อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ นิยาย บท 170

เช้าวันรุ่งขึ้น หยุนหว่านหนิงก็ถูกเต๋อเฟยเชิญเข้าวัง

น้ำค้างยามเช้าในฤดูร้อน กำลังเหมาะต่อการเก็บเอาบางส่วนมาใช้ชงชา หรือนำมาผสมเป็นยาพอดี เดิมทีนางกำลังเก็บน้ำค้างอยู่ในสวนหลังบ้าน ก็ถูกหลี่หมัวมัวเข้ามาเชิญออกไปเสียก่อน

ระหว่างทาง หลี่หมัวมัวพูดเตือนนางไม่หยุด

หยุนหว่านหนิงก็รู้ดีว่า ยังไงก็เกี่ยวกับเรื่องของสิ่งที่นางเรียกว่า "ไอ้หนุ่มหน้าขาว" แน่นอน เต๋อเฟยไม่ยอมปล่อยนางไปง่าย ๆ

นางนึกเย้ยหยันในใจ

นางกับโม่เยว่ เคยร่วมมือกันฉีกทึ้งหนังหน้าของนางมาแล้วครั้งหนึ่ง

มาตอนนี้โม่เยว่เองก็รู้ว่า นางไม่ได้เป็นลูกพลับนิ่มอย่างที่นางเคยเป็น ที่จะยอมให้ใครต่อใครมาบีบคั้น หรือเหยียบย่ำได้ตามอำเภอใจอีกต่อไปแล้ว ไอ้ผู้ชายนิสัยหมาคนนั้นพออยู่ต่อหน้านาง บรรดานิสัยแย่ ๆ ทั้งหลายก็ยังเปลี่ยนไปมากทีเดียว

แต่เต๋อเฟยคนนี้ ยังคงทำให้นางลำบากใจไม่เปลี่ยน.....

แล้วนางเองก็ไม่ใช่แม่พระที่ไม่ตอบโต้คนซะด้วย!

นางก้มหัวอ่อนน้อมมาให้กว่าครึ่งปีแล้ว จนตอนนี้นางไม่อยากทนอีกต่อไปแล้ว!

เกิดมาเป็นคนเหมือนกันแท้ ๆ อาศัยอะไรถึงให้นางต้องเป็นฝ่ายทนรับความน้อยเนื้อต่ำใจทุกที?

หลังจากเข้ามาในตำหนักหย่งโซ่ว เต๋อเฟยกลับไม่ได้ชักสีหน้า แต่กล่าวทักทายพลางเชิญให้นางนั่งลงด้วยท่าทางที่ไม่ได้ถึงกับเย็นชา แต่ก็ไม่ถึงกับกระตือรือร้นนัก

หลังจากเซี่ยอิ่วยกชาขึ้นโต๊ะเสร็จ เต๋อเฟยก็พูดด้วยท่าทางไม่รีบไม่ร้อนว่า "ได้ยินมาว่าแม่ทัพถง ติดตามแม่ทัพโจวเดินทางไปชายแดนพร้อมกัน เห็นว่าไปครั้งนี้ต้องใช้เวลาหลายเดือนเลยทีเดียว"

“เมื่อไม่กี่วันก่อน ฮูหยินถงได้เลี้ยงดูคณิกาชายไว้ในจวน เจ้าพอจะเคยได้ยินเรื่องนี้มาบ้างหรือไม่?”

นางหันหน้าไปมองหยุนหว่านหนิง สายตามีแววคล้ายหยั่งเชิง

เพราะมีคำเตือนล่วงหน้าของหลี่หมัวมัวที่บอกกล่าวกันไว้ก่อน อีกทั้งเจตนาในการหยั่งเชิงของเต๋อเฟยก็ชัดเจนมากขนาดนี้ ทำไมหยุนหว่านหนิงจะเดาความตั้งใจของนางไม่ออก?

“ท่านแม่พูดเรื่องพวกนี้กับข้าทำไมรึ?”

นางถามกลับ

“เจ้าอย่าได้กังวลไป ที่ข้าเรียกเจ้ามาวันนี้ ก็เพราะแค่อยากจะคุยเรื่องสัพเพเหระกับเจ้าเท่านั้นเอง”

เต๋อเฟยยกยิ้มเล็กน้อย “ถึงอย่างไรข้ากับเจ้าก็เป็นแม่ผัวลูกสะใภ้กัน แล้วความสัมพันธ์ระหว่างแม่ผัวลูกสะใภ้ของพวกเรา ก็สู้ความสัมพันธ์ระหว่างแม่ผัวลูกสะใภ้สามคนของทางฝั่งฮองเฮาไม่ได้ ดังนั้นข้าจึงคิดว่า ควรจะปรับปรุงความสัมพันธ์ที่มีต่อเจ้าให้มันดีขึ้นกว่านี้"

"เพื่อป้องกันไม่ให้เยว่เอ๋อร์ต้องลำบากใจ เพราะต้องกลายเป็นคนที่ถูกหนีบไว้ตรงกลาง"

เรื่องสัพเพเหระ?

