เมื่อเรื่องนี้รู้มาถึงคุกหลวง หยุนหว่านหนิงกำลังเป็นห่วงบาดแผลของโม่เยว่
หลังจากโม่เยว่พูดสั่ง ใต้เท้าหยันปรับปรุงห้องขังหยุนหว่านหนิงด้วยตนเอง
ตอนนี้ห้องขังด้านหนึ่งเป็นผนัง อีกสามด้านแขวนม่านไว้
และม่านยังอยู่ข้างในห้อง หากหยุนหว่านหนิงไม่เปิดม่านเอง ใครก็ไม่สามารถมองเห็นว่านางทำอะไรอยู่ข้างใน ปกป้องความเป็นส่วนตัวของนางได้เป็นอย่างดี เห็นได้ชัดว่าโม่เยว่รอบคอบอย่างมาก
โม่ฮั่นอี่ว์นอนอยู่บนเตียง ถามขึ้นมาอย่างเกียจคร้านว่า “หว่านหนิง”
“ได้ยินว่าจางหมัวมัวตายแล้ว กระโดดบ่อน้ำฆ่าตัวตายเมื่อคืน”
เมื่อกี้พวกผู้คุมหลายคนเอาอาหารมาให้พวกเขา โม่ฮั่นอี่ว์เรียกมาถามเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ พวกผู้คุมจึงเล่าให้ฟังด้วยตนเอง
หยุนหว่านหนิงไม่ได้หูหนวก จึงก็ได้ยินอยู่แล้ว
เห็นนางไม่สนใจเขา โม่ฮั่นอี่ว์หันไปมองด้านข้าง
ม่านบดบังไว้อย่างแน่นหนา คนที่ไม่รู้จะคิดว่าเป็นห้องนอนคุณหนูที่ไหน
มองไม่เห็นว่าหยุนหว่านหนิงทำอะไรอยู่ โม่ฮั่นอี่ว์มีลางสังหรณ์ไม่มี คิดในใจว่า นางมารร้ายคนนี้คิดแผนร้ายอะไรอยู่หรือเปล่า
เขาทำหน้ามุ่ยนอนอยู่บนเตียง พยายามแอบดูผ่านม่าน
กลับคิดไม่ถึง ตะเกียบคู่หนึ่งทิ่มแทงมา เกือบแทงถูกตาโม่ฮั่นอี่ว์
เขารีบก้าวถอยหลัง พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าจะแทงข้าตาบอดหรือ?”
“ใครใช้ให้เจ้าไม่มีมารยาท คิดแอบดูข้า?”
หยุนหว่านหนิงพูดขึ้น
ได้กลิ่นหอมจากตะเกียบ โม่ฮั่นอี่ว์หิวจนน้ำลายไหล พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้ากินอะไรอยู่?”
“เจ้าลองทาย”
น้ำเสียงของหยุนหว่านหนิง เกียจคร้านและไม่แยแส
โม่ฮั่นอี่ว์เลียริมฝีปาก พร้อมพูดขึ้นว่า “เหมือนเป็นขาหมู เจ้ากำลังกินขาหมู?”
“เจ้ายุ่งอะไรด้วย”
“ให้ข้ากินคำหนึ่ง”
“ไม่ให้”
“ขอร้อง”
โม่ฮั่นอี่ว์เกาะอยู่ด้านข้างอย่างน่าสงสาร ยกมือประสานอยู่บนหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “พี่หนิง ขอร้องเจ้าแล้ว ตั้งแต่เจ้าเข้ามาอยู่ในคุก ข้าก็ไม่ได้กินอาหารคาวเลย”
“กินผักทุกวันเหมือนกินหญ้า ข้ากลืนไม่ลงอย่างทุกข์ทรมาน ช่วงนี้ผอมไปมากแล้ว”
ได้กลิ่นคาวนี้ เขาอยากกินจนน้ำลายไหลแล้ว
ไม่ใช่ผู้คุมลดคุณภาพอาหารของเขา แต่วันล่ะสามมื้อ หยุนหว่านหนิงล้วนต่างอ้างว่าช่วยเขา “ลองพิษ” แล้วเอาเนื้อในถ้วยของเขาไปจนหมด....
หยุนหว่านหนิงไม่สนใจเขา
โม่ฮั่นอี่ว์ไม่พอใจ ยกมือขึ้นมา พร้อมพูดขึ้นว่า “หยุนหว่านหนิง เจ้าทำม่านนี้ไว้”
“เพื่อที่จะขโมยกิน ไม่ให้ข้ากินใช่ไหม?”
กระดูกชิ้นหนึ่งยื่นผ่านช่องเหล็กมาให้ โม่ฮั่นอี่ว์มองดูด้วยสายตาเป็นประกาย รีบรับมากินอย่างเอร็ดอร่อย
หยุนหว่านหนิงเปิดม่าน แล้วพูดขึ้นว่า “เจ้าอยากออกไปดูเรื่องสนุกไหม?”
“ดูเรื่องสนุกอะไร?”
โม่ฮั่นอี่ว์ถามอย่างคลุมเครือ
ท่าทีของเขาตอนนี้ แตกต่างอะไรจากสุนัขแทะกระดูก?
“ไปดูเรื่องสนุกที่ตำหนักคุนหนิง จางหมัวมัวที่ปรนนิบัติดูแลเสด็จแม่มานานไม่อยู่แล้ว ศพกลับไปพบข้างบ่อตำหนักหย่งโซ่ว แบบนี้ไม่สนุกหรือ?”
