อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ นิยาย บท 162

โม่เยว่พกพาความรู้สึกกระวนกระวายเข้ามาในตำหนักฉินเจิ้ง

ตลอดระยะเวลาการประชุมราชการเช้า โม่จงหรานไม่ได้พูดถึงเรื่องการตัดหัวของหลิวต้าเหวินเลย หัวใจของโม่เยว่ค่อย ๆ จมดิ่งลงไปทุกขณะ นึกสงสัยว่าหรือซ่งจื่ออวี๋คนนี้จะทำได้แค่คุยโม้โอ้อวดไปอย่างนั้นเอง

คิดไม่ถึงว่าพอดำเนินไปถึงช่วงท้ายของการประชุมเช้า จู่ ๆ โม่จงหรานก็พูดขึ้นมาว่า "ช่วงนี้หลิวต้าเหวินเป็นอย่างไรบ้างแล้วล่ะ?"

เจ้ากรมอาญาเฉินกั่ว รีบก้าวเท้าขึ้นมาตอบคำถามทันที

“ทูลฝ่าบาท ตอนแรกหลิวต้าเหวินยังทำเป็นแกล้งตาย ต่อมาหลังจากที่กระหม่อมทำการเค้นสอบปากคำ ถึงยอมสารภาพทุกอย่างออกมาจนหมดเปลือก ตอนนี้ยังถูกคุมขังอยู่ในคุกหลวง ไม่มีคำสั่งของฝ่าบาท กระหม่อมไม่กล้าลงโทษเขาตามใจชอบพ่ะย่ะค่ะ "

แม้ว่าหลิวต้าเหวินจะถูกส่งตัวเข้าคุกหลวง แต่ถึงอย่างไรเขาก็เป็นชินเทียนเจี้ยนที่โม่จงหรานให้ความสำคัญที่สุดในอดีต

เขาไม่มีคำสั่ง กรมอาญาก็ย่อมไม่กล้าลงโทษเขาตามอำเภอใจ

“คนที่ถูกส่งเข้าคุกหลวงล้วนเป็นคนที่สมควรตายทั้งนั้น มีอะไรไม่กล้า?”

โม่จงหรานแค่นเสียงเย็นชาขึ้นมาเสียงหนึ่ง "ข้าปล่อยให้เขามีชีวิตอยู่ต่อได้อีกตั้งหลายวันขนาดนี้ ก็นับว่าเป็นเมตตาอันยิ่งใหญ่ที่ข้ามอบให้แล้วล่ะ! ไม่จำเป็นต้องเก็บไว้อีกแล้ว วันนี้ยามอู่ให้นำตัวไปตัดหัวทิ้งซะ!"

“กระหม่อมน้อมรับพระบัญชา”

เฉินกั่วรีบน้อมรับพระบัญชา

เหล่าขุนนางต่างหันมองหน้ากันด้วยความตกตะลึง ไม่มีใครคิดว่าจู่ ๆ โม่จงหรานจะสั่งประหารหลิวต้าเหวินในเวลานี้

มีเพียงโม่เยว่ ที่ฝืนพยายามระงับความตื่นตระหนกในใจลงไปเงียบ ๆ

เดิมทีเขายังคิดอยู่ว่า ซ่งจื่ออวี๋คงจะแค่คุยโม้โอ้อวดไปอย่างนั้น

แต่พัฒนาการของเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ กระทั่งคำพูดที่โม่จงหรานเอ่ยออกมา มันแทบจะเหมือนกันกับที่ซ่งจื่ออวี๋ทำนายไว้ทุกประการ!

ยังมีฤกษ์ยามที่สั่งประหารหลิวต้าเหวิน ก็เกือบจะตรงกับฤกษ์ยามที่ซ่งจื่ออวี๋ทำนายไว้ไม่มีผิด!

ซ่งจื่ออวี๋คนนี้.....

แววตาของโม่เยว่มืดทะมึนลงไปเล็กน้อย

ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่น ก็มีความเป็นไปได้ว่าอาจถูกติดสินบนเพื่อซื้อใจล่วงหน้า แต่คนคนนี้คือโม่จงหรานเชียวนะ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องติดสินบนเพื่อจะซื้อใจใด ๆ หรอก แค่จนถึงตอนนี้ ซ่งจื่ออวี๋ยังไม่เคยได้พบเขามาก่อนเลยด้วยซ้ำกระมัง?

ใครกันจะสามารถควบคุมจิตใจของโม่จงหรานได้?

ใครกันจะกล้าควบคุม? !

นอกเสียจากว่าซ่งจื่ออวี๋คนนี้จะมีความสามารถจริง ๆ ไม่เหมือนกับหลิวต้าเหวินที่ทำได้แค่ใช้เล่ห์เพทุบาย หาเรื่องแถเพื่อให้ตัวเองผ่านด่านเคราะห์ได้ไปวัน ๆ ....

โม่เย่วคิดถึงความเป็นไปได้อื่นใดไม่ออกแล้วจริง ๆ !

