หยุนหว่านหนิงค่อนข้างที่จะปราดเปรื่อง สามารถจับประโยคสำคัญตอนหนึ่งได้จากคำของเต๋อเฟยเมื่อครู่
เหตุใดโม่เยว่จึงต้องรั้งคนของเต๋อเฟยเอาไว้?
เขาคิดจะปกป้องนางจริงหรือ?
มิใช่แน่ เป็นไปมิได้หรอก......ระหว่างนางและชายผู้นั้น เรียกได้ว่ามีความสัมพันธ์กันโดยใช้เงินในการซื้อสถานะสามีภรรยาจอมปลอมเท่านั้น!
เมื่อพบว่านางดูตกตะลึงชะงักไป เต๋อเฟยจึงขมวดคิ้วเขาเล็กน้อย “หยุนหว่านหนิง?”
“หยุนหว่านหนิง!!”
นางตบลงไปบนโต๊ะและเรียกด้วยน้ำเสียงดุดันโมโห
หยุนหว่านหนิงจึงได้สติกลับคืนมา “หา เสด็จแม่เรียกลูกหรือเพคะ?”
“เจ้าทำอะไรอยู่กัน กำลังด่าข้าอยู่ในใจใช่หรือไม่?!”
เต๋อเฟยร้องขึ้นเสียงแหลม
“ลูกกล้าหรือเพคะเสด็จแม่?”
หยุนหว่านหนิงยิ้มขึ้นแหะๆ “อ้อจริงสิเพคะเสด็จแม่ เมื่อมิกี่วันก่อนในงานเลี้ยงวันเกิดของเสด็จแม่ จะโทษลูกก็มิได้นะเพคะ เป็นพระชายาอ๋องหยิงที่มาหาเรื่องลูกเอง”
“ถึงอย่างไร บัดนี้ลูกก็เป็นสะใภ้ของเสด็จแม่นะเพคะ!”
“หากมีคนเห็นว่าลูกถูกพระชายาอ๋องหยิงกดขี่ข่มเหงแต่มิกล้าลงมือกลับ......”
นางเบ้ริมฝีปากทำหน้าตาดูห่อเหี่ยวน้อยเนื้อต่ำใจ “นั่นมิเท่ากับเป็นการตบพระพักตร์ของเสด็จแม่หรือเพคะ!?”
ประโยคนี้ดูเหมือนจะมีเหตุมีผลพอควร
ในสายตาของคนอื่น หยุนหว่านหนิงจึงจะเป็นสะใภ้ที่ถูกต้องของนาง ฉินซื่อเสวียเป็นสะใภ้ของฮองเฮาจ้าว
คิดมิถึงว่าเจ้าหนูคนนี้จะเอ่ยเหตุผลอันมีน้ำหนักเช่นนี้ออกมาได้ ดูเหมือนเต๋อเฟยจะประเมินนางต่ำเกินไป
แม้จะมิอยากยอมรับเท่าไหร่นัก แต่ก็ต้องยอมรับว่าประโยคนั้นของนางมีเหตุมีผล
เต๋อเฟยส่งเสียงหึๆ ออกมา “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าเองก็มิควรที่จะทำให้เรื่องราวนี้ไปถึงฮ่องเต้ งานเลี้ยงในคืนนั้น ขุนนางบู๊บุ๋นนับร้อยล้วนเดินทางมาร่วมงาน ขายหน้าตระกูลราชวงศ์ของเรายิ่งนัก!”
“เสด็จแม่เพคะ เข้าใจลูกผิดไปนะเพคะ!”
