“ลูกพี่”
เมื่อเห็นโทรศัพท์จากแมงป่อง ร่างของสวีเจ๋ ก็สั่นสะท้านโดยไม่รู้ตัว
สวีเจ๋รู้ดี ถ้าเกิดหลี่ฝางจากไปแบบนี้ ก็เท่ากับว่าตัวเองได้ทำให้เรื่องนี้ล้มเหลวไปแล้ว ลูกพี่ของตัวเอง จะต้องโกรธแน่ ๆ เลย
นี่ก็กำลังจะตำหนิตัวเองแน่เลย......
สวีเจ๋ไม่กล้าที่จะรับสายลูกพี่ของตัวเอง เพราะว่าเขารู้ ที่รอตัวเองอยู่นั้น ก็คือความโกรธเกรี้ยวดั่งสายฟ้าฟาดของลูกพี่แมงป่อง
สวีเจ๋มองไปที่หลี่ฝาง ถือโอกาสที่หลี่ฝางยังไปได้ไม่ไกลนัก เขารีบวิ่งออกไปทันที วิ่งจนไปถึงด้านหน้าของหลี่ฝาง แล้วหอบหายใจอย่างหนัก เขากล่าวกับหลี่ฝาง: “น้องชาย เห็นแก่หน้าฉันหน่อยได้ไหม นายปัดก้นจากไปแบบนี้ ฉันยากจะอธิบายกับลูกพี่แมงป่องได้”
สวีเจ๋ท่าทางรีบร้อนกระวนกระวาย ขณะเดียวกันก็มีความหวาดกลัวปะปนอยู่ด้วยไม่น้อย
หลี่ฝางมองดูเขาแวบหนึ่ง แล้วกล่าวอย่างเรียบ ๆ : “นายจะทำยากหรือไม่ยาก แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉันด้วย ฉันไม่ได้บอกว่าจะพบลูกพี่ของนายสักหน่อย เป็นนายที่พูดเองเออเอง แล้วเรียกเขามาที่นี่”
“นอกจากนี้ เราสองคนพึ่งเจอกันไม่กี่ครั้ง แล้วเมื่อคืนนายยังลักพาตัวแฟนฉันอีก แถมยังกรรโชกรีดไถเงินฉันไปจำนวนมหาศาล พูดตามตรงแล้ว ระหว่างพวกเราไม่ได้มีมิตรภาพต่อกันเลย ทำไมฉันต้องไว้หน้านายด้วย นายว่าไหมล่ะ?”
หลี่ฝางหัวเราะเหอะ ๆ พอพูดจบเขาก็เดินต่อไป
และในตอนนั้นเองสวีเจ๋ก็ยื่นมือออกไปดึงแขนของหลี่ฝางเอาไว้: “น้องชาย เรื่องเมื่อคืน ถือว่าฉันผิดแล้วได้ไหมล่ะ เอาอย่างนี้ ฉันขอโทษแฝนของนาย นอกจากนี้ ดอกเบี้ยของหวางเหมียวที่เก็บเกิน ฉันจะให้นายโดยไม่ขาดแม้แต่บาทเดียว ขอร้องนายล่ะ พบกับลูกพี่ของฉันหน่อย”
“ถ้านายจากไปแบบนี้ ฉันจะต้องจบเห่แน่เลย”
สวีเจ๋รู้จักนิสัยของลูกพี่ของตัวเองดี ถ้าหากหลี่ฝางจากไปแล้ว เช่นนั้นไฟโทสะที่สุมอยู่ในใจของแมงป่อง จะต้องสุมลงที่ตัวของเขาอย่างแน่นอน
พอถึงเวลานั้น เบาหน่อยก็ถูกต่อยสักยก และถ้าหนักหน่อย มีความเป็นไปได้สูงที่ต้องสูญเสียอวัยวะบางส่วน หรือแม้แต่อาจถูกไล่ออกไปเลยก็ได้
หรือต่อให้ไม่ถูกไล่ออกไป ในอนาคต ตัวเองก็คงไม่ถูกให้ความสำคัญอีกแล้วล่ะมั้ง?