ในใจเขาเวลานี้รู้สึกซับซ้อนสับสนมาก

เขาไม่นึกสงสัยในสิ่งที่หยุนหว่านหนิงพูดอีกต่อไปแล้ว ทั้งยังมีความเข้าใจใหม่ ๆ เกี่ยวกับความสามารถของนางขึ้นมาหลายส่วน

ผู้หญิงคนนี้สรุปแล้ว นางสามารถตามหาเสวียนซันเซียนเซิงจนพบได้อย่างไรกันแน่นะ?

แล้วนางพูดจาโน้มน้าวเสวียนซันเซียนเซิงอย่างไร? จนเขายอมให้ซ่งจื่ออวี๋คนนี้ลงจากภูเขามาช่วยงานพวกเขา?!

นาง.....ทุ่มเทแรงกายแรงใจเพื่อเขาจริง ๆน่ะหรือ!

หลังประชุมเช้า โม่เยว่ไม่ได้รอดูหลิวต้าเหวินถูกนำตัวออกมาประหารเหมือนพวกขุนนางคนอื่น ๆ แต่เดินตรงไปยังประตูพระราชวัง ใจก็คิดว่าอยากจะกลับจวนอ๋องหมิงเพื่อไปคุยกับหยุนหว่านหนิง

คิดไม่ถึงว่าเพิ่งจะเดินออกจากประตูเสวียนอู่ ก็ถูกหลี่หมัวมัวเข้ามาหยุดไว้

บอกว่าเต๋อเฟยมีเรื่องด่วน จึงขอเชิญเขาไปหารือด้วยสักหน่อย

"เรื่องอะไรรึ? ข้ามีเรื่องด่วนต้องรีบกลับจวนเหมือนกัน"

เขาไม่อยากไป

หลี่หมัวมัวก็รู้นิสัยใจคอของท่านอ๋องผู้นี้เช่นกัน จึงไม่กล้าเชื้อเชิญด้วยท่าทีแข็งกร้าว นางทำได้แค่ยิ้มแย้มพลางพูดว่า "ท่านอ๋อง เต๋อเฟยบอกว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เลยเจ้าค่ะ"

“ขอท่านอ๋องได้โปรดไปที่นั่นสักครั้งเถิด”

เมื่อเห็นว่าสีหน้าของโม่เยว่ดูจะร้อนใจมากจริง ๆ นางก็รีบเสริมขึ้นมาอีกประโยคว่า "แต่เต๋อเฟยก็บอกด้วยว่า คงไม่รบกวนเวลาของท่านอ๋องให้ล่าช้าอะไรมากมายเจ้าค่ะ"

โม่เยว่เองก็จนใจ ทำได้แค่ต้องไปที่ตำหนักหย่งโซ่ว

แต่เขาไม่มีทางเดาถูกเด็ดขาด ว่าเต๋อเฟยจะเรียกเขาให้มาหาเพราะหยุนหว่านหนิง

"เยว่เอ๋อร์ ข้าได้ยินมาว่าเมื่อวานนี้หยุนหว่านหนิงพาไอ้หนุ่มหน้าขาวคนหนึ่งกลับมาที่จวนด้วยรึ?"

เต๋อเฟยมีสีหน้าดุร้าย “เจ้าปล่อยให้นางทำตัวเหลวไหลเช่นนี้เชียวหรือ?!”

"ข้ารู้อยู่แล้วเชียว ว่าเหตุผลที่นางหนีออกจากบ้านไปอยู่บ้านตระกูลกู้ ก็เพราะหมายจะชุบเลี้ยงไอ้หนุ่มหน้าขาว! ทุกวันนางออกไปแต่เช้ากว่าจะกลับก็ค่ำมืด ทั้งยังกล้าเถียงข้าคอเป็นเอ็นอีก!"

เต๋อเฟยโกรธมาก ทำท่าจะสั่งให้คนไปลากตัวหยุนหว่านหนิงเข้าวังมา เพื่อสั่งลงโทษโบยตีด้วยไม้กระดาน

ใครจะรู้ กลับถูกโม่เยว่หยุดไว้ทันที

“ท่านแม่ ท่านเข้าใจหนิงเอ๋อร์ผิดแล้ว”

ครั้งนี้ เขาปกป้องหยุนหว่านหนิงอย่างจริงใจไร้ข้อกังขาใด ๆ ทั้งสิ้น

เขาขมวดคิ้ว แล้วพูดด้วยน้ำเสียงหนักอึ้งว่า "หนิงเอ๋อร์ไม่ได้เป็นอย่างที่ท่านคิด ตลอดหลายปีมานี้พวกเราต่างเข้าใจนางผิด หวังว่าหลังจากนี้ไป ท่านแม่จะดีกับนางให้มาก"

เต๋อเฟยถึงกับตกตะลึงไปชั่วขณะ

"เจ้าว่าอะไรนะ?"

เพราะคำพูดประโยคนี้เอง ทำให้โม่หุยเฟิงโกรธจนใจเจ็บไปหมด สุดท้ายก็ล้มป่วยไปจริง ๆ!

โม่จงหรานไม่เพียงไม่เป็นห่วง แต่ยังซ้ำเติมด้วยการหักเงินเดือนของเขาไปจนหมด อาจกล่าวได้ว่าจวนอ๋องหยิงช่วงนี้ ไม่มีรายได้เข้ามาเลยแม้แต่เศษเสี้ยว

ต่อให้มีฮองเฮาจ้าวคอยช่วยเหลือเจือจุนอยู่ แต่เพราะในจวนมีคนอยู่หลายสิบชีวิต จึงไม่ต่างอะไรกับเอาน้ำแก้วเดียว ไปดับไฟที่กำลังโหมไหม้ฟืนในเกวียนคันหนึ่ง 

เข้าทำนองที่ว่าหลังคาบ้านรั่วไม่พอ ยังถูกฝนตกกระหน่ำใส่ทั้งคืนอีก (*เป็นสำนวนจีนที่หมายถึงคนที่ต้องเผชิญกับความทุกข์ยากซ้ำซ้อน เพราะเนื่องจากบ้านหลังคารั่วไม่พอ ฝนยังตกลงมาใส่จนบ้านเปียกมีแต่น้ำขังเจิ่งนองไปหมด)

กิจการของร้านค้าหลายแห่งในจวนอ๋องหยิง ก็ดิ่งลงฮวบ ๆ อย่างน่าใจหายเช่นกัน กระทั่งค่าเช่าก็ยังไม่สามารถจ่ายได้แล้วด้วยซ้ำ

ซึ่งนี่ทำให้จวนอ๋องหยิงที่เดิมทีก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไร ยิ่งถูกเคราะห์ซ้ำกรรมซัดจนยิ่งย่ำแย่ลงไปอีก!

วันนี้ มีสมุนที่ทำงานเป็นเขี้ยวเล็บให้เขาจำนวนหนึ่ง  กลับมารายงานข่าวว่าหลิวต้าเหวินถูกสั่งตัดหัวในยามอู่

โม่ฮุ่ยเฟิงถูกทำให้ตกใจมากจนหัวใจเต้นผิดจังหวะ ถึงกับหงายหลังสลบเหมือดไปเลยตรง ๆ

พอตื่นขึ้นมา ก็เห็นฉินซื่อเสวียมาเฝ้าอยู่ข้างเตียง ส่งเสียงร้องไห้เบา ๆ

ในช่วงหลายเดือนมานี้ นางเอาแต่ร้องไห้ทั้งวันทั้งคืน ร้องแบบน้ำตาไม่เคยหยุดไหลเลยสักวัน เมื่อหลายวันก่อนบังเอิญตรงกับช่วงอยู่เดือนพอดี นางร้องไห้จนดวงตาเริ่มมีปัญหา ตอนนี้ไม่ว่ามองใครก็จะดูพร่ามัวเลือนลางเล็กน้อย

เมื่อได้ยินเสียงร้องไห้ของนาง โม่หุยเฟิงก็รู้สึกเหลืออดขึ้นมาทันที

“ข้ายังไม่ตายนะ! จะร้องไห้ทำไมนักหนา?!”

เขาจ้องมองนางอย่างดุร้าย "นังผู้หญิงโง่เง่าไร้สมอง! ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้า ข้ามีหรือจะตกอับลงมาจนถึงขั้นนี้ได้?"

"ข้าเห็นเจ้าแล้วขยะแขยงนัก! ยังไม่รีบไสหัวออกไปอีก?!"

ฉินซื่อเสวียถูกทำให้ตกใจกลัวจนตัวสั่นงันงก รีบลุกขึ้นแล้วเดินออกไปทันที

หลังเดินพ้นออกจากประตูมา นางก็ไปยืนพิงเสาด้วยร่างกายที่ยังสั่นเทาไม่หาย มือที่กำแน่นของนางค่อย ๆ คลายออก กลางฝ่ามือถูกเล็บจิกจนมีเลือดไหลออกมาไม่หยุด

“พระชายา ท่านเป็นอะไรหรือไม่?”

จื่อซูเห็นว่าสีหน้าของนางซีดเซียวมาก ก็เข้ามาประคองอย่างเป็นห่วง "นับตั้งแต่อยู่เดือนเป็นต้นมาท่านก็เอาแต่ฝืนร่างกายมาโดยตลอด นี่ท่านต้องฝืนทนต่อไปอีกนานแค่ไหนเจ้าคะ?"

"ท่านแท้งลูกไปอย่างกระทันหัน เดิมทีก็...."

"ชู่!"

ฉินซื่อเสวียยกนิ้วขึ้นมาทำสัญญาณให้เงียบ "อย่าพูดถึงเรื่องนั้นอีกเลยน่า กลับห้องแล้วค่อยพูดกัน"

นางมองอย่างระแวดระวังที่ประตูที่ปิดสนิทอยู่ข้างหลังนาง ก่อนจะรีบเดินลงบันไดไปอย่างรวดเร็ว

ตอนแรกที่นางลอบขโมยป้ายคำสั่ง เอาชีวิตของเด็กในท้องมาเป็นเดิมพัน แท้จริงแล้วยังมีความลับอื่นที่ซ่อนอยู่อีก......

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อนงค์ใจพระชายาราชสีห์