โม่จงหรานไม่ได้ระบุว่าให้ขุนนางท่านไหนไปดูพืชผล โม่หุยเหยียนที่อยู่ใกล้เขามากที่สุดจึงรับบัญชาไป
เมื่อถึงสถานที่เพาะปลูก โม่หุยเหยียนก็ตะลึงงัน
ที่เพาะปลูกที่ถูกแช่น้ำจนเน่าเสียในทีแรก กลับฟื้นคืนชีพในยามนี้
แถมยัง เขียวขจี!
ไม่เห็นภาพเน่าเละแม้แต่น้อย ในทางกลับกัน กลับเป็นสภาพที่ฤดูกาลนี้ควรมี หยาดน้ำฝนบนยอดอ่อนกำลังหมุนเคลื่อนทอประกายอยู่ภายใต้แสงแดด
ขณะที่ถูกแช่อยู่ในน้ำ ยอดอ่อนเหล่านี้พึ่งแตกยอดออกมาก็เน่าอยู่ในน้ำแล้ว
แต่ตอนนี้ ยอดอ่อนบางยอดยังมีเม็ดข้าวออกมาด้วย!
อย่างมากอีกหนึ่งเดือนก็เก็บเกี่ยวได้แล้ว!
ราวกับสองสามเดือนนี้ พวกมันเจริญเติบโตตามปกติ ไม่เคยเน่ามาก่อน!
“นี่...”
จะมหัศจรรย์เกินไปแล้วกระมัง!
โม่หุยเหยียนมองรวงข้าวในนาเหล่านั้นอย่างเหลือเชื่อ ขุนนางสองสามคนที่ตามมาอยู่ด้านหลังก็ตะลึงตาค้างด้วย!
หลังจากตรวจสอบรวงข้าวแล้ว โม่หุยเหยียนก็ตรวจสอบข้าวโพดอะไรอีก พบว่ามีลักษณะเหมือนกัน งอกงามดียิ่ง สามารถทำให้ประชาชนเก็บเกี่ยวได้ผลผลิตดี!
โม่หุยเหยียนไม่รู้ควรพูดอะไร จึงจะบอกความทึ่งในใจได้
เขากลับวังหลวงทันที รายงานโม่จงหราน
เมื่อได้ฟังการรายงานจากเขาแล้ว โม่จงหรานก็ยิ้มหน้าบานไม่หุบ!
อยู่นานจึงเอ่ยขึ้นอย่างอารมณ์ยังค้าง “ดั่งคาด จะบังเกิดปาฏิหาริย์!”
หลังจากให้ขุนนางทั้งหลายออกไป โม่จงหรานก็มองโม่เยว่ด้วยสีหน้าซับซ้อน “ซ่งจื่ออวี๋นั่น คือคนที่หว่านหนิงหามาจริงหรือ”
“พ่ะย่ะค่ะ เสด็จพ่อ”
โม่เยว่พยักหน้าอย่างจริงจัง
เขาจะไม่แย่งผลงานที่เป็นของหยุนหว่านหนิง
“นังเด็กนี่ เก่งกาจใหญ่แล้ว”
โม่จงหรานเอ่ยพึมพำ
เขารู้ว่าหยุนหว่านหนิงมีความสามารถอยู่บ้าง แต่อย่างไรก็คิดไม่ถึง ว่านางจะตามหาซ่งจื่ออวี๋ ลูกศิษย์ตัวจริงของเสวียนซันเซียงเซิงได้จริงๆ!
หากหยุนหว่านหนิงรู้จักแต่ก่อเรื่อง ไม่รู้จักเด็กไม่รู้จักผู้ใหญ่ล่วงเกินเบื้องสูง
เข้าก็คงจัดการนางไปนานแล้ว
แต่นางนอกจากก่อเรื่อง ไม่มีเหตุผลแล้ว ยังทำผลงานอีกไม่น้อย
ดังนั้นโม่จงหรานจึงโอนอ่อนกับนางเสมอมา
“วันนี้ นังเด็กนี่ทำผลงานใหญ่อีกแล้ว!”
โม่จงหรานมองโม่เยว่ด้วยสายตาหนัก “เจ้ากลับไป พานางมาพบข้าทันที!”
ไม่ถึงครึ่งชั่วยาม โม่เยว่ก็พาหยุนหว่านหนิงเข้าวัง
เพิ่งเข้าห้องทรงพระอักษร โม่จงหรานก็ลุกขึ้นมาต้อนรับ “หว่านหนิง วันนี้เจ้าทำผลงานใหญ่! ว่ามา อยากให้ข้าตกรางวัลเจ้าอย่างไร”
“เสด็จพ่อ ตกรางวัลอะไรเพคะ ตรัสเสียเหมือนคนนอกเหลือเกิน!”
หยุนหว่านหนิงคำนับเขา ยิ้มพลางโบกมือ “อีกอย่าง ซ่งจื่ออวี๋เป็นคนสร้างผลงานต่างหาก ไม่ใช่ลูกสักหน่อย”
“พูดเช่นนี้ เจ้าไม่อยากได้รางวัลหรือ”
“นั่นจะได้อย่างไร ก็ต้องเอารางวัลสิเพคะ”
หยุนหว่านหนิงหัวเราะแหะๆ “หนึ่งล้านตำลึงนั่น เสด็จพ่อว่า...”
โม่จงหรานทำหน้ารังเกียจทันที
เมื่อครู่ยังยิ้มอยู่เลย ความรวดเร็วในการเปลี่ยนสีหน้า แม้แต่หยุนหว่านหนิงยังต้องจุปากทึ่ง “เสด็จพ่อ ทำไมไม่แสดงงิ้วเปลี่ยนหน้าเสฉวนล่ะเพคะ น่าเสียดายผู้มีความสามารถอย่างพระองค์จริงๆ!”