ดังนั้น สวีเจ๋ไม่อยากให้หลี่ฝางไป ต่อให้ตัวเองต้องควักเงินจากกระเป๋าจ่ายดอกเบี้ยจำนวนแสนห้านั่นก่อน ยังไงก็ต้องรั้งหลี่ฝางเอาไว้ให้ได้
หลี่ฝางส่ายหัว กล่าว: “ดอกเบี้ยนิดหน่อยนั่นฉันไม่สนใจหรอก และยิ่งไม่สนใจลูกพีแมงป่องของพวกนาย”
และในเวลานี้ โทรศัพท์จากแมงป่อง ก็ได้โทรเข้ามาอีกครั้ง
ร่างของสวีเจ๋สั่นสะท้านอีกครั้ง เมื่อกี้เขาได้ปฏิเสธสายจากแมงป่องไปแล้วครั้งหนึ่ง ถ้าหากยังปฏิเสธอีกล่ะก็ หลังจากเรื่องจบ แมงป่องจะต้องตัดแขนทั้งสองข้างของเขาแน่เลย
สวีเจ๋รับสายจากแมงป่อง อีกด้านของสาย เสียงอันเย็นชาของแมงป่องดังขึ้น: “ทำไม ยังจัดการไม่เรียบร้อยเหรอ?”
“ลูกพี่ ให้เวลาผมอีกนิดหนึ่งนะครับ”
สวีเจ๋ไม่ใช่คนโง่ เป็นธรรมดาที่เขาจะรู้ว่าที่หลี่ฝางบอกว่าปวดท้อง ไม่ค่อยสบาย ต่างก็เป็นเพียงข้ออ้าง
ใช้เหตุผลของหลี่ฝางมาอ้างกับแมงป่อง แบบนั้นยิ่งจะทำให้แมงป่องโกรธมากกว่าเดิม
“ได้ ฉันให้เวลาแกสามนาที สามนาทีนี้ถ้าแกจัดการมันไม่ได้ งั้นฉันจะจัดการแกเอง” พอกล่าวจบ เขาก็ตัดสายทันที
เวลาสามนาที?
แกไม่จัดการมันชั่ว ฉันจะจัดการแก?
สวีเจ๋กลืนน้ำลาย คำพูดพวกนี้ เท่ากับว่าเป็นคำเตือนครั้งสุดท้ายที่ให้กับตัวเอง
สวีเจ๋ที่วางโทรศัพท์ลง ได้พูดกับหลี่ฝาง: “น้องชาย ช่วยฉันหน่อยนะ พบแค่แป๊บเดียว นายไปบอกปฏิเสธกับลูกพี่ของฉันด้วยตัวเอง ได้ไหม?”
หลี่ฝางส่ายหัว: “ปล่อยแขนฉันนะ ไม่อย่างนั้นล่ะก็ ฉันจะไม่เกรงใจแล้วนะ”
หลี่ฝางชะงักงัน ไม่เกรงใจ?