หยุนหว่านหนิงสูดจมูกขึ้น ดวงตาของมีเมฆหมอกบางๆ คลุมเครือ
นางมองไปด้วยน้ำตาคลอเบ้า แววตานั้นอ่อนช้อย บอบบางน่าสงสาร
“เสด็จแม่เพคะ ในคืนนั้นเห็นได้ชัดว่าพระชายาอ๋องหยิงต้องการก่อเรื่องให้ใหญ่โต นางกระโดดลงไปในน้ำด้วยตนเอง แต่กลับกล่าวหาว่าลูกเป็นคนทำ แต่ลูกใจดีเข้าไปช่วยเหลือนาง......กลับถูกนางแว้งกัดเสียได้”
หยุนหว่านหนิงยกมือขึ้นเช็ดน้ำตา “เรื่องนี้เมื่อรับรู้ไปถึงหูของเสด็จพ่อ ลูกเองก็มิรู้จะทำเช่นไร”
“หากมิใช่เพราะท่านอ๋องเอ่ยวาจาแทนลูก คาดว่าลูกคงอยากที่จะคัดค้าน ต่อให้กระโดดล้างน้ำในแม่น้ำฮวงโหก็มิอาจชำระสะอาดสะอ้านได้!”
เมื่อกล่าวจบ น้ำเสียงของนางก็ดูสะอึกสะอื้น ราวกับมิสามารถเอ่ยประโยคได้ออกมาได้
เรื่องราวในคืนนั้น ที่จริงเต๋อเฟยเองก็พอจะเข้าใจว่าเกิดเรื่องใดขึ้น
โม่เยว่มิชื่นชอบหยุนหว่านหนิงแต่ไหนแต่ไรมา
แต่เขาเป็นคนที่มีคุณธรรมความดี
บุตรชายของตนมีนิสัยเช่นไร เต๋อเฟยรู้ดีกว่าผู้ใด
แต่ในค่ำคืนนั้น ในเมื่อโม่เยว่เข้ามาปกป้องหยุนหว่านหนิงเอาไว้ นั้นเห็นได้ชัดว่าฉินซื่อเสวียตั้งใจจะหาเรื่อง เหตุผลนี้เต๋อเฟยล้วนเข้าใจ แต่ในอกนั้นมีความรู้สึกโมโหอยู่ หากมิได้ระบายออกไปคงจะอึดอัดใจตาย
เรื่องในงานเลี้ยงคืนนั้น นางมองมิเห็นความผิดของหยุนหว่านหนิง
ดังนั้น กัดฟันพูด“เจ้าเข้าวังมาหลายรอบ ทำไมเจ้ามิเดินทางมาคารวะข้า”
“ข้านับว่าเป็นมารดาของสวามีเจ้า เจ้ามิเดินทางมาคารวะข้าก็มิเท่าไหร่ แต่เมื่อมายังมามือเปล่า ดูซื่อเสวียสิ นางเดินทางมาเป็นประจำ ทั้งยังนำเครื่องดื่มบำรุงร่างกายที่นางปรุงเองมาให้ข้า”
เมื่อหาเหตุผลได้ เต๋อเฟยจะปล่อยนางไปได้อย่างไร
นางบีบบังคับว่า “สะใภ้ที่ไหนเป็นเยี่ยงเจ้ากัน?”
“แม่สามีที่ไหนเป็นเยี่ยงท่านกัน!?”
หยุนหว่านหนิงรีบถกเถียงทันใด
“ เจ้าว่าเยี่ยงไรนะ?”
เต๋อเฟยโมโหเดือดดาลเสียจนแทบเป็นลมล้มพับ
นางเบิกตาจ้องเขม็งไปทางหยุนหว่านหนิง “เจ้ากล้าที่จะต่อคำกับข้าหรือ ข้าในฐานะแม่สามีเป็นอย่างไรกัน? เจ้ากล้าเอ่ยประโยคเดือดแค้นเช่นนี้ออกมาได้อย่างไร!”
“เสด็จแม่กำลังลำเอียง!”
