“เจ้ารู้สึกได้อย่างถูกต้อง ข้าเองก็คิดเช่นนั้น”
หรูเยียนพยักหน้า และแสดงท่าทีความเห็นด้วยกับคำพูดของหรูอวี้ “เจ้าคิดว่าผู้โชคร้ายคนต่อไปจะเป็นใคร?”
“เดาไม่ถูก พระชายาของเราสร้างศัตรูไว้มากเกินไป”
“เจ้าสองคนซุบซิบอะไรกัน?”
หยุนหว่านหนิงเหลือบมองพวกเขาอย่างไม่สบอารมณ์ “ยังไม่รีบไปจัดการอีก พรุ่งนี้เช้าพวกเราจะออกเดินทางกลับไปเมืองหลวง”
เพราะต้องกลับเมืองหลวงในวันรุ่งขึ้น
คืนนี้นางจึงตั้งใจทำหม้อไฟขนาดเล็กเป็นพิเศษ เพื่อให้ไทเฮากู้ได้กินอย่างสบายอกสบายใจ!
หลังจากหลับสนิททั้งคืน หยุนหว่านหนิงกกำลังจะพาหยวนเป่าออกเดินทาง
เมื่อเปรียบเทียบกับการขับไล่โม่จงหรานไปเมื่อไม่กี่วันก่อน วันนี้ไทเฮากู้รู้สึกอาลัยอาวรณ์มากจริงๆ......
ดึงมือของหยุนหว่านหนิงไปพลาง ดึงมือเล็กๆ ของหยวนเป่าไปพลาง นางสะอึกสะอื้นและกล่าวว่า “รอให้ข้าหายดีเสียก่อน แล้วข้าจะกลับวังไปหาพวกเจ้า”
“เดินทางอย่างระมัดระวังด้วย! ”
“เข้าใจแล้วเพคะ เสด็จย่า พระองค์ก็ดูแลตัวเองด้วย”
หยุนหว่านหนิงก็รู้สึกอาลัยอาวรณ์เช่นกัน
“พวกเจ้าก็ต้องดูแลตัวเองให้ดีๆ! จำไว้ว่าต้องปกป้องหยวนเป่าอันเป็นที่รักด้วย!”
“เข้าใจแล้วเพคะ เสด็จย่า”
“เอาข้าวของไปหมดแล้วหรือไม่? ไม่ลืมอะไรนะ?
“ไม่ลืมเพคะเสด็จย่า”
ไทเฮากู้พยักหน้า และอดไม่ได้ที่จะถามอีกครั้งว่า “ของเล่นของหยวนเป่า เอาไปหมดแล้วหรือไม่? ขนมและผลไม้ที่จะเอากินระหว่างทางเอาไปแล้วหรือ? ”
“เอาไปหมดแล้วเพคะเสด็จย่า”
หยุนหว่านหนิงมองไปบนรถม้าที่เต็มไปด้วยผลไม้ ของเล่น......และยิ้มอย่างช่วยไม่ได้
สิ่งเหล่านั้นล้วนเต็มไปด้วยความรักที่ไทเฮากู้มีต่อหลานคนนี้!
“เช่นนั้นก็ดี เช่นนั้นก็ดี”
ไทเฮากู้เช็ดน้ำตา “เดินทางปลอดภัย ไม่ต้องเร่งเดินทาง หยวนเป่าอันเป็นที่รักของข้าจะได้ไม่เหนื่อยล้า”
“เมื่อผ่านเขตเมืองก็พักผ่อนให้เพียงพอ ถึงอย่างไรพวกเจ้าก็ไม่ต้องรีบร้อนกลับเมืองหลวง”
หยุนหว่านหนิงฟังคำแนะนำที่จู้จี้จุกจิกของนางอย่างอดทน จากนั้นพยักหน้าตอบรับ “เสด็จย่าทรงไม่ต้องกังวลเพคะ! หลังจากที่พวกเรากลับไปถึงเมืองหลวงแล้ว หม่อมฉันจะส่งจดหมายมาถึงพระองค์ว่าพวกเราปลอดภัย”
“ดีๆ”
ไทเฮากู้อดไม่ได้ที่จะพยักหน้า
นางน้ำตาคลอเบ้า มองดูทั้งสองคนขึ้นไปในรถม้า และยืนอยู่นอกประตูตำหนักสิงกงอยู่นาน โดยไม่ยอมเข้าไป
......
เมื่อเดินทางกลับเมืองหลวง หยุนหว่านหนิงก็รู้สึกหดหู่ใจ
ช่วงเวลาที่ตำหนักสิงกง ทั้งสบายใจ อิสระ และไม่มีอันตรายใดๆ
ตอนนี้ไทเฮากู้และโม่จงหราน ต่างก็รู้ตัวตนของหยวนเป่าแล้ว......และไม่รู้ว่ายังจะมีผู้อื่นที่ล่วงรู้หรือไม่ และหยวนเป่าจะตกอยู่ในอันตรายหรือไม่
สรุปว่าหนทางข้างหน้าต้องระมัดระวังให้มากยิ่งขึ้น
เนื่องจากระยะทางไกล กลัวว่าเสี่ยวหยวนเป่าจะไม่สามารถทนต่อแรงกระแทกของรถม้าได้
ดังนั้นพวกเขาจึงเดินทางหยุดๆ เป็นเวลาสามวันเต็มกว่าจะมาถึงเมืองหลวง
แม้ว่ารถม้าจะวิ่งอย่างราบรื่นและช้าๆ แต่นางก็อดไม่ได้ที่จะบ่นว่า “น่าเสียดายที่ไม่มีเครื่องบิน! ภายในหนึ่งชั่วโมงก็ถึงแล้ว แต่นี่นั่งรถม้าตั้งวสามวัน”
ร่างกายของนางกำลังจะแตกสลาย!