“จะไปเจ้าก็ไปเลย ข้าไม่ไป”
โม่ฮั่นอี่ว์ก็อยากไป แต่เขาออกไปไม่ได้
ไม่เหมือนหยุนหว่านหนิง นางอยากเข้ามาอยู่เอง
ส่วนเขา ถูกโม่จงหรานสั่งจำคุกจริงๆ
ความแตกต่างระหว่างพวกเขาสองคน โม่ฮั่นอี่ว์รู้ดีแก่ใจ
เขาพูดขึ้นมาอย่างรู้ตัวว่า “หากเสด็จพ่อรู้ คนต่อไปที่จะถูกโยนลงไปในบ่อก็คือข้าแล้ว ข้าไม่กล้าหาญเหมือนอย่างเจ้า”
“ขี้ขลาด”
หยุนหว่านหนิงเบ้ปากใส่เขา แล้วก็ตะโกนไปยังตรงข้ามว่า “พี่ฉางเฟิง เจ้าอยากไปดูเรื่องสนุกไหม?”
โจวฉางเฟิงถอนหายใจ พร้อมพูดขึ้นว่า “ยังแบกรับภาระอันหนักอึ้งไว้ ตระกูลโจวยังไม่พ้นขีดอันตราย ข้าไม่มีกะจิตกะใจ”
เดินไปได้หลายก้าว เต๋อเฟยค่อยหันกลับมาอย่างตกตะลึงตาค้าง รีบเดินกลับมาพร้อมพูดขึ้นว่า “หนิงเอ๋อร์? เจ้าออกมาได้อย่างไร? เจ้าอยู่ในคุกหลวงไม่ใช่หรือ?”
“เสด็จแม่เต๋อเฟย คนที่ข้าให้ท่านช่วยสืบเมื่อหลายวันก่อน.....”
“อ้อๆ ข้าเกือบลืมไปแล้ว”
เต๋อเฟยรีบล้วงเอาจดหมายตรงเอวมายื่นให้นาง พร้อมพูดขึ้นว่า “เดิมขัาจะเอาไปให้เจ้าในคุกตั้งแต่เมื่อวานแล้ว”
“ที่ไหนได้ จางหมัวมัวข้างกายฮองเฮา กระโดดตกบ่อฆ่าตัวตายในตำหนักหย่งโซ่ว ข้ายุ่งอยู่กับเรื่องนี้ จึงลืมเรื่องสำคัญของเจ้าไป”
หยุนหว่านหนิงรับจดหมายมา หลังจากเปิดอ่านแล้ว....
นางล้วงเอาไม้ขีดไฟออกมาจากเอว แล้วเผาทำลายจดหมายฉบับนั้น.....
“ทำลายทิ้งทำไม?”
“จะได้ไม่เป็นหลักฐาน ถูกคนอื่นนำไปใช้”
หยุนหว่านหนิงพูดอธิบาย
เต๋อเฟยผงกหัวอย่างครุ่นคิด พร้อมพูดขึ้นว่า “หนิงเอ๋อร์ อยู่ดีๆทำไมเจ้าจะต้องสืบประวัติหมอหลวงเหอ? ได้ยินว่าตอนนี้เขายังนอนติดเตียงอยู่ หมดสติไม่ฟื้น ไม่รู้เป็นตายร้ายดี”
นางอ่านจดหมายไม่ออกทั้งหมด
ครอบของเขาพี่ใหญ่ของเขาเซิ่งหยู่เจี๋ย ตอนนี้เป็นนายอำเภออยู่ที่อำเภอเฉาเทียน
อำเภอเฉาเทียน ห่างไกลจากเมืองหลวงเป็นพันไมล์....
หยุนหว่านหนิงให้เต๋อเฟยไปสืบประวัติหมอหลวงเหอ ที่เต๋อเฟยขอให้พี่ชายที่อยู่ไกลถึงเซิ่งหยู่เจี๋ยช่วยเหลือ เพราะนางสืบรู้เบาะแสว่าเกี่ยวข้องกับอำเภอเฉาเทียน
ภรรยาหมอหลวงเหอนางอู๋ มาจากอำเภอเฉาเทียน
ตอนนั้นหมอหลวงเหอยังไม่ได้เป็นลูกศิษย์ของหมอหลวงหยาง เดินทางท่องเที่ยวไปทั่ว อาศัยอยู่ที่อำเภอเฉาเทียนนานสักพักหนึ่ง
ส่วนจางลาเมี้ยนที่โม่จงหรานประหาร บรรพบุรุษเป็นคนอำเภอเฉาเทียน
ถึงดูเต๋อเฟยเป็นคนเรื่อยเฉื่อยไม่ยี่หระ แต่ก็ไม่ได้โง่
ดังนั้นจึงคิดได้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างจางลาเมี้ยนกับหมอหลวงเหอ น่าจะเริ่มต้นที่อำเภอเฉาเทียน
จางลาเมี้ยนที่อยู่ไกลถึงอำเภอเฉาเทียน สามารถมารับตำแหน่งในเมืองหลวง จะต้องเกี่ยวข้องกับหมอหลวงเหออย่างแน่นอน
นางจึงสืบตามเบาะแสนี้ จนสืบรู้ไปถึงอีกเรื่องหนึ่ง เบาะแสที่แม้แต่หยุนหว่านหนิงเองก็คิดไม่ถึง.....
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อนงค์ใจพระชายาราชสีห์
นิยายสนุก แต่ช่วยมาลงต่อให้จบได้ไหมคะ...
อัพใหม่เถอะค่ะ...
เมื่อไรจะอัพเพิ่มคะ ฮือ รอนานมากแล้วววว...
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 353 - 430 หายไปไหน หายยาววววมากกกก...
รอตอนต่อไปจ้า...
สนุกดีอ่านแล้วขำ 555...