หยุนหว่านหนิงยืดคอเถียงด้วยความสะอึกสะอื้น
ก่อนที่นางจะย้อนเวลากลับไป นางก็เป็นคนเสฉวนอยู่แล้ว เมื่อนางย้อนเวลาอดีตกลับไป ตระกูลของนางก็อยู่ที่เมืองสู่
จากนั้นเดินทางมาตั้งรกรากปักฐานที่เมืองหลวง
ด้วยเหตุนี้เอง ในสายเลือดของนางจึงเต็มไปด้วยความเร่าร้อนดุดัน
“ลูกกล่าวสิ่งใดผิดหรือ เสด็จแม่ชื่นชอบพระชายาอ๋องหยิง ดังนั้นจึงมิชอบลูก และมักจะหาเรื่องจับผิดลูกตลอดเวลา”
หยุนหว่านหนิงเดินข้ามเตาผิงไปแล้วเผชิญหน้ากับเต๋อเฟยตัวต่อตัว “มิว่าลูกทำเรื่องใดก็ตามแต่ เสด็จแม่ล้วนกล่าวว่ามิชื่นชอบ เพราะเสด็จแม่ท่านชื่นชอบเพียงแค่ฉินซื่อเสวีย!”
“เอ๊ะ......นางคนนี้ วันนี้ข้าจะตีเจ้าให้หลังลาย!”
เต๋อเฟยถูกนางกระตุ้นจนโมโห
สองสะใภ้แม่ย่าวิ่งไล่ตามกันไปและเปิดศึกผลัดกันคนละประโยค
หลี่หมัวมัวมองไปเห็นทั้งสองวิ่งไล่ตามกันไป เร่งรีบเสียจนกระทืบเท้าปึงปัง มิรู้ว่าจะเข้าไปห้ามใครดี
นางจึงทำได้เพียงตามหลังสองคนนั้นไป กล่าวว่า “โอ้ยตายแล้ว พระชายาอ๋อง ทรงเงียบปากเกิดเพคะ ดูเข้าสิ เหนียงเหนียงโมโหเพียงใดแล้ว!”
“นางหาเรื่องโมโหของนางเอง มิเกี่ยวอันใดกับข้าเลย”
หยุนหว่านหนิงกระโดดจากเก้าอี้ข้ามไป
หลี่หมัวมัว “......เหนียงเหนียงเพคะ อย่าได้ไล่ตามไปเลย รีบพักผ่อนดื่มน้ำสักหน่อยเถิดเพคะ ระวังจะเหนื่อยเสียจนทำร้ายร่างกายตน”
“ข้าโมโหเพราะแม่นางคนนี้เสียจนแทบคลั่ง จะมีเวลาที่ไหนมาสนใจร่างกายของตนอีกเล่า!”
เต๋อเฟยโมโหกระทืบเท้าปึงปัง “เจ้าจะไสหัวออกไปหรือจะช่วยข้าจับนาง?”
นางพับแขนเสื้อขึ้น ทำท่าทีจะตีหยุนหว่านหนิงให้ได้มิหยุดหย่อน
เมื่อเห็นดังนั้น หลี่หมัวมัวยิ่งรู้สึกหนักใจ
ฝ่ายหนึ่งเป็นเจ้านายของตน อีกฝ่ายหนึ่ง......เป็นหยุนหว่านหนิงที่ให้สุราเอ้อร์กัวโถวแก่นาง
ได้รับผลประโยชน์จากเขา ก็จะต้องทำตามที่เขาสั่ง
หลี่หมัวมัวยืนอยู่ด้านข้าง นางทำอะไรมิถูก
ในตำหนักหย่งโซ่วโหวกเหวกโวยวาย บรรดานางไหนล้วนพากันหลบหลีกมิกล้าโผล่หน้า ทันใดนั้นเอง ก็ได้ยินเสียงดังขึ้นจากทางประตูด้วยความตกใจว่า “นี่มันเกิดอะไรขึ้น?!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อนงค์ใจพระชายาราชสีห์
นิยายสนุก แต่ช่วยมาลงต่อให้จบได้ไหมคะ...
อัพใหม่เถอะค่ะ...
เมื่อไรจะอัพเพิ่มคะ ฮือ รอนานมากแล้วววว...
อนงค์ใจพระชายาราชสีห์ บทที่ 353 - 430 หายไปไหน หายยาววววมากกกก...
รอตอนต่อไปจ้า...
สนุกดีอ่านแล้วขำ 555...