อย่างไรก็ตาม หยวนเป่าเด็กคนนี้ยังคงกระโดดโลดเต้น และมีกำลังวังชา!
“พระชายา เครื่องบินคืออะไรเพคะ?”
หรูเยี่ยนถาม
“เป็นไก่ที่บินอยู่บนท้องฟ้า”
หยุนหว่านหนิงพูดไปเรื่อยเปื่อย
นางอยากให้ช่องวางนำเครื่องบินมา แต่ก็กลัวว่าจะทำให้ผู้คนตกใจ......ดังนั้นความคิดนี้จึงผ่านพ้นไป
สำหรับคำพูดเพ้อเจ้อของนาง หรูเยียนแม่นางที่ไร้เดียงสากลับเชื่อเช่นนั้นจริงๆ!
นางดูประหลาดใจ “ที่แท้ไก่ก็สามารถบินขึ้นไปบนฟ้าได้?”
“แถมคนยังนั่งได้ด้วย?! บ่าวช่างมีความรู้แค่หางอึ่งจริงๆ!”
“อืม ต่อไปข้าจะเพิ่มเติมความรู้ให้เจ้า”
หยุนหว่านหนิงกล่าวอย่างไม่ละอายใจ
“จะเสียงดังไปทำไม?”
หยุนหว่านหนิงแคะหู “กลัวว่าข้าจะไม่หูหนวกหรือ?"
นางถามอย่างไม่สบอารมณ์ “ให้พวกเจ้าปลูกผัก เลี้ยงเป็ด ไก่ และห่าน ดูสิว่าผ่านไปกี่วันแล้ว ยังขุดดินอยู่อีก?!”
มังกรตาเดียวยื่นมือออกมาด้วยความเสียใจ “กูหน่ายนาย มือแข็งกระด้างหมดแล้ว!”
“กูหน่ายนาย ท่านให้ขุดดิน ดังนั้นหลายวันมานี้ พวกเราจึงขุดดินกันอย่างหนัก”
ใครจะรู้ว่าขุดดินจะยากลำบากเช่นนี้!
ลำบากยิ่งกว่าปล้นเสียอีก!
“ไปยืมวัวมาสิ!”
หยุนหว่านหนิงรู้สึกขบขันกับความดันทุรังของเขา “ข้าให้พวกเจ้าขุดดิน พวกเจ้าไม่รู้หรือว่าสามารถไถได้? วัวลากคนไถ!”
นางไม่รู้จริงๆ ว่ามังกรตาเดียวและคนอื่นๆ จะดันทุรังได้ขนาดนี้
สมองนี่ไม่แล่นเลย!
ไม่น่าแปลกใจที่คืนนั้นจะหลอกล่อหยุนธิงหลานไม่สำเร็จ!
“อ้อ กูหน่ายนาย คราวหน้าพวกเราจะจำเอาไว้”
มังกรตาเดียวเช็ดมือ “ข้าจะรินน้ำชาให้กูหน่ายนาย”
“ไม่ต้อง! ”
หยุนหว่านหนิงปวดหัว “คืนนี้เจ้าหาวิธีหลอกล่อหยุนธิงหลานออกมาให้ได้ ไม่ว่าจะใช้วิธีใดก็ตาม! หากหลอกล่อออกมาไม่ได้ ก็จับตัวมาให้ข้า! ”
เกรงว่าสมองของมังกรตาเดียวจะไม่ฉลาดมากพอ และทำพลาดอีกครั้ง
นางจึงเจาะจงเป็นพิเศษ
“เข้าใจแล้วขอรับ กูหน่ายนาย”
มังกรตาเดียวตอบรับอย่างเชื่อฟัง
ราวๆ ยามไฮ่ หยุนหว่านหนิงก็มารออยู่ที่จุดนัดพบแล้ว
แต่หลังจากรอจนธูปหมดดอก มังกรตาเดียวก็ยังไม่พาหยุนธิงหลานมา......นางอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วและพึมพำกับตัวเอง “หรือว่ามังกรตาเดียวจะทำพลาดอีกแล้ว?!”
ทันใดนั้นนางก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากข้างหลัง
หยุนหว่านหนิงมองไปตามเสียง หลังจากเห็นภาพตรงหน้า สีหน้าของนางก็เปลี่ยนไปอย่างมาก!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อนงค์ใจพระชายาราชสีห์
นิยายสนุก แต่ช่วยมาลงต่อให้จบได้ไหมคะ...
อัพใหม่เถอะค่ะ...
เมื่อไรจะอัพเพิ่มคะ ฮือ รอนานมากแล้วววว...
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 353 - 430 หายไปไหน หายยาววววมากกกก...
รอตอนต่อไปจ้า...
สนุกดีอ่านแล้วขำ 555...