“งิ้วเปลี่ยนหน้าเสฉวน?”
โม่จงหรานใคร่รู้
“เอาไว้วันหลังลูกจะแสดงให้พระองค์ทอดพระเนตรนะเพคะ!”
“ได้”
โม่จงหรานรับคำ “เรื่องหนึ่งล้านตำลึงนั่น ข้าอนุญาต! แต่เจ้าจะเอามาจากเจ้าสามอย่างไรนั้น ข้าไม่ยุ่งด้วย”
“เพคะ! ขอบพระทัยเสด็จพ่อ”
แค่เขารับปากก็พอ!
หนึ่งล้านตำลึง จาก ‘ผิดกฎหมาย’ ก็กลายเป็น ‘ถูกกฎหมายแล้ว’
ถึงตอนนั้นไม่ว่าจะใช้วิธีอะไร ขอแค่เอาเงินหนึ่งล้านตำลึงมาจากโม่หุยเฟิงได้ก็พอ
โม่จงหรานเห็นท่าทางมีความคิดของนางแล้วก็เดาออก น่ากลัวว่านังเด็กนี่จะคิดแผนชั่วร้ายอะไรอีกแล้ว...
แม้ไม่ได้บอกว่าจะลงโทษอย่างไร แต่แค่กักบริเวณเขา ก็ส่งผลกับเมืองหลวงแล้ว
โม่หุยเฟิงคือโอรสของฮองเฮาจ้าวตำหนักกลาง
แม้โม่หุยเยียนจะเป็นโอรสองค์โต แต่เขามีนิสัยอ่อนเปียก ไม่ได้รับความสำคัญจากโม่จงหรานและฮองเฮาจ้าว
กลับเป็นโม่หุยเฟิงที่หลายปีนี้ได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้และฮองเฮา
และเขาเองก็เอาถ่าน ก้าวหน้าทีละขั้นด้วยความสามารถของตนเอง จนในที่สุดก็ได้ค่ายห้าทัพ กลายเป็นผู้นำทัพในบรรดาอ๋องทั้งหลาย
แม้แต่ขุนนางในราชสำนักก็คิดมาตลอด ว่าโม่จงหรานต้องมอบบัลลังก์ให้เขาแน่
การที่โม่หุยเฟิงล้มในคราวนี้ เป็นเรื่องที่ขุนนางในราชสำนักคิดไม่ถึง
การกักตัวเขาอยู่ในจวนอ๋องหยิงคราวนี้ ไม่ว่าจะเป็นเมืองหลวงหรือราชสำนัก ก็เกิดเป็นคลื่นขนาดใหญ่โดยทั่ว
นอกจากโม่หุยเฟิงและฮองเฮาจ้าวแล้ว คนที่เดือดร้อนที่สุดกับเรื่องนี้ยังมีหยุนเจิ้นซงและหยุนธิงหลาน
หยุนเจิ้นซงมีบุตรสาวสองคน
คนหนึ่งคือหยุนหว่านหนิง ออกเรือนกับอ๋องหมิง
อีกคนคือหยุนธิงหลาน บัดนี้ยังคลุมเครือกับโม่หุยเฟิงอยู่
แต่ไหนมาหยุนเจิ้นซงมักลำเอียงไปทางหยุนธิงหลาน ระหว่างบุตรสาวสองคนนี้ เมื่อเลือกแล้ว ก็เท่ากับเลือกท่านอ๋องทั้งสองด้วย
แต่น่าเสียดายที่หยุนเจิ้นซงหัวขี้เลื่อย
เขากลับเลือกโม่หุยเฟิง
ครั้งนี้พอโม่หุยเฟิงเกิดเรื่องกะทันหัน หยุนเจิ้นซงก็อึ้งงันไป
จิตใจเขาร้อนเป็นไฟ กลัวว่าจวนยิ่งกั๋วกงจะพลอยเดือดร้อนไปด้วย
เขาสั่งให้หยุนธิงหลานตัดขาดกับโม่หุยเฟิง ถึงตอนนั้นเขาจะได้ไม่หลุดจากตำแหน่งยิ่งกั๋วกง
ทว่าหยุนธิงหลานก็มีความคิดของตนเองเช่นกัน
นางคิด อย่างไรเสียยิ่งกั๋วกงก็คือโอรสของฮองเฮา
ครั้งนี้ฮองเฮาจ้าวต้องไม่ปล่อยให้เป็นแบบนั้นแน่ ปล่อยให้โม่จงหรานลงโทษโม่หุยเฟิง ดังนั้นจึงตัดสินใจ จะ ‘ร่วมทุกข์ร่วมสุข’ กับโม่หุยเฟิง
ในอนาคตข้างหน้า รอให้โม่หุยเฟิงรอดจากสถานการณ์ครั้งนี้ไปแล้ว...
ฐานะนางในใจของเขาต้องมั่นคงแน่!
แต่น่าเสียดาย หยุนธิงหลานยังไม่ทันดำเนินการ ตัวเองก็มาเกิดเรื่องเสียก่อน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อนงค์ใจพระชายาราชสีห์
นิยายสนุก แต่ช่วยมาลงต่อให้จบได้ไหมคะ...
อัพใหม่เถอะค่ะ...
เมื่อไรจะอัพเพิ่มคะ ฮือ รอนานมากแล้วววว...
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 353 - 430 หายไปไหน หายยาววววมากกกก...
รอตอนต่อไปจ้า...
สนุกดีอ่านแล้วขำ 555...