อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ นิยาย บท 51

ไม่ต้องหันกลับมาไปมอง ก็นึกสภาพขบเขี้ยวเคี้ยวฟันของโม่หุยเฟิงในตอนนี้ออกได้

โม่เยว่เดินต่อไปอย่างไม่สนใจเขา

ภายใต้การประคองขององครักษ์ โม่หุยเฟิงก็เร่งฝีเท้าเดินกะเผลกตามไป จนกระทั่งหยุดอยู่ตรงหน้าโม่เยว่ จึงค่อยผลักองครักษ์ด้านข้างออก

“เจ้าเจ็ด ข้าเรียกเจ้าอยู่ เจ้าหูหนวกไปแล้วหรือ?”

“ขออภัย ขออ๋องหยิงเปลี่ยนภาษาพูดกับข้าด้วย”

โม่เยว่มองเขาอย่างสงบเยือกเย็น “เมื่อครู่เจ้าบอกกับเสด็จพ่อว่า ข้าเป็นสุนัข”

"สิ่งที่เจ้าพูดนั้น ข้าฟังไม่รู้เรื่อง!ดังนั้น โปรดใช้ภาษาสุนัขพูดกับข้า"

ภาษาสุนัข? !

ไอ้หมอนี่ กำลังเยาะเย้ยเขา หรือเยาะเย้ยตัวเองอยู่กันแน่? !

"เจ้าอย่ามากเกินไปนะ!"

โม่หุยเฟิงโมโหจนหน้าบิดเบี้ยวไปหมด "นี่เจ้าจงใจจะเป็นศัตรูกับข้าใช่หรือไม่?! ขอเพียงเจ้าขอโทษข้าเดี๋ยวนี้ เรื่องในเมื่อคืนนี้ข้าจะไม่ถือสาอีก!"

โม่เยว่ไม่อยากเถียงกับเขาเยอะ จึงหันหลังเดินจากไป

แต่ใครจะไปรู้ว่า โม่หุยเฟิงก็เหมือนหนอนตามก้น ตามขึ้นมา “ข้ากำลังคุยกับเจ้า!” (หนอนตามก้น=บุคคลที่มักจะตามผู้อื่น)

“ขอโทษ? เป็นไปไม่ได้”

จากนั้นโม่เยว่ก็หยุดลง และมองดูเขาเหมือนจะหัวเราะก็ไม่ได้หัวเราะ "เรื่องในเมื่อคืนนี้ ข้าหาหลักฐานได้แล้ว"

“หากพี่สามไม่อยากให้เสด็จพ่อรู้เรื่องนี้ ก็คุกเข่ารับผิดต่อข้า และสัญญาว่าจะไม่ทำอีกในภายหลัง มิฉะนั้น ไม่แน่วันไหน ข้าก็จะนำหลักฐานไปวางต่อหน้าเสด็จพ่อ"

โม่หุยเฟิงให้ตัวเองขอโทษเขา?

หยุนหว่านหนิงเคยกล่าวไว้ว่า ปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยวิธีของเขาเองนั้นยังไม่พอ

ต้อง เอาคืนสองเท่า

"เจ้า……"

สีหน้าของโม่หุยเฟิงเปลี่ยนไป "เจ้ากำลังคุกคามข้าหรือ?!"

“หากพี่สามคิดว่าคือการคุกคาม งั้นก็ใช่แหละ”

โม่เยว่เหลือบมองเขาอย่างเฉยชา

ทั้งสองคน "พัวพัน" กันตลอดทาง……ก็ไม่ถือเป็นการพัวพัน เป็นแค่โม่หุยเฟิงเท่านั้นที่ไปพัวพันโม่เยว่เพียงฝ่ายเดียว ไม่นานก็ออกจากประตูวัง หน้าวังมีรถม้าจอดไว้คันหนึ่ง

เมื่อเห็นโม่เยว่ออกมา หยุนหว่านหนิงก็กระโดดออกจากรถม้า

“เจ้ามาได้อย่างไร?”

