อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ นิยาย บท 444

หลังจากเข้ามาในเมืองอี้ รถม้าก็ตรงไปที่โรงเตี๊ยมซงซิง

พวกโม่เยว่ไม่ได้ไปรบกวนที่ว่าการอำเภอ และก็ไม่ได้สั่งคนไปบอกหยางกว่างเซิง เพื่อให้เขามารับ

หยุนหว่านหนิงออกหน้าด้วยตนเอง ขอบคุณเถ้าแก่ของโรงเตี๊ยมซงซิงด้วยตนเอง

ขอบคุณที่เถ้าแก่คอยสังเกตเป็นหูเป็นตา ช่วยพวกเขาตามหาหยวนเป่าได้โดยเร็ว

นางไม่เพียงให้เงินเงินหนึ่งหมื่นตำลึง ยังบอกเถ้าแก่ว่า ต่อไปหากเจอปัญหาอะไร ให้เข้าเมืองหลวงไปหานางที่จวนอ๋องหมิง

หากนางสามารถช่วยได้ จะตั้งใจทำให้ดีที่สุด

เถ้าแก่ขอบคุณอย่างมาก พร้อมส่งพวกเขาออกมาจากเมืองอี้

ผ่านไปสองวัน รถม้าก็มาถึงประตูเข้าเมืองหลวง

รถม้าไม่ได้กลับไปยังจวนอ๋องหมิง ขับเข้าไปในวังเสียก่อน

เวลานี้ โม่จงหรานเพิ่งออกมาจากตำหนักหย่งโซ่ว

หลังจากที่หยวนเป่าหายตัวไป เต๋อเฟยป่วยจนลุกไม่ขึ้น....หมอหลวงหยางแทบจะได้อาศัยอยู่ในตำหนักหย่งโซ่ว ยายาขนานวิเศษอะไรก็ให้เต๋อเฟยทานหมดแล้ว

กระทั่งพวกยาบำรุง ก็ล้วนตุ๋นมาให้นางกิน

แต่อาการป่วยของเต๋อเฟยนั้นแปลกประหลาดมาก ยังไงก็ไม่ดีขึ้น

โม่จงหรานเดินออกมาจากตำหนักหย่งโซ่วอย่างทุกข์ใจ

ยังไปไม่ถึงอุทยานหลวง ก็เห็นโม่เยว่กับหยุนหว่านหนิงพาหยวนเป่ามาทางนี้อย่างเร่งรีบ

มองจากไกลๆ ก็เห็นใบหน้าบูดบึ้งของโม่จงหราน.....

หยุนหว่านหนิงกับโม่เยว่มองตากัน ปล่อยมือที่จับมือหยวนเป่า

ระยะใกล้เพียงแค่นี้ ทั้งสองคนก็มองตามลูกชายด้วยสายตาไม่กะพริบ เขาวิ่งไปหาโม่จงหราน พร้อมร้องเรียกว่า “เสด็จปู่”

โม่จงหรานกำลังทุกข์ใจกับอาการป่วยของเต๋อเฟย

ยังไม่รู้ตัวเลยว่า พวกเขาสามพ่อแม่ลูกยืนอยู่ไม่ไกล

ได้ยินเสียงร้องเรียกว่าเสด็จปู่ เขายังคิดว่าตนเองฟังผิดไป

“ซูปิ่งซ่าน เจ้าได้ยินไหม? เป็นเสียงของหยวนเป่า?”

โม่จงหรานหันไปมองซูปิ่งซ่านอย่างตกตะลึง

ซูปิ่งซ่าน “……”

ฮ่องเต้ไม่มองพระนัดดาองค์โต ทำไมถึงหันมามองเขาแทน?

หรือว่า“เสด็จปู่”เมื่อกี้ เขาจะเป็นคนเรียกหรือไง?

ซูปิ่งซ่านลูบใบหน้า สายตาจ้องมองหยวนเป่าที่กำลังวิ่งมา พูดขึ้นด้วยใบหน้าดีใจว่า “ฝ่าบาท พระนัดดาองค์โตมาแล้ว”

เห็นโม่จงหรานยังหันหลังให้หยวนเป่า ซูปิ่งซ่านสะกิดแขนของเขาอย่างไม่กลัวตาย

“ใช่หรือ? หลานสุดที่รักของข้ามีไหน?”

โม่จงหรานหันมาอย่างตื่นเต้น หยวนเป่าพุ่งมาสู่อ้อมอกเขาเหมือนอย่างก้อนแป้ง

ช่วงที่ผ่านมานี้เพราะเป็นห่วงหยวนเป่า เป็นห่วงเต๋อเฟย โม่จงหรานไม่ค่อยได้พักผ่อนเลย

เมื่อหยวนเป่าพุ่งมาหา เขาเซจนเกือบล้ม

“ไอโย้วเวย”

โม่จงหรานก้าวถอยหลังหนึ่งก้าวเพื่อยันกาย รับหยวนเป่าไว้มั่นคง พร้อมพูดขึ้นว่า “หยวนเป่าจริงด้วย หลานสุดที่รักของข้าจริงๆด้วย หยวนเป่าของข้ากลับมาแล้ว”

เขามองพิจารณาดูหยวนเป่า พร้อมน้ำตาคลอเบ้า

สุดท้ายก็อดทนไม่ไหว โอบกอดหยวนเป่าแนบอก พร้อมพูดว่า “ฮือๆฮือๆ หลานคนดีของข้า.....”