นี่คิดว่านางโง่มากจริง ๆ สินะ?

หยุนหว่านหนิงเยาะเย้ยอยู่ในใจ แต่สีหน้ายังคงสงบนิ่งดูไม่แยแส "ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง!"

“เมื่อครู่ท่านแม่ถามว่า ข้าพอจะรู้เรื่องนี้หรือไม่สินะเจ้าคะ?”

"อื้ม"

“ข้าไม่รู้หรอกเจ้าค่ะ”

หยุนหว่านหนิงตอบอย่างตรงไปตรงมา "ท่านแม่คงจะไม่ค่อยรู้จักนิสัยของข้านัก แต่ไหนแต่ไรมาข้าไม่เคยเป็นคนที่ชอบซุบซุบนินทาเรื่องชาวบ้าน เรื่องในจวนของคนอื่นประเภทนี้ ข้าไม่อยากไปสอดรู้สอดเห็นนักหรอก"

“เพื่อไม่ให้ลงเอยด้วยการถูกใครต่อใครขนานนามว่า เป็นพวกปากยื่นปากยาวชอบซุบซิบนินทา!”

สีหน้าของเต๋อเฟยถึงกับแข็งค้าง

นังผู้หญิงปากหมานี่ ตีวัวกระทบคราดด้วยการด่านางว่าเป็นพวกปากยื่นปากยาว ชอบซุบซิบนินทาเรื่องชาวบ้านอย่างนั้นรึ?!

นางต้องใจเย็นเข้าไว้!

แต่นังผู้หญิงปากหมานี่มันแค่พูดลอย ๆ ไม่ได้เอ่ยชื่อเสียงเรียงนามออกมา นางจะกินปูนร้อนท้องออกตัวรับไม่ได้เด็ดขาด

เต๋อเฟยแสร้งทำเป็นสงบนิ่ง แต่ปลายนิ้วที่สั่นเทิ้มไม่หยุด กลับทรยศต่อความพยายามฝืนอดกลั้นไฟโทสะที่อัดแน่นจนเต็มหัวใจของนาง "สิ่งที่เจ้าพูดมามันก็มีเหตุผล! แต่เรื่องนี้มันแพร่กระจายออกไปจนทั่วเมืองหลวงแล้ว ตอนนี้ใครต่อใครต่างก็รู้กันหมด"

“ต่อให้เจ้าไม่คิดจะถามไถ่ให้รู้ความ ก็ยังได้ยินอยู่บ้างไม่มากก็น้อย”

“ช่วงหลายวันมานี้ข้ายุ่งมากจริง ๆ ไม่มีเวลาฟังเรื่องซุบซิบนินทาหรอกเจ้าค่ะ”

หยุนหว่านหนิงเหมือนตั้งใจจะกวนโมโหอีกฝ่าย ให้โกรธจนสำลักกระอักไออยู่หลายส่วน

วันนี้นางเป็นเหมือนเม่นตัวหนึ่งก็ไม่ปาน

พอเห็นเต๋อเฟยที่ดูยังไงก็ขัดนัยน์ตาไปหมด เลยจงใจสะบัดหนามแทงใส่นางสักแผลสองแผล

เต๋อเฟยวางถ้วยชาลง "ไม่ใช่ว่าข้าก็บอกเจ้าอยู่นี่หรอกรึ? เจ้าคิดอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องที่ฮูหยินถงเลี้ยงดูคณิกาชายไว้? เจ้ามีความคิดเห็นอะไรบ้างหรือไม่?"

"ไม่มีเจ้าค่ะ"

หยุนหว่านหนิงส่ายหน้า

เต๋อเฟย: "......เจ้าไม่รู้สึกว่า นางไม่ประพฤติตัวตามกรอบจริยธรรมอันดี เป็นผู้หญิงสำส่อนใจง่าย หรือทำตัวน่าละอายบ้างเลยรึ?"

"ไม่รู้สึกเจ้าค่ะ"

หยุนหว่านหนิงยังคงส่ายหน้าต่อรัว ๆ

เต๋อเฟยโกรธจนขนชี้ชันแล้วตอนนี้ "หยุนหว่านหนิง! นี่เจ้าทำท่าทางอะไรใส่ข้ากัน?!"

“เจ้าพูดจาบัดสีบัดเถลิงอะไรออกมา?! เป็นผู้หญิงแท้ ๆ แต่กลับไม่รู้จักรักเดียวใจเดียวต่อสามี แบบนี้มันสมควรถูกจับโยนไปขังไว้ในคอกหมู! เจ้ายังถึงกับเห็นดีเห็นงามกับสิ่งที่ฮูหยินถงทำอีก หรือเจ้าเองก็มีความคิดแบบเดียวกับนางใช่หรือไม่?!"