โม่เยว่รู้สึกคาดไม่ถึงเล็กน้อย

“ท่านอ๋องบาดเจ็บ หม่อมฉันเป็นห่วง จึงมารับท่านกลับจวน”

หยุนหว่านหนิงพูดอย่างอ่อนโยน และก้าวไปข้างหน้าเพื่อประคองเขาขึ้นรถม้า

รับเขากลับจวน?

ผู้หญิงคนนี้กำลังวางแผนอะไรกันแน่?

น้ำเสียงยังอ่อนโยนเช่นนี้ แถมเอาใจใส่เช่นนี้……หรือว่า อยากได้ของอะไร หรืออยากขออะไร จึงได้ผิดปกติเยี่ยงนี้? !

โม่เยว่แอบกระซิบซุบซิบระแวงอยู่ในใจ

โม่หุยเฟิงมองดูหยุนหว่านหนิงและโม่เยว่ที่รักกันอย่างนี้ รู้สึกขัดตายิ่งนัก

“เจ้าเจ็ดนี่อ่อนแอยิ่งนัก ถึงกับต้องให้ผู้หญิงมารับ”

เขาเยาะเย้ยเสียดสี “หากเสด็จพ่อรู้เรื่องนี้เข้า คงไม่มอบค่ายเสินจีให้กับคนขี้ขลาดเช่นนี้แน่นอน”

“นี่พี่สามอิจฉาหรึ?”

โม่เย่เลิกคิ้วขึ้น “ถ้าเจ้าอิจฉา ก็ให้พี่สะใภ้สามมารับเจ้าก็ได้”

หยุนหว่านหนิงพูดขึ้นมาในเวลาที่เหมาะสม “ท่านอ๋อง ท่านลืมไปแล้วหรือ?พระชายาหยิงถูกอ๋องหยิงกักตัวมาหลายวันแล้ว จะมารับอ๋องหยิงได้อย่างไร?”

“ออ ข้าลืมเรื่องนี้ไปจริงด้วย”

โม่เยว่พยักหน้า และพูดอย่างจริงจังว่า “พี่สาม แต่พี่สะใภ้ถูกกักตัวอยู่ งั้นก็ช่วยไม่ได้แล้ว”

น้ำเสียงของเขา มีความเห็นอกเห็นใจเล็กน้อย "เจ้ากลับไปเองเถอะ"

"พวกเจ้า……"

โม่หุยเฟิงโกรธมาก จ้องมองทั้งสองคนอย่างขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน แต่ก็พูดอะไรไม่ออก

เขาอยากจะบอกว่า พวกเขารังแกคนเกินไปแล้ว

แต่ก็ไม่อยากให้พวกเขารู้ว่าเขาอิจฉาจริงๆ

“อ๋องหยิง เมื่อครู่ได้ยินใต้เท้าหลี่กล่าวว่า เมื่อคืนท่านโดนสุนัขกัด……นี่ช่างเป็นเรื่องที่ยุ่งยากยิ่งนัก หากถูกสุนัขกัดแล้ว ต้องรีบฉีดวัคซีนโรคพิษสุนัขบ้า เพื่อหลีกเลี่ยงการติดเชื้อ!”

หยุนหว่านหนิงส่ายหัวและถอนหายใจ สายตาที่มองดูเขานั้นเต็มไปด้วยความเห็นใจ

“วัคซีนโรคพิษสุนัขบ้า?”

โม่หุยเฟิงขมวดคิ้ว “หยุนหว่านหนิง เจ้าเล่นลูกไม้อะไรอีกแล้ว?”

หยุนหว่านหนิงยิ้มอย่างหน้าด้าน “ท่านอ๋องปราดเปรื่อง! ข้ามีเรื่องหนึ่งที่อยากจะขอร้องท่านอ๋อง”

สีหน้าของโม่เยว่ ก็ยิ่งไร้มนุษยธรรมมากยิ่งขึ้น "ข้ามีเรื่องราชการต้องยุ่ง"

ไม่หาแม้แต่เหตุผลมาปฏิเสธ ก็ปฏิเสธไปโดยตรงเลย!

หยุนหว่านหนิงสูดหายใจเข้าลึกๆ "ข้าจะให้เงินท่าน"

"พูด"

โม่เยว่ถนอมคำพูดเหมือนดั่งทอง

ว่าแล้ว ต้องประโยคนั้นเหมือนเดิม มีเงินจะปลุกผีขึ้นมาโม่แป้งให้ก็ยังได้ (มีเงินจะปลุกผีขึ้นมาโม่แป้งให้ก็ยังได้=มีเงินทำอะไรก็เป็นไปได้ทั้งนั้น)

ความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยาของพวกเขานั้น ใช้เงินรักษาไว้

คู่สามีภรรยาจอมปลอมสบตากัน หยุนหว่านหนิงหัวเราะเยาะเย้ย “ไม่กี่วันก่อน ข้าได้ขอให้ท่านช่วยตามหานางกำนัลน้อยที่โหยวเอ้อพูดนั้นว่าเป็นใครไม่ใช่หรือ?”

“ตอนนี้มีคำตอบหรือยัง?”

อีกไม่กี่วัน ก็คือวันเฉลิมพระชนมพรรษาของเต๋อเฟยแล้ว

ก่อนหน้านั้น นางจะต้องคืนดีกับโม่เฟยเฟยก่อน

จากนั้น จึงจะสามารถปรับความสัมพันธ์ระหว่างแม่สามีและลูกสะใภ้กับเต๋อเฟยได้

ถูกเต๋อเฟยจ้องเขมือบอยู่วันๆ หยุนหว่านหนิงรู้สึกหงุดหงิดยิ่งนัก

"ยัง"

สีหน้าของโม่เยว่เช่นเคย แต่น้ำเสียงเย็นชา “หากเจ้าจะเร่ง ก็ไปหาเอง ค่ายเสินจีของข้ายังมีเรื่องต้องยุ่งมาก ไม่มีเวลาว่างไปตามหานางกำนัลที่ไม่สำคัญอะไร"

ไม่สำคัญ? !

หยุนหว่านหนิงขมวดคิ้ว “มันเกี่ยวพันถึงความบริสุทธิ์ของข้า ทำไมถึงจะไม่สำคัญ?!”

ไอชายปากหมานี้ ไม่ใส่ใจเรื่องที่นางบอกชัดๆ!

นางอุตส่าห์ให้เงินเขาเยอะขนาดนั้น เสียดายยิ่งนัก!

ปาซาลาหมูใส่หมา ก็คงสามารถทำให้หมากระดิกหางได้บ้างสินะ? (ปาซาลาหมูใส่หมา=เอาของให้ใครแล้ว ก็อย่าหวังได้คืนมาเลย)

ผู้ชายคนนี้ ไม่มีน้ำใจ!

นางจ้องมองเขาอย่างโมโห “อีกไม่กี่วันก็จะถึงเฉลิมพระชนมพรรษาของเสด็จแม่ หากก่อนหน้านี้ท่านยังหานางกำนัลคนนั้นไม่เจอ การร่วมมือของพวกข้าก็จะสิ้นสุดลง!”

นางมีเงินเยอะ ยังกลัวจะหาคนที่ให้ความร่วมมือไม่ได้หรึ? !

หยุนหว่านหนิงมีลางสังหรณ์ว่า งานฉลองพระชันษาของเต๋อเฟยในคราวนี้ คงจะเป็นสถานการณ์ที่ "ดุเดือ" อย่างแน่นอน ……

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อนงค์ใจพระชายาราชสีห์