ซูปิ่งซ่านก็ตื้นตันน้ำตาไหล

หยวนเป่าเช็ดน้ำตาให้โม่จงหรานอย่างว่าง่าย พร้อมพูดขึ้นว่า “เสด็จปู่อย่าเสียใจ ข้าก็กลับมาแล้วไง?”

เขาเหนื่อยใจมากเลย

ปลอบท่านพ่อก็เสร็จปลอบท่านแม่ ปลอบแม่เสร็จปลอบเสด็จปู่ เดี๋ยวสักพักยังต้องปลอบเสด็จย่าเต๋อเฟย.....ผู้ใหญ่พวกนี้ ทำให้ต้องเป็นห่วงจริงๆ

“เฮ้อ”

หยวนเป่าถอนหายใจเบาๆ เขารู้สึกเหมือนตนเองต้องมาอยู่ภายใต้ความกดดันที่เขาไม่ควรได้รับในวัยของเขา

“ข้าดีใจ ดีใจมาก”

โม่จงหรานอุ้มหยวนเป่าขึ้นมา

โม่เยว่กับหยุนหว่านหนิงก็เดินมาใกล้แล้ว หลังจากทั้งสองคนถวายบังคมเสร็จ ก็ได้ยินโม่จงหรานพูดขึ้นอย่างร้อนใจว่า “หว่านหนิง ในเมื่อเจ้ากลับมาแล้ว”

“รีบไปดูเสด็จแม่ของเจ้าด้วย”

“เสด็จแม่เป็นอะไรหรือ?”

หยุนหว่านหนิงอึ้ง

พวกเขารู้เพียงว่า โม่จงหรานเขียนในจดหมายว่าเต๋อเฟยคิดถึงหยวนเป่ามาก ให้พวกเขารีบกลับมา

เห็นโม่จงหรานพูดไม่ออก ซูปิ่งซ่านรีบยิ้มหัวเราะ พร้อมพูดขึ้นว่า “ฝ่าบาท คุณชายน้อยกลับมาก็ดีแล้ว พาคุณชายน้อยไปหาเต๋อเฟยเหนียงเหนียงไหม”

“หากเหนียงเหนียงเห็นคุณชายน้อย จะต้องอาการดีขึ้นแน่”

“เชอะ เจ้าเด็กคนนี้ รอแม่ของเจ้าฟื้นแล้ว ข้าจะเล่าให้นางฟัง”

โม่จงหรานค่อยผ่อนคลายลง อุ้มหยวนเป่าไว้อย่างหยิ่งยโสพร้อมเดินจากไป

……

ตำหนักหย่งโซ่ว。

หมอหลวงหยางเดินตาม “สวดมนต์” อยู่ด้านข้างหยุนหว่านหนิงว่า “พระชายาหมิง ข้าน้อยตรวจดูอาการเต๋อเฟยเหนียงเหนียงแล้ว อาการป่วยของเหนียงเหนียงค่อนข้างแปลกประหลาด”

“หลายวันมานี้ข้าน้อยใช้ทุกวิธีการ กลับมองไม่เห็นถึงปัญหาใดๆ”

“พระชายา ข้าน้อยเขียนใบสั่งยา มี....”

เขาเอาใบสั่งยาออกมาใบหนึ่ง แล้วก็อ่านอยู่ตรงนั้น

หยุนหว่านหนิง “……”

ไม่ได้ยินเสียงบ่นของเจ้าเฒ่าคนนี้มานานแล้ว ตอนนี้ได้ยินก็รู้สึกเป็นกันเอง แต่ก็รำคาญยิ่งกว่า

นางอดทนที่จะไม่ยกเท้าเตะเขากระเด็นออกไป พยายามฝืนยิ้มอย่างเป็นมิตร พร้อมพูดขึ้นว่า “หมอหลวงหยาง ช่วยข้าอย่างหนึ่งได้ไหม?”

“ช่วยเรื่องอะไร? พระชายาหมิงรับสั่งมาได้เลย”

ในมือหมอหลวงหยางยังถือใบสั่งยาไว้

หยุนหว่านหนิงสูดดมหายใจเข้าลึกๆ พร้อมพูดขึ้นว่า “ช่วยข้าหุบปากที”

หมอหลวงหยาง “……”

ใบหน้าที่ชราเปลี่ยนไปทันที สุดท้ายหุบปากอย่างอับอาย

พระชายาหมิงรำคาญเขาหรอ

หมอหลวงหยางเดินออกไปอย่างเศร้าสร้อย ปากก็บ่นพึมพำว่า “ข้าน้อยรู้ พระชายาชอบความสงบในการรักษา แต่ข้าน้อยอายุมากแล้ว ห้ามปากของตนเองไม่ได้”

“ข้าน้อยเองก็จนใจ ข้าน้อยไปหาไหมเข็มมาเย็บปากของตนเองไว้”

เพิ่งเดินออกจากประตูไป ก็ชนถูกคนคนหนึ่ง

หมวกบนหัวหมอหลวงหยางเกือบตกลงมา มือข้างหนึ่งของเขาถือหมวกไว้ข้างหนึ่งถือขอบประตูไว้ พร้อมพูดขึ้นว่า “ไอโย้ว ชนเอวของข้าแทบหลุด”

กำลังจะด่าว่าใครกันไม่มีตา ที่ไหนได้เมื่อเงยหน้าขึ้นมา สีหน้ากลับเปลี่ยนไปทันที

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อนงค์ใจพระชายาราชสีห์