เมื่อเห็นว่านางโกรธจนตบโต๊ะผาง ๆ หยุนหว่านหนิงก็ไม่แสดงอาการขลาดกลัวแต่อย่างใด

“ท่านแม่จะตื่นเต้นอะไรเจ้าคะ?”

นางมองเต๋อเฟยเหมือนยิ้มเหมือนไม่ยิ้ม "อะไรคือเลี้ยงดูคณิกาชาย?"

“เสด็จพ่อ เกิดเรื่องไม่น่าเชื่อขึ้นแล้วเพคะ!”

นางทำหน้าตาแตกตื่นเกินจริง หันไปมองซูปิ่งซ่านด้วยท่าทางเคร่งเครียด

โม่จงหรานเข้าใจได้ทันที ว่านางมีเรื่องบางอย่างที่จะพูด

เขาจึงขยิบตาส่งสัญญาณไปให้ซูปิ่งซ่าน "ถอยออกไปก่อน"

ซูปิ่งซ่านถวายบังคมแล้วถอยออกไป ทั้งยังพาขันทีน้อยแซ่เหลียงที่เฝ้าอยู่หน้าประตูออกไปด้วย

“ว่ามา มีเรื่องอะไรอีกล่ะ?”

โม่จงหรานวางฏีกาลงแล้วมองไปที่นาง

“เสด็จพ่อ ท่านต้องควบคุมท่านแม่เต๋อเฟยให้ดีนะเพคะ!”

หยุนหว่านหนิงพุ่งถลาเข้ามาจนใกล้ ก่อนจะพูดด้วยท่าทางลึกลับว่า "หม่อมฉันได้ยินมาว่า ท่านแม่เกิดต้องตารูปโฉมของซ่งจื่ออวี๋เข้า ตอนนี้นางกำลังพลิกแผ่นดิน ส่งคนไปสืบเสาะสอบถามข่าวคราวทุกอย่างของซ่งจื่ออวี๋อยู่เพคะ!"

โม่จงหรานถึงกับตกตะลึงไปชั่วขณะ

สาเหตุเป็นเพราะ ข่าวนี้มันช่าง......ฟังดูแล้วออกจะน่าเหลือเชื่อเกินไปหน่อยจริง ๆ!

"เจ้าว่าอะไรนะ?!"

เต๋อเฟยติดตามรับใช้เขามานานหลายปี สถานะของนางในวังหลังเป็นรองก็แต่เพียงฮองเฮาจ้าวคนเดียวเท่านั้น

หลายปีมานี้ เขารักใคร่เอ็นดูนางเป็นพิเศษ ทั้งสองต่างมีความผูกพันลึกซึ้งต่อกัน

แต่มาตอนนี้ หยุนหว่านหนิงกลับบอกว่า เต๋อเฟยเกิดต้องตารูปโฉมของซ่งจื่ออวี๋เข้าแล้ว? !

อายุของสองคนนี้ น่าจะต่างกันราว ๆ ยี่สิบกว่าปีได้เลยกระมัง?

เต๋อเฟยถึงกับเป็นแม่ของซ่งจื่ออวี๋ได้เลยด้วยซ้ำ!

“ช่างเป็นเรื่องที่เหลวไหลไร้สาระสิ้นดี! หยุนหว่านหนิง นี่เจ้ารนหาที่ตายอย่างนั้นรึ? เชื่อหรือไม่ว่าข้าจะสั่งให้คนมาดึงลิ้นของเจ้าทิ้ง?!”

โม่จงหรานโกรธจัด

“เสด็จพ่อโปรดระงับโทสะด้วย ที่หม่อมฉันพูดมาล้วนเป็นความจริงนะเพคะ!”

หยุนหว่านหนิงรีบแก้ตัวเป็นพัลวัน "หากเสด็จพ่อไม่เชื่อ ท่านสามารถสั่งให้คนไปสอบถามเรื่องนี้ดูก็ได้นะเพคะ ว่าท่านแม่พลิกแผ่นดินสืบหาข่าวคราวของซ่งจื่ออวี๋จริง ๆ หรือไม่!"

โม่จงหรานถึงกับลังเลไปครู่หนึ่ง

แต่เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางที่พร้อมจะสาบถสาบานของหยุนหว่านหนิง ก็ดูเหมือนว่านางจะไม่ได้โกหกจริง ๆ จึงสั่งให้ซูปิ่งซ่านไปตรวจสอบเรื่องนี้ทันที

เพียงไม่นาน ซูปิ่งซ่านก็นำ "ข่าวร้าย" ที่ "น่าอัปยศอดสู" ข่าวหนึ่งกลับมารายงาน......

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อนงค์ใจพระชายาราชสีห์