไหล่ “หรูยี่ พวกเราไป”

พูดจบก็ปล่อยม่านรถม้าลง คิดจะจากไป

โดยไม่คาดคิดหรูยี่ยังไม่ได้ขับรถม้าจากไป ก็ได้ยินฉินซื่อเสวียเรียก “รอเดี๋ยวก่อน!”

“เจ้าถืออะไรมาพูดว่าข้าไม่จริงใจต่อท่านพี่เยว่พอ ไม่สนว่าเจ้าจะต้องการปองร้ายข้า หรือเพื่อทดสอบข้าจริง ๆ เพื่อแสดงความในใจของข้าที่มีต่อท่านพี่เยว่...”

ชั่วครู่หนึ่ง นางพยายามกัดฟันพูดสองสามคำออกมา “ข้าจะไปขโมยมัน!”

ตอนนี้พระชายาหมิงคือหยุนหว่านหนิง

หากคิดจะบุกเข้าจวนอ๋องหมิงจริง ๆ ยังต้องมาดูสีหน้าของนังคนชั้นต่ำนี่อีก!

ใครให้ตอนนี้โม่เยว่โปรดปรานนางเล่า!

ฉินซื่อเสวียสูดหายใจลึก “ตอนท่านอ๋องจากเมืองหลวง ก็ไม่ได้พกป้ายคำสั่งไปด้วย”

“ได้มอบให้

รองแม่ทัพหวู

...ให้เวลาข้าสามวัน หลังจากสามวันข้าจะเอาป้ายคำสั่งไปให้ถึงประตู!”

พูดจบ นางจากไปโดยไม่หันกลับมามอง

เห็นแบบนี้ หยุนหว่านหนิงกับโม่เยว่สบตากัน...และไม่รอให้นางเปิดปาก ก็เห็นโม่เยว่เอื้อมมือมากะทันหัน พ่นคำสามคำออกมาโดยไร้ความรู้สึก “หมื่นตำลึง”

หยุนหว่านหนิง “...”

แน่นอนว่าเป็นคู่สามีภรรยาปลอม ๆ ที่คงอยู่ได้ด้วยเงินทอง!

“ท่านอ๋อง ท่านจะคุยกันด้วยเหตุผลได้หรือไม่”

นางโต้แย้งว่า “วันนี้แม้ท่านจะร่วมมือแสดงละครกับข้าแล้ว แต่ข้าก็ยังทำให้ได้ป้ายคำสั่งค่ายห้ากองพลแทนท่าน”

“พวกเราไม่ใช่ว่าเท่าเทียมหรือไร”

“เท่าเทียม?”

ใครทำให้ความกล้านาง พูดว่าเท่าเทียมกัน?

โม่เยว่ยิ้มเย็น “ทำให้ได้ป้ายคำสั่ง?”

ฉินซื่อเสวียก็ยังไม่ได้ลงมือเลย ไม่นึกเลยจะพูดอย่างแน่วแน่เช่นนั้นเพื่อช่วยนางให้ได้ป้ายคำสั่ง...” รอเจ้าได้ป้ายคำสั่งก่อนค่อยพูด วันนี้เจ้าควรจะจ่ายเงินให้ข้า”

“โม่เยว่ เจ้าอย่าได้คือจะเอาศอก!”

หยุนหว่านหนิงระเบิดแล้ว

เปลี่ยนรูปแบบทุกวันเพื่อเอาเงินนาง นางไม่ได้เปิดธนาคารนะ!

“ตอนนั้นเจ้าหยิกหน้าข้า”

โม่เยว่เหลือบมองนางอย่างไม่ใส่ใจ “ดังนั้นหนึ่งหมื่นตำลึงเงินนี้ เจ้าไม่ขาดทุน”

……

ฉินซื่อเสวียเดินเร็วไปตลอดทาง เงาร่างเพรียวบางบนถนนหายไปอย่างรวดเร็ว

ในไม่ช้านางก็ปรากฏตัวนอกจวนเฉิงเซี่ยง ส่งสัญญาณให้จื่อซูไปเคาะห่วงประตูข้างหน้า

เมื่อมาถึงประตูวัง ที่นางตกลง “คำขอ” ของหยุนหว่านหนิงอย่างเกลียดชัง แต่กลับหาใครมาหารือด้วยไม่ได้ โม่หุยเฟิงอยู่ชายแดนที่ห่างไกล ฮองเฮาจ้าวไม่รู้แผนการของนางกับโม่หุยเฟิง

ดังนั้นเรื่องนี้ไม่สมควรที่จะบอกผู้อื่นชั่วคราว

ไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนแล้ว ก็มีเพียงต้องกลับบ้านฝ่ายแม่หารือกับท่านพ่อฉินเฉิงเซี่ยง

หลังจื่อซูเคาะห่วงประตูคนรับใช้ก็เปิดประตูอย่างรวดเร็ว

เห็นว่าคนที่อยู่นอกประตูคือฉินซื่อเสวีย จึงรีบเชิญนางเข้าด้วยความเคารพ

“พ่อข้าล่ะ”

ขณะนางเดินก็ถามขึ้น

คนรับใช้ก้มหน้าตอบ “ท่านเพิ่งไปเรือนคุณหนูรอง บอกว่าไปดูช่วงนี้คุณหนูรองการเรียนเป็นอย่างไรบ้างแล้วข้อรับ”

ฉินซื่อเสวียรู้สึกหดหู่ใจมากยิ่งขึ้น

หากบอกว่าทั้งชีวิตนี้ของนาง มีใครทำให้นางเกลียดชัง...

นอกจากหยุนหว่านหนิงแล้ว ก็เป็นน้องสาวแท้ ๆ ของนางฉินเย่วหลิ่ว

ฉินซื่อเสวียเชี่ยวชาญดีดพิณ เต้นรำ ก็เป็นฉินเฉิงเซี่ยงสั่งให้นางขยันหมั่นเพียรฝึกฝนออกมา เพียงเพื่อให้โดดเด่นท่ามกลางสตรีชนชั้นสูงมากมายในเมืองหลวง

ความเป็นจริงยืนยันว่านางต้องแต่งงานกับราชวงศ์ กลายเป็นที่อิจฉาของสตรีชนชั้นสูงไม่น้อย

แต่คนที่ฉินเฉิงเซี่ยงต้องการบ่มเพาะจริง ๆ ...เป็นฉินเย่วหลิ่ว

ฉินเฉิงเซี่ยงอลรมสั่งสอนด้วยตัวเอง ฉินเย่วหลิ่วมีความเชี่ยวชาญในพิณหมากอักษรภาพ ปกติก็ยิ่งเก็บเนื้อเก็บตัว เป็นสตรีชนชั้นสูงที่มีชื่อเสียงสมจริงดังคำเล่าลือ!

บางทีสำหรับฉินเฉิงเซี่ยงแล้ว ฉินเย่วหลิ่วเป็นเพียงไพ่ตายในมือของเขา

และฉินซื่อเสวียอย่างนาง เป็นเพียงแค่เบี้ยตัวหนึ่ง!

คิดถึงตรงนี้ ความเกลียดชังลุกโชนอยู่ในใจอย่างบ้าคลั่ง

ความโกรธได้รับตรงประตูวังในวันนี้ เป็นแรงกระตุ้นในตอนนี้...ใต้การโจมตีที่หนักหน่วงสองครั้งนี้ นัยน์ตาของฉินซื่อเสวียมืดมัว ทั้งร่างล้มลงไปกับพื้น!

นางสลบไปแล้ว

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อนงค์ใจพระชายาราชสีห์