เมื่อปรมาจารย์อู๋ได้ฟังคำนี้ สีหน้าก็ดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ใช่คนใหญ่คนโตอะไร แต่เขาอยู่กับเฟ่ยเหวินเย่ามาตั้งหลายปี คนรอบล้อมตัวเขานั้นต่างเรียกเขาว่าปรมาจารย์อู๋ ตอนแรกวันนี้จะช่วยชายธรรมดาด้วยความเมตตา คิดไม่ถึงเลยว่าอีกฝ่ายจะไม่รักษาน้ำใจขนาดนี้
ในตอนนั้น ปรมาจารย์อู๋เองก็ไม่อยากจะเสียอารมณ์มากแล้ว ก่อนจะยื่นมือไปกดไหล่ของหลี่เหวย
ในขณะนั้นเอง ก็มีความกดดันอย่างหนักหน่วง กดอยู่บนตัวของหลี่เหวย
ปรมาจารย์อู๋ไม่อยากทำให้เรื่องมันใหญ่ขึ้น เพียงแค่อยากให้หลี่เหวยคุกเข่ายอมรับผิด แต่แรงของเขานั้นไม่ใช่แรงที่คนธรรมดาจะรับได้
ในตอนนั้นเอง หลี่เหวยก็ทนต่อไปไม่ไหว จึงงอขาทั้งสองข้าง จนแทบจะคุกเข่าลงกับพื้นแล้ว
หลี่เหวยไม่อยากเสียหน้าต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้ เลยพยายามฝืนไม่ให้ตัวเองต้องคุกเข่าลงไป แต่เขาจะต้านทานปรมาจารย์อู๋ผู้มีชื่อเสียงได้เหรอ?
จากนั้นไม่นาน หลี่เหวยก็ต้านทานต่อไปไม่ไหว เลยคุกเข่าลงกับพื้น
ขณะที่ทุกคนกำลังคิดว่าหลี่เหวยจะคุกเข่าลงกับพื้นแล้วเอาหัวโขกนั้น จู่ๆ ก็เกิดเหตุการณ์ที่น่ากลัวขึ้น นั่นคือการระเบิดออกจากตัวของหลี่ฝาง จนทำให้ในนี้ถูกล้อมเป็นวงในทันที
คนที่ล้อมวงอยู่นั้นไม่ได้รู้สึกว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงมาก เพียงแค่รู้สึกเหมือนกับว่าแสงรอบๆ นั้นมันค่อยๆ มืดลง อุณหภูมิของอากาศเองก็ลดลง จนทำให้พวกเขารู้สึกได้ถึงความหนาวเหน็บ
สำหรับปรมาจารย์อู๋ โลกทั้งใบตรงหน้ามันเปลี่ยนไปหมดแล้ว
สิ่งที่เห็นนั้น เป็นกองศพและทะเลสีเลือด นอกจากนี้ยังมีฟ้าและดินที่มีสีเลือดดูน่ากลัวอย่างเปรียบเทียบไม่ได้ มันทำให้ปรมาจารย์อู๋นิ่งตัวแข็งไป เหมือนกับภูเขาน้ำแข็ง
“ทำไมจู่ๆ ถึงได้หนาวเย็นขนาดนี้ล่ะ?” มีคนบ่นเสียงเบาขึ้นมา
คนมากมายหลายร้อยพันตรงนี้ต่างรู้ได้ว่ามันเกิดอะไรผิดปกติขึ้นมา เพราะบรรยากาศรอบๆ ตัวของหลี่ฝางนั้นปกคลุมแหล่งสมบัติเงินทองเอาไว้ ขนาดคนที่เฝ้าประตู ยังต่างลุกขึ้นมาด้วยความตื่นตา ก่อนจะมองเข้าไปด้านในด้วยความกลัว
แต่เลขาฯหลิวกับเฟ่ยเหวินเย่า พวกเฮียเว่ย สามารถรับรู้ได้อย่างชัดเจน ว่าบรรยากาศที่น่ากลัวนั้นมันออกมาจากหลี่ฝาง ในขณะนั้น ความเคารพที่พวกเขามีต่อหลี่ฝางก็พุ่งทะยานถึงจุดสูงสุด
แต่เมื่อเห็นปรมาจารย์อู๋ตัวสั่นไปทั้งตัว เฟ่ยเหวินเย่ากำลังลังเลว่าจะออกหน้าขอร้องดีไหม
ถึงอย่างไรปรมาจารย์อู๋ก็ตามเขามาหลายปี ถือว่าเป็นคนที่มีความสามารถจริงๆ
เพียงแต่หลี่ฝางในตอนนี้น่ากลัวเกินไป เขาไม่รู้เลยว่าถ้าเกิดว่าตัวเองเปิดปากโน้มน้าว มันจะเกิดอะไรขึ้น
ในที่สุด เฟ่ยเหวินเย่าก็อดไม่ได้ที่จะเปิดปากพูดขึ้น
“คุณหลี่!ปรมาจารย์อู๋เองก็ไม่ได้ติดใจอะไร ไม่ได้เกลียดเพื่อนของคุณ คุณดูหน่อยว่าจะสามารถปล่อยป้าของเขาได้ไหม ฉันจะหาการตอบกลับที่คุณพอใจให้เอง เป็นอย่างไรล่ะ?”
