สัญชาตญาณบอกนางว่า นังคนชั้นต่ำหยุนหว่านหนิงต้องสร้างเรื่องอีก!
ให้นางพิสูจน์ ต้องไม่ใช่เรื่องดีเป็นแน่!
ฉินซื่อเสวียถามอีกครั้งอย่างกระสับกระส่าย “เจ้าคิกจะให้ข้าพิสูจน์อย่างไร”
ในวินาทีถัดมา เพียงได้ยินหยุนหว่านหนิงพูดอย่างเอื่อยเฉื่อยว่า “ในเมื่อเจ้าไม่มีความรู้สึกอันใดกับอ๋องหยิงสักนิด ตรงข้ามกับที่ลุ่มหลงท่านอ๋องบ้านข้าทั้งใจ...”
“เจ้าก็น่าจะรู้ว่า ตอนนี้อ๋องหยิงกับท่านอ๋องบ้านข้าอยู่คนละฝ่ายกัน”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉินซื่อเสวียก็นิ่งเฉย
หยุนหว่านหนิงใช้หางตาเหลือบมองโม่เยว่
เห็นว่าเขาไม่ส่งเสียง จึงพูดต่อว่า “ทำไมเจ้าไม่พิสูจน์สักหน่อย ว่าเจ้าไม่ได้อยู่ฝ่ายอ๋องหยิง และจงใจเข้าใกล้ท่านอ๋องบ้านข้าเพื่อสืบข่าวคราว”
นี่มันพิสูจน์ได้รึ?!
ฉินซื่อเสวียขมวดคิ้วแน่น “นี่มันจะพิสูจน์ได้อย่างไร”
ท่าทีของนางตอนนี้ไม่ใช่ว่าจริงใจ และพูดชัดเจนมากแล้วหรือไร!
หยุนหว่านหนิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดอย่างช้า ๆ ว่า “เพียงเจ้าขโมยป้ายคำสั่งค่ายห้ากองพลอ๋องหยิง มาให้ท่านอ๋องบ้านข้าได้ ข้าก็จะเชื่อคำเจ้า!”
“เจ้าว่าอะไรนะ!”
ฉินซื่อเสวียราวกับถูกฟ้าผ่า ทั้งร่างซวนเซ
จื่อซูรีบเอื้อมมือประคองนาง ถามอย่างห่วงใย “พระชายา ท่านไม่เป็นอะไรนะเจ้าคะ”
ฉินซื่อเสวียผลักนางออก จ้องหยุนหว่านหนิงอย่างงงงวย “หยุนหว่านหนิง เจ้าแน่ใจหรือว่าไม่ใช่ต้องการฆ่าข้าให้ตาย!”
นางเสแสร้งต่อไปไม่ลงแล้ว
ก่อนหน้าแต่ละคำว่ายังเป็น “พระชายาหมิง” ตอนนี้เรียกชื่อหยุนหว่านหนิงโดยตรงแล้ว
ฉินซื่อเสวียจะล้มมิลมแหล่ “เจ้ารู้นิสัยท่านอ๋องบ้านข้า หากข้ากล้าขโมยป้ายคำสั่งไปจริง ๆ ท่านอ๋องกลับมาจะต้องบีบคอข้าตายแน่!”
“พูดอย่างนี้ เจ้ายังไม่จริงใจพอ”
หยุนหว่านหนิงยักไหล่ “หรูยี่ พวกเราไป”
พูดจบก็ปล่อยม่านรถม้าลง คิดจะจากไป
โดยไม่คาดคิดหรูยี่ยังไม่ได้ขับรถม้าจากไป ก็ได้ยินฉินซื่อเสวียเรียก “รอเดี๋ยวก่อน!”
“เจ้าถืออะไรมาพูดว่าข้าไม่จริงใจต่อท่านพี่เยว่พอ ไม่สนว่าเจ้าจะต้องการปองร้ายข้า หรือเพื่อทดสอบข้าจริง ๆ เพื่อแสดงความในใจของข้าที่มีต่อท่านพี่เยว่...”
ชั่วครู่หนึ่ง นางพยายามกัดฟันพูดสองสามคำออกมา “ข้าจะไปขโมยมัน!”
ตอนนี้พระชายาหมิงคือหยุนหว่านหนิง
หากคิดจะบุกเข้าจวนอ๋องหมิงจริง ๆ ยังต้องมาดูสีหน้าของนังคนชั้นต่ำนี่อีก!
ใครให้ตอนนี้โม่เยว่โปรดปรานนางเล่า!
ฉินซื่อเสวียสูดหายใจลึก “ตอนท่านอ๋องจากเมืองหลวง ก็ไม่ได้พกป้ายคำสั่งไปด้วย”
“ได้มอบให้
รองแม่ทัพหวู
...ให้เวลาข้าสามวัน หลังจากสามวันข้าจะเอาป้ายคำสั่งไปให้ถึงประตู!”
พูดจบ นางจากไปโดยไม่หันกลับมามอง
เห็นแบบนี้ หยุนหว่านหนิงกับโม่เยว่สบตากัน...และไม่รอให้นางเปิดปาก ก็เห็นโม่เยว่เอื้อมมือมากะทันหัน พ่นคำสามคำออกมาโดยไร้ความรู้สึก “หมื่นตำลึง”
หยุนหว่านหนิง “...”
แน่นอนว่าเป็นคู่สามีภรรยาปลอม ๆ ที่คงอยู่ได้ด้วยเงินทอง!
