ได้ยินมานานแล้วว่าพระชายาหมิงท่านนี้คือนางเสือดุร้าย อ๋องหมิงทำอะไรนางไม่ได้ ฝ่าบาทก็ไม่รู้จะทำอย่างไรกับนางเช่นกัน
ก่อนหน้านั้นมีฮองเฮา เต๋อเฟยเหนียงเหนียงและคนอื่นๆ ก็ถูกนางทำให้โมโหจนล้มป่วย
ต่อมาก็ซุนตาอิ้งที่ไปยั่วยุนางเข้า ไม่เพียงแค่ซุนต้าเฉียงพี่ชายของนางถูกปลด พระชายาหมิงยังทำลายตำหนักซีเยว่ไปเลยโดยตรง!
คนที่ดุร้ายและโหดเหี้ยมระดับนี้ ใครจะกล้ายั่วยุ? !
ทันทีที่หยุนหว่านหนิงเข้าใกล้ พ่อครัวหลวงทั้งสามคนก็คุกเข่าถอยหลังไปก้าวหนึ่งโดยสัญชาตญาณ
ได้ยินหยุนหว่านหนิงบอกให้พวกเขากินซุปข้นตับแกะ......
สีหน้าของพ่อครัวหลวงทั้งสามคนเปลี่ยนไปเล็กน้อย
ถึงแม้ว่าสีหน้าจะมีความเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย หยุนหว่านหนิงก็สามารถจับเอาไว้ได้สำเร็จ
นางยิ้มเล็กน้อย “กินสิ”
หลี่หมัวมัวยื่นช้อนให้
ทั้งสามคนจนใจ ได้แต่กินกันคนละสองสามคำ ซุปข้นตับแกะที่เย็นชืดไปแล้ว หมดลงไปอย่างรวดเร็ว ทั้งสามถึงได้วางช้อนลง เงยหน้าขึ้นมามองดูนางอย่างไม่เป็นสุข
เห็นพวกเขากินหมดเกลี้ยงแล้ว หยุนหว่านหนิงพอใจอย่างมาก
“หลี่หมัวมัว นำโจ๊กถั่วแดงลูกเดือยที่เสด็จแม่กินไม่หมดมาด้วย”
หลี่หมัวมัวยกโจ๊กถั่วแดงลูกเดือยออกมาทันที
หยุนหว่านหนิงยกคางขึ้นมาเล็กน้อย “พ่อครัวหลวงทั้งสามท่าน กินสิ”
“นี่......”
พ่อครัวหลวงจังที่เป็นผู้นำแสดงออกว่ายากที่จะเข้าใจได้ “ไม่ทราบว่าพระชายาหมิงกำลังทำอะไรอยู่?”
“ข้าเข้าใจพวกเจ้า ดึกๆดื่นๆยังต้องมาถูกโบยอีก ซุปข้นตับแกะกับโจ๊กถั่วแดงลูกเดือยมื้อนี้ ถือว่าเป็นรางวัลที่ข้ามอบให้พวกเจ้าแล้วกัน”
หยุนหว่านหนิงกอดอกเอาไว้ สีหน้าจริงใจ
พ่อครัวหลวงทั้งสามคนนี้ รู้แค่ว่าเต๋อเฟยถูกวางยาพิษเท่านั้น
แต่กลับไม่รู้ว่า เป็นเพราะซุปข้นตับแกะกับถั่วแดงข่มกัน ทำให้เกิดอาหารเป็นพิษขึ้นมา
ด้วยเหตุนี้ สำหรับคำพูดของหยุนหว่านหนิง ก็เลยไม่มีใครสงสัย
แต่ว่าการกระทำของนางแปลกประหลาดเช่นนี้.......พ่อครัวหลวงจังที่เป็นคนเจ้าเล่ห์ ก็อดที่จะได้กลิ่นของแผนร้ายขึ้นมาเล็กน้อยไม่ได้
เขาหยิบช้อนขึ้นมาอย่างลังเล แต่กลับไม่ส่งเข้าไปในปาก
กลับเป็นพ่อครัวหลวงเจี๋ยที่เป็นคนตรงไปตรงมา
คิดในใจว่าอาหารของเต๋อเฟยในวันนี้เขาเป็นคนลงมือทำด้วยตัวเองทั้งหมด ฝ่าบาทและคนอื่นๆจะต้องสงสัยอย่างแน่นอนว่า เขาแอบทำอะไรกับอาหารของเต๋อเฟยเหนียงเหนียง
เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง พ่อครัวหลวงเจี๋ยเริ่มกินคำใหญ่ขึ้นมาทันที
สายตาของหยุนหว่านหนิง หยุดอยู่ที่ใบหน้าของพ่อครัวหลวงหวง
“พ่อครัวหลวงหวง ทำไมท่านถึงไม่กินล่ะ?”