เมื่อพูดแบบนี้ออกไป ในใจของเฟ่ยเหวินเย่าก็ตึงเครียดเป็นอย่างมาก
หลี่ฝางได้ฟังคำของเฟ่ยเหวินเย่า ในใจกลับเกิดความประหลาดใจไม่น้อยเลย
เพราะเขาตัดสินเฟ่ยเหวินเย่าไปตั้งแต่แรกแล้ว เขาน่าจะเป็นคนที่เห็นผลประโยชน์เป็นหลัก คิดไม่ถึงเลยว่าท่ามกลางการกดขี่ของตัวเองในตอนนี้ ยังจะกล้ามาขอร้องแทนคนอื่น
ดูเหมือนกับว่าตัวเองจะมองคนผิดไปตั้งแต่แรก หลี่ฝางเลยอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวในใจ
เพียงแค่ยังไม่รอให้เขาทำอะไร ก็เห็นปรมาจารย์อู๋ที่ยืนอยู่ไม่ขยับเมื่อครู่เดินเข้ามากะทันหัน ก่อนจะเกิดเสียง “ตุ่บ” พลางคุกเข่าต่อหน้าหลี่ฝาง
ท่าทีนี้ ทำให้คนอื่นๆ ต่างตกใจกันไปหมด และก็ทำให้คุณชายโล่งงเป็นไก่ตาแตก
แต่นั่นเป็นปรมาจารย์อู๋นะ!
เขานั้นเป็นคนที่คนจับตามอง เป็นคนระดับสูงของเมืองจินซาน ใครได้เจอต่างก็เรียกเขาว่า “ปรมาจารย์อู๋” ไม่ใช่เหรอ?คนอย่างเฟ่ยเหวินเย่าถึงจะดึงเขาเอาไว้ได้ ขนาดพ่อของตัวเองยังปะทะคารมกัน ไม่สนใจไม่ได้
แต่ทำไมคนอย่างปรมาจารย์อู๋ ถึงมาคุกเข่าลงตรงหน้าหลี่ฝางที่ไร้หัวนอนปลายเท้ากันนะ?
คุณชายโล่มองหลี่ฝางเล็กน้อย ก็เห็นแต่ความอับจนไร้ศักดิ์ศรีเท่านั้น
เสื้อผ้าที่รวมกันทั้งตัวไม่น่าจะเกินสามร้อย ดูไม่เข้ากับสถานการณ์ตรงนี้เลย แถมยังทำให้น่าสงสัยว่าเขาใช้วิธีไหนในการเข้ามาได้
มันเหมือนกับคนกระจอกที่ต่อยตีกับตัวเองเลย!
คุณชายโล่อยากถามว่าปรมาจารย์อู๋บ้าไปแล้วหรือเปล่า เลยอ้าปากแต่กลับพูดอะไรไม่ออก
ปรมาจารย์อู๋หรือตัวเองกันแน่ที่เป็นบ้า?
คุณชายโล่ส่ายหัวไปมาด้วยความไม่เชื่อ เพราะอยากให้ตัวเองมีสติกว่านี้
แต่ความจริงที่น่ากลัวกลับเป็นแบบเดิม ฉากตรงหน้านั้นมันไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง