อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ นิยาย บท 43

เดิมโม่เฟยเฟยไม่เชื่อคำพูดของหยุนหว่านหนิง คิดว่านางจงใจป้ายสีให้กับฉินซื่อเสวีย

แต่ทำอะไรไม่ได้ เพราะโม่เยว่เชื่อนาง

บกวกับโหยวเอ้อเล่าคำที่ฉินซื่อเสวียพูดในคืนนั้นออกมาอย่างไม่ผิดแม้แต่คำเดียว รายละเอียดต่างๆในคืนนั้น ก็ตรงกันหมด โม่เฟยเฟยจึงสับสนจับต้นชนปลายไม่ถูก

นางไม่อยากจะเชื่อคำพูดของหยุนหว่านหนิง และไม่อยากจะเชื่อคำพูดของโหยวเอ้อ

แต่ในใจกลับเชื่อไปแล้วเจ็ดแปดส่วน

นางแค้นหยุนหว่านหนิงมาสี่ปี ทันใดนั้นพลันต้องมาญาติดีกับนาง โม่เฟยเฟยก็รู้สึกเสียหน้า

ดังนั้น เรื่องนี้จึงพักวางไว้ก่อน

โม่เยว่ยังอยู่คุยกับโม่เฟยเฟยอีก จึงให้หยุนหว่านหนิงพาโหยวเอ้อกลับจวนอ๋องก่อน

ถึงแม้ว่าหยุนหว่านหนิงจะเชื่อใจโม่เยว่แค่ห้าสิบเปอร์เซ็นต์ แต่คนที่จะช่วยเธอคืนดีกับโม่เฟยเฟยในตอนนี้ได้ก็มีแค่เขาแล้ว

ดังนั้นเธอเลยออกจากวัง

พอกลับถึงจวนอ๋อง หรูยี่มองดูโหยวเอ้อที่ตัวสั่นเทาพลางถามว่า “พระชายา แล้วจะจัดการกับเขาอย่างไรดี?”

โหยวเอ้อมองเธอทั้งตัวสั่นเทา “พระชายาหมิง ข้าสารภาพความจริงไปหมดแล้ว”

“ท่าน ท่านจะปล่อยข้าไปได้หรือยัง?”

“ปล่อยเจ้าไป?”

หยุนหว่านหนิงหลุดหัวเราะพรืด มองโหยวเอ้ออย่างเยาะหยัน “เจ้าคิดอะไรกันอยู่น่ะ? ฝันกลางวัน?” เขาทำเรื่องชั่วช้าเลวทรามไว้ใหญ่โตขนาดนี้ ยังคิดจะกลับไปอย่างปลอดภัยได้อีกงั้นหรอ?!

“งั้นท่าน ท่านจะทำอย่างไรกับข้า?”

โหยวเอ้อสีหน้าราวจะร้องไห้ พูดอย่างน้อยเนื้อต่ำใจว่า “ข้าน้อยเล่าความจริงทั้งหมดตามที่ท่านต้องการแล้วมิใช่รึ?!”

“แต่องค์หญิงเก้ายังไม่อภัยให้ข้าเลย ยังไม่เชื่อข้าเลยด้วย”

เธอทำหน้าหมอง

โหยวเอ้อ “....”

เรื่องนี้ตอนแรกมิใช่นางเป็นคนริเริ่มรึ?!

องค์หญิงเก้าไม่อภัยให้นาง เกี่ยวอันใดกับเขากัน?!

“ดังนั้น เจ้าพำนักอยู่ที่จวนอ๋องนี่ก่อนแล้วกัน”

คำว่า “พำนักที่จวนอ๋อง” ก็แค่จับโหยวเอ้อขังไว้ในห้องเก็บฟืนที่ไม่เห็นเดือนเห็นตะวันเท่านั้น วันหนึ่งยกอาหารมาให้หนึ่งมื้อ ต่อไปยังไม่แน่ว่าจะเป็นหรือตายก็แค่นั้น

แต่วันนี้ หลังจากจับโหยวเอ้อโยนเข้าห้องเก็บฟืนแล้ว หยุนหว่านหนิงกลับมีเมตตาอย่างยากจะหาได้หนึ่งครั้ง

“ให้เขากินดีหน่อยสักมื้อ บำรุงร่างกายเสียหน่อย”

โหยวเอ้อน้ำตาไหลด้วยความซาบซึ้ง ละล่ำละลักขอบคุณ

พอกินเสร็จ เขาถึงรู้ว่า ทำไมหยุนหว่านหนิงถึงให้เขากินของดีๆบำรุงร่างกาย

ในโลกนี้ไม่มีเรื่องหรือสิ่งใดที่ได้มาโดยมิต้องออกแรง!

โดยเฉพาะ เขายังเป็นเชลยอยู่ด้วย!

พึ่งกินข้าวอิ่ม แม่นมจางก็ย่างกรายเข้ามา

นางอายุมากกว่าห้าสิบแล้ว เวลาเดินมักจะบิดร่างม้วนต้วน ทำเอาโหยวเอ้อมองแล้วรู้สึกใจสั่นพรั่นพรึง บวกกับสีหน้าประหลาดพิกลของนาง ในใจเขาเริ่มมีลางสังหรณ์ไม่สู้ดีออกมา

“เจ้า เจ้าคิดจะทำอะไร?”

เขามองนางอย่างหวาดกลัว

“เจ้าว่าไงล่ะ?”

แม่นมจางยิ้มเดินเข้าใกล้ ฝ่ามือที่ทำงานหยาบกร้านมานานได้เกิดชั้นหนังหนาขึ้นชั้นหนึ่ง

นางลูบใบหน้าโหยวเอ้อ “ได้ยินว่าเจ้าพึ่งจะอายุสามสิบต้นๆ! ข้ายังไม่เคยได้ลิ้มลองบุรุษอ่อนเยาว์เพียงนี้มาก่อนเลย ข้าสนใจในตัวเจ้านัก”

เสียง “บรึ้ม” ดังขึ้นในใจ

โหยวเอ้อได้ยินแต่เสียงเลือดลมตนพุ่งจากหัวใจขึ้นกลางกระหม่อม!

ยัยแก่ผู้นี้จะทำอะไรกับเขา?!

“เจ้าอย่าเข้ามานะ! ถ้าเจ้าเข้ามา ข้าจะร้องเรียกคนแล้ว! พระชายาหมิงต้องไม่อนุญาตแน่!” โดนนางลูบไปแค่นี้ โหยวเอ้อก็รู้สึกขยะแขยงยิ่งนัก เขารีบเบือนหน้าหนี ดิ้นรนพล่านขึ้นมา “เจ้ารีบออกไปเลย!”

“โย่? ร้อนแรงดีนี่!ตอนนี้กลัวแล้วรึ?”

เห็นเขาดิ้นรน แม่นมจางนั่งลงข้างกายเขาด้วยรอยยิ้มเกลื่อนใบหน้า “เจ้าร้องได้เลยตามสบาย ร้องจนคอหอยแตกก็มิมีใครมาช่วยเจ้าดอก”

“เจ้ามิใช่ เชื่อฟังคำสั่งของพระชายาหยิงนั่น มาให้ร้ายพระชายาของข้า และจะทำร้ายองค์หญิงเก้ารึ?”

“ข้ายังนึกว่าเจ้าจะไม่กลัวที่จะเจอเรื่องเยี่ยงนี้เสียอีก!”

พอหันกลับมา ก็เจอหยุนหว่านหนิงยืนกอดอกด้วยสีหน้าจะยิ้มก็มิเชิงอยู่แล้ว

“พระชายา”

สีหน้าแดงเรื่อ ยืนมือไม้ว้าวุ่นอยู่ที่เดิม “โหยวเอ้อผู้นี้ พระชายาคิดจะจัดการอย่างไรรึ? เขาสารภาพความจริงเมื่อสี่ปีก่อนหมดแล้วมิใช่รึ?”

“ทำไม พึ่งจะได้อิ่มเอมไปครั้งเดียว ก็สงสารเขาแล้วรึ?”

สองคำนี้มาใช้กับตัวแม่นมจางและโหยวเอ้อ ดูไม่เหมาะสมจริงๆ

“ข้าน้อย ข้าน้อยเพียงรู้สึกว่า...”

แม่นมจางใบหน้าแดงเรื่อ พูดอะไรไม่ออก

สามีนางตายไปหลายปี คำครหาคนน่ากลัวนัก เลยมิได้แต่งงานใหม่ ครองตัวเป็นม่ายเพื่อสามีที่ตายไปมาตลอด

บัดนี้ลูกชายโตแล้ว หลานก็โตแล้ว

ดังนั้นเลยได้ทำตามใจครั้งหนึ่ง

ว่ากันว่า สตรีเมื่อเลยสี่สิบไปแล้วเป็นวัยที่เซ็กส์เร่าร้อนดุจเสือและหมาป่า คำพูดนี้ไม่ผิดเลยสักนิด เมื่อครู่นางจัดการทรมานโหยวเอ้อจนแทบจะเหลือแค่ลมหายใจเฮือกสุดท้ายแล้ว

“ทำงานของเจ้าให้ดี”

สายตาหยุนหว่านหนิงค่อยแปรเปลี่ยนเป็นคมปลาบ “โหยวเอ้อผู้นี้ยังมีความลับอะไรบางอย่างปิดบังข้าอยู่”

“ในเมื่อวิธีของข้า มิอาจทำให้เขาเปิดปากพูดได้...”

ถึงโหยวเอ้อจะกลัวตาย แต่เขากลับไม่ยอมพูดต่อหน้าหยุนหว่านหนิง เพราะเขามั่นใจว่า ถ้าเธออยากรู้ความลับนี้ จะไม่ฆ่าเขาแน่

เช่นนั้นหยุนหว่านหนิงเลยให้เขาอยู่ไม่สู้ตาย!

นั่นไง แม่นมจางไป “รับใช้” โหยวเอ้อเสียวันละสามครั้ง

ภายใต้ความพยายามของนาง....ไม่ถึงสามวัน เขาก็ทนไม่ไหวแล้ว บอกอยากพบหยุนหว่านหนิงทั้งลมหายใจรวยริน

ยามเขาถูกพามาพบเธอ สภาพยับเยินดุจหมาที่ใกล้จะหมดลมหายใจแล้ว

หยุนหว่านหนิงมองเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ว่ามาสิ”

“ข้าน้อยยอมสารภาพแล้ว! ขอพระชายาหมิงโปรดยั้งมือด้วย!”

โหยวเอ้อร้องไห้น้ำหูน้ำตาพราก “ทั้งหมดนี้พระชายาหยิงล้วนเป็นผู้บงการ...”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อนงค์ใจพระชายาราชสีห์