พ่อครัวหลวงหวงถือช้อนเอาไว้ สีหน้าดิ้นรนลังเล ในดวงตายังมีประกายความหวาดกลัว ตื่นตระหนกแวบขึ้นมา......สีหน้าท่าทางต่างๆผสมผสานอยู่ด้วยกัน ดึงดูดความสนใจของหยุนหว่านหนิงเอาไว้ได้สำเร็จ
“บ่าว บ่าว......”
มือที่ถือช้อนของพ่อครัวหลวงหวงอยู่กำลังสั่นเทา “พระชายาหมิง บ่าวไม่หิว”
“ไม่หิวก็ต้องกิน!”
หยุนหว่านหนิงเชิดคางขึ้นมา “หากท่านไม่กิน ข้าจะสั่งให้คนกรอกลงไปให้ท่าน!”
พ่อครัวหลวงจังที่อยู่ด้านข้างได้ยินคำพูดนี้ ก็รีบร้อนส่งโจ๊กถั่วแดงลูกเดือยเข้าไปในปากทันที
ถูกคนรับใช้ในวังกรอกใส่ปาก นั่นมันน่าขายหน้าขนาดไหน? !
ดีร้ายเขาก็เป็นมือหนึ่งของห้องเครื่อง......
เห็นพ่อครัวหลวงจังและพ่อครัวหลวงเจี๋ยเริ่มกินกันแล้ว พ่อครัวหลวงหวงรู้ว่าหากเขาไม่ยอมกิน จะต้องทำให้คนเกิดความสงสัยขึ้นมาอย่างแน่นอน หลังจากที่ลังเลอยู่นาน ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจได้
พ่อครัวหลวงหวงตักโจ๊กขึ้นมาหนึ่งช้อน ส่งเข้าปากช้าๆ......
แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่กล้ากินเข้าไป
มองดูท่าทางที่แปลกประหลาดของเขา สายตาของโม่จงหรานเคร่งขรึมลงมาเล็กน้อย
หยุนหว่านหนิงเตะเขาล้มไปบนพื้น “เจ้าชั่วเลวระยำหมาบังอาจยิ่งนัก! พูดมา เสด็จแม่ถูกพิษคือการกระทำของเจ้าใช่ไหม? !”
เมื่อครู่นี้นางยังยิ้มระรื่นอยู่เลย ชั่วพริบตาเดียวก็เปลี่ยนหน้าแล้ว
ความเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วนี้ แม้แต่โม่จงหรานก็ยังรู้สึกตกตะลึงเล็กน้อย
นังหนูคนนี้ ในเวลาปกติแสร้งทำเป็นไร้น้ำยาเพื่อหลอกให้ศัตรูตายใจจริงๆด้วย!
ลูกเตะเมื่อครู่นี้ ไม่เพียงทำให้พ่อครัวหลวงหวงล้มลงไปกับพื้นเท่านั้น ยังทำให้เขากระอักเลือดออกมาโดยตรง เห็นได้ว่าแรงกำลังของหยุนหว่านหนิง แข็งแกร่งแค่ไหนกันแน่!
โม่เยว่อดที่จะกุมหน้าอกเอาไว้ไม่ได้
ดีที่หลายคืนมานี้ นอนร่วมเตียงกับพวกเขาสองคนแม่ลูก หยุนหว่านหนิงไม่ได้เตะเขาในตอนกลางคืน
มิเช่นนั้นเขาไม่เพียงจะถูกเตะลงจากเตียง เกรงว่าคงจะถูกเตะจนกระอักเลือดแล้วมั้ง?
หยุนหว่านหนิงยิ้มออกมาในทันที “พ่อครัวหลวงหวง เจ้าต้องคิดให้ดีก่อนค่อยพูดออกมา”
“เจ้าวางแผนประทุษร้ายเสด็จแม่ เดิมทีก็สมควรตายอยู่แล้ว หากเพิ่มขึ้นมาอีกข้อ กล้าปั้นเรื่องใส่ร้ายว่าข้าใส่ร้ายป้ายสีเจ้า......ก็จะเพิ่มโทษขึ้นมาอีกขั้น บทลงโทษก็จะส่งผลกระทบไปถึงเก้าชั่วโคตรเชียวนะ!”
นางข่มขู่อย่างไม่แยแส
พ่อครัวหลวงหวงสีหน้าซีดขาว คำพูดวิงวอนขอความเมตตาอย่างไรก็ไม่สามารถพูดออกมาได้
ไม่ว่าจะเป็นคนไร้มโนธรรมขนาดไหน คนในครอบครัวก็เป็นจุดอ่อนของเขาเช่นกัน
นอกเสียจากว่า จะสูญสิ้นมโนธรรมทั้งหมดไปจริงๆ
แต่เห็นได้ชัดว่าพ่อครัวหลวงหวง ยังมีมโนธรรมหลงเหลืออยู่
เห็นว่าเขาหยุดพูดกะทันหันไม่กล้าพูดต่ออีก หยุนหว่านหนิงเย้ยหยันต่อไป “เจ้าจะเป็นคนอธิบายรายละเอียดปลีกย่อยของเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมาด้วยตัวเองดี? หรือว่าจะให้ข้าเฆี่ยนตีจนกว่าเจ้าจะพูดออกมาดีล่ะ?”
“ยังมีผู้สมรู้ร่วมคิดหรือไม่? แล้วใครเป็นคนบงการให้เจ้าวางแผนประทุษร้ายเสด็จแม่?”
พ่อครัวหลวงหวงไม่กล้าตอบ ก้มหน้าลงอย่างเร่งรีบและลนลาน หลบสายตาของหยุนหว่านหนิง
“เจ้าไม่พูด?”
หยุนหว่านหนิงหรี่ตาลงเล็กน้อย ในดวงตามีประกายแสงที่อันตรายแวบผ่านไป “เช่นนั้นก็อย่าโทษที่ข้าไม่เกรงใจก็แล้วกัน!”
“ทหาร! นำตัวคนในครอบครัวของพ่อครัวหลวงหวงมา แล้วโบยทีละคน ต่อหน้าเขา! จนกว่าเขาจะสารภาพมาตามความจริง!”
อย่าโทษที่นางโหดร้าย
อำนาจชี้เป็นชี้ตายอยู่ในมือผู้อื่น ตัวเองอยู่ในฐานะที่ถูกเชือด!
หากต้องการจะพลิกสถานการณ์ ก็จำเป็นจะต้องเป็นผู้กุมอำนาจ ไม่ใช่คนที่รอถูกเชือด!”
หยุนหว่านหนิงเป็นคนที่ถูกเชือดมาสิบกว่าปี สมควรแก่เวลาที่ต้องพลิกสถานการณ์แล้ว!”
พ่อครัวหลวงหวงอุทานด้วยความตกใจ “อย่านะ!”
ท้ายที่สุดก็ก้มหน้าลงอย่างสลดใจ “บ่าว ยินดีสารภาพ......”
สองพ่อลูกโม่จงหรานกับโม่เยว่ ถอนหายใจโล่งอกอย่างไม่แสดงออก สายตาที่มองไปทางหยุนหว่านหนิง ก็ยิ่งแฝงไปด้วยความซับซ้อนและประหลาดใจเล็กน้อย
หยุนหว่านหนิงเดินเข้ามาใกล้ มองดูพ่อครัวหลวงหวงจากที่สูง
“เจ้ากับเสด็จแม่ไม่มีความโกรธแค้นต่อกัน ยิ่งไม่กล้าวางแผนประทุษร้ายเสด็จแม่โดยพลการ จะต้องมีคนบงการให้เจ้าไปทำอย่างแน่นอน”
นางจ้องมองเขาอย่างเย็นชา “ใครเป็นผู้ที่บงการอยู่เบื้องหลัง? !”
พ่อครัวหลวงหวงสั่นเทาไปทั้งตัว “คือ คือ……”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อนงค์ใจพระชายาราชสีห์
นิยายสนุก แต่ช่วยมาลงต่อให้จบได้ไหมคะ...
อัพใหม่เถอะค่ะ...
เมื่อไรจะอัพเพิ่มคะ ฮือ รอนานมากแล้วววว...
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 353 - 430 หายไปไหน หายยาววววมากกกก...
รอตอนต่อไปจ้า...
สนุกดีอ่านแล้วขำ 555...