หลี่ฝางส่งสายตาให้กับถังหยู่ซวน ส่วยถังหยู่ซวนก็ได้เตรียมพร้อมนานแล้ว รอแค่คำสั่งจากหลี่ฝางเท่านั้น ทันใดนั้นเขาก็พลันกระโดดออกมา หมัดสอยดาวข้างซ้ายของเขาพุ่งเข้าหาสวีเจ๋ และโดนเข้าที่หน้าของสวีเจ๋เต็ม ๆ
สวีเจ๋โดนต่อยจนของหลังไปหนึ่งเมตร สีหน้าเปลี่ยนเป็นชั่วร้ายขึ้นมา
“เหอะ ๆ คิดไม่ถึงว่าแกอายุยังน้อย แต่ก็ร้ายกาจไม่เบานี่” สวีเจ๋ยิ้มอย่างดูแคลน และกำหมัดแน่น
“ในเมื่อแกไม่เห็นแก่หน้าฉัน งั้นฉันก็ไม่จำเป็นต้องประจบสอพลอก้มหัวขอร้องแกอีก ก่อนที่ฉันจะตาย ฉันจะฆ่าพวกแกสองคนก่อน” สวีเจ๋กล่าวอย่างเยือกเย็น
ในตอนนี้หลี่ซ่วยซ่วย ตกใจกลัวจนก้าวถอยหลังไปหลายก้าว
สวีเจ๋พูดจบ ก็ตรงเข้ามาทันที เขาสามารถกินข้าวชามนี้กับแมงป่องได้ ไม่ใช่เพราะเขาเลียแข้งเลียขาเป็น และไม่ใช่เพราะมีเส้นสาย แต่เป็นเพราะเขาสู้เก่ง และโหดเหี้ยมพอ
แมงป่องที่อยู่ในรถ เมื่อเห็นภาพสถานการณ์เช่นนี้ เขาก็ยิ้มขึ้นมาอย่างครุ่นคิด: “น่าสนใจจริง ๆ ลงมือกันแล้วด้วย”
“ฉ่างจือ แกว่าไอ้หนุ่มผู้ดีนั่นเป็นใครมาจากไหน ทำไมถึงไม่ยอมมาพบฉัน” แมงป่องถามขึ้นมาอย่างสงสัย
ฉ่างจือเป็นคนขับรถของแมงป่อง และเป็นลูกบุญธรรมที่แมงป่องเลี้ยงมาตั้งแต่เด็ก นอกจากจะมีฝีมือการต่อสู้ดีแล้ว ทั้งยังมีไหวพริบเหนือคนอื่น แน่นอนว่า ที่เข้าตาแมงป่องที่สุด คือความจงรักภักดีที่เขามีต่อตัวเอง
“เมืองเอกและอำเภอหลินอยู่ไม่ไกลกัน ขับรถเพียงแค่หนึ่งชั่วโมง พวกลูกท่านหลานเธอในเมืองเอกที่มีอายุราว ๆ นี้ ต่อให้ไม่เคยมาที่อำเภอหลิน ก็น่าจะเคยได้ยินชื่อเสียงของพ่อบุญธรรมอยู่บ้าง ให้ผมเดา ที่ไอ้หนุ่มผู้ดีนั่นไม่ยอมพบพ่อบุญธรรม จะต้องเป็นเพราะที่บ้านมีความสัมพันธ์อะไรบางอย่างกับพ่อบุญธรรมอย่างแน่นอน”
ฉ่างจือยิ้มกล่าว
“ใช่ ฉันก็คิดแบบนี้เหมือนกัน แต่ว่านะ ถึงฉันจะมีศัตรูอยู่นับไม่ถ้วน แต่ก็เคยไม่เป็นศัตรูกับคนมีเงิน ฉันคิดอยู่ครึ่งค่อนวันแล้ว กลุ่มคุณชายผู้ดีในเมืองเอก น่าจะมีแค่ไม่กี่คนที่เป็นศัตรูกับฉัน”
แมงป่องยิ้ม: “แกขับรถไปข้างหน้าอีกหน่อย ฉันจะดูสิว่า ไอ้หนุ่มผู้ดีคนนี้เป็นใครกันแน่”
ในเมื่อหลี่ฝางไม่ยอมที่จะมาพบแมงป่อง งั้นแมงป่องก็ต้องเป็นฝ่ายมาพบหลี่ฝางเองแล้ว
ฉ่างจือพยักหน้า จากนั้นก็สตาร์ทรถขึ้นทันที หัวใจของหลี่ฝาง สั่นสะท้านขึ้นมาทันใด
แย่แล้ว!