“ท่านอ๋อง ท่านจะคุยกันด้วยเหตุผลได้หรือไม่”
นางโต้แย้งว่า “วันนี้แม้ท่านจะร่วมมือแสดงละครกับข้าแล้ว แต่ข้าก็ยังทำให้ได้ป้ายคำสั่งค่ายห้ากองพลแทนท่าน”
“พวกเราไม่ใช่ว่าเท่าเทียมหรือไร”
“เท่าเทียม?”
ใครทำให้ความกล้านาง พูดว่าเท่าเทียมกัน?
โม่เยว่ยิ้มเย็น “ทำให้ได้ป้ายคำสั่ง?”
ฉินซื่อเสวียก็ยังไม่ได้ลงมือเลย ไม่นึกเลยจะพูดอย่างแน่วแน่เช่นนั้นเพื่อช่วยนางให้ได้ป้ายคำสั่ง...” รอเจ้าได้ป้ายคำสั่งก่อนค่อยพูด วันนี้เจ้าควรจะจ่ายเงินให้ข้า”
“โม่เยว่ เจ้าอย่าได้คือจะเอาศอก!”
หยุนหว่านหนิงระเบิดแล้ว
เปลี่ยนรูปแบบทุกวันเพื่อเอาเงินนาง นางไม่ได้เปิดธนาคารนะ!
“ตอนนั้นเจ้าหยิกหน้าข้า”
โม่เยว่เหลือบมองนางอย่างไม่ใส่ใจ “ดังนั้นหนึ่งหมื่นตำลึงเงินนี้ เจ้าไม่ขาดทุน”
……
ฉินซื่อเสวียเดินเร็วไปตลอดทาง เงาร่างเพรียวบางบนถนนหายไปอย่างรวดเร็ว
ในไม่ช้านางก็ปรากฏตัวนอกจวนเฉิงเซี่ยง ส่งสัญญาณให้จื่อซูไปเคาะห่วงประตูข้างหน้า
เมื่อมาถึงประตูวัง ที่นางตกลง “คำขอ” ของหยุนหว่านหนิงอย่างเกลียดชัง แต่กลับหาใครมาหารือด้วยไม่ได้ โม่หุยเฟิงอยู่ชายแดนที่ห่างไกล ฮองเฮาจ้าวไม่รู้แผนการของนางกับโม่หุยเฟิง
ดังนั้นเรื่องนี้ไม่สมควรที่จะบอกผู้อื่นชั่วคราว
ไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนแล้ว ก็มีเพียงต้องกลับบ้านฝ่ายแม่หารือกับท่านพ่อฉินเฉิงเซี่ยง
หลังจื่อซูเคาะห่วงประตูคนรับใช้ก็เปิดประตูอย่างรวดเร็ว
เห็นว่าคนที่อยู่นอกประตูคือฉินซื่อเสวีย จึงรีบเชิญนางเข้าด้วยความเคารพ
“พ่อข้าล่ะ”
ขณะนางเดินก็ถามขึ้น
คนรับใช้ก้มหน้าตอบ “ท่านเพิ่งไปเรือนคุณหนูรอง บอกว่าไปดูช่วงนี้คุณหนูรองการเรียนเป็นอย่างไรบ้างแล้วข้อรับ”
ฉินซื่อเสวียรู้สึกหดหู่ใจมากยิ่งขึ้น
หากบอกว่าทั้งชีวิตนี้ของนาง มีใครทำให้นางเกลียดชัง...
นอกจากหยุนหว่านหนิงแล้ว ก็เป็นน้องสาวแท้ ๆ ของนางฉินเย่วหลิ่ว
ฉินซื่อเสวียเชี่ยวชาญดีดพิณ เต้นรำ ก็เป็นฉินเฉิงเซี่ยงสั่งให้นางขยันหมั่นเพียรฝึกฝนออกมา เพียงเพื่อให้โดดเด่นท่ามกลางสตรีชนชั้นสูงมากมายในเมืองหลวง
ความเป็นจริงยืนยันว่านางต้องแต่งงานกับราชวงศ์ กลายเป็นที่อิจฉาของสตรีชนชั้นสูงไม่น้อย
แต่คนที่ฉินเฉิงเซี่ยงต้องการบ่มเพาะจริง ๆ ...เป็นฉินเย่วหลิ่ว
ฉินเฉิงเซี่ยงอลรมสั่งสอนด้วยตัวเอง ฉินเย่วหลิ่วมีความเชี่ยวชาญในพิณหมากอักษรภาพ ปกติก็ยิ่งเก็บเนื้อเก็บตัว เป็นสตรีชนชั้นสูงที่มีชื่อเสียงสมจริงดังคำเล่าลือ!
บางทีสำหรับฉินเฉิงเซี่ยงแล้ว ฉินเย่วหลิ่วเป็นเพียงไพ่ตายในมือของเขา
และฉินซื่อเสวียอย่างนาง เป็นเพียงแค่เบี้ยตัวหนึ่ง!
คิดถึงตรงนี้ ความเกลียดชังลุกโชนอยู่ในใจอย่างบ้าคลั่ง
ความโกรธได้รับตรงประตูวังในวันนี้ เป็นแรงกระตุ้นในตอนนี้...ใต้การโจมตีที่หนักหน่วงสองครั้งนี้ นัยน์ตาของฉินซื่อเสวียมืดมัว ทั้งร่างล้มลงไปกับพื้น!
นางสลบไปแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อนงค์ใจพระชายาราชสีห์
นิยายสนุก แต่ช่วยมาลงต่อให้จบได้ไหมคะ...
อัพใหม่เถอะค่ะ...
เมื่อไรจะอัพเพิ่มคะ ฮือ รอนานมากแล้วววว...
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 353 - 430 หายไปไหน หายยาววววมากกกก...
รอตอนต่อไปจ้า...
สนุกดีอ่านแล้วขำ 555...