และในขณะเดียวกันนั้ภายในใจของถังหยู่ซวนก็รู้ดี ไม่ว่าจะยังไง จะให้แมงป่องเห็นหน้าหลี่ฝางไม่ได้
“ยังมีคนที่สามารถต่อกรกับหลอซ่าได้อีกเหรอครับ?” ฉ่างจือไม่ค่อยอยากจะเชื่อ
“พวกแกที่เรียนศิลปะการต่อสู้ ต่างก็เห็นหลอซ่าเป็นพระเจ้า หลอซ่าก็แค่คนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้นเอง ไม่ได้วิเศษอะไรสักหน่อย ทำไมต้องกลัวมันขนาดนั้น? ถ้าหากมันน่ากลัวแบบนั้นจริง ๆ เมื่อสามปีก่อนจะถูกไล่ออกไปจากเมืองเอกได้ยังไง?”
“แกว่าไหมล่ะ?” แมงป่องกล่าว
ฉ่างจือกล่าวเสียงเบา: “ในตอนนั้นผมได้ยินว่า หลอซ่าใช้พลังของตัวเองเพียงคนเดียว เผชิญหน้ากับคนทั่วทั้งเมื่องเอก ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีบุคคลที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังลงมือด้วย ดังนั้นหลอซ่าถึงได้พ่ายแพ้ไป”
“จะเป็นเพราะอะไรก็ช่าง แพ้ก็คือแพ้ ไม่ต้องไปหาเหตุผลอะไรให้มัน”
แมงป่องกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ แล้วเปิดประตูรถ
และที่ด้านนอกในเวลานี้ ถึงแม้ถังหยู่ซวนจะให้หลี่ฝางจากไป แต่หลี่ฝางจากไปได้ยังไง?
ทิ้งถังหยู่ซวน พี่น้องที่สนิทสนมของตัวเองเอาไว้ แล้วหนีเอาตัวรอด?
จุดนี้ หลี่ฝางทำไม่ได้หรอก
หลี่ฝางไม่ขยับเลยสักนิด แต่เขากลับมองไปที่หลี่ซ่วยซ่วย แล้วกล่าว: “ซ่วยซ่วย นายหนีไปเถอะ ฉันไม่อยากทำให้นายต้องเดือดร้อนไปด้วย”
“หลี่ฝาง ฉัน...”
หลี่ซ่วยซ่วยยังไม่ทันได้พูดจบ หลี่ฝางก็กล่าวขึ้นมาอีกครั้ง: “ไปเถอะน่า นายไม่เหมือนกันกับพวกเรา พวกเราไม่ใช่คนอำเภอหลิน แต่นายเป็น ถ้าหากให้แมงป่องรู้ตัวตนของนาย ต่อไป นายและครอบครัวของนาย จะต้องเจอกับปัญหามากมาย”
“นายไปเถอะ ฉันไม่โทษนายหรอก” หลี่ฝางกล่าว
เดิมทีใจของหลี่ซ่วยซ่วยก็ค่อนข้างที่จะลังเล เขาอยากจะหนี แต่ก็กลัวว่าหลี่ฝางจะกล่าวโทษเขา ดังนั้นถึงได้ลังเล แต่หลังจากที่หลี่ฝางเอ่ยคำพูดเหล่านี้ ความกดดันในใจของเขา จู่ ๆ ก็แทบไม่เหลือเลย
หลี่ซ่วยซ่วยไม่ลังเลใด ๆ วินาทีที่เห็นแมงป่องเปิดประตูรถ เขาก็รีบหนีไปทันที
หลี่ฝางมองดูหลี่ซ่วยซ่วยจากไป ภายในใจก็อดไม่ได้ที่จะหดหู่เล็กน้อย ถึงแม้จะเป็นตัวเองที่บอกให้หลี่ซ่วยซ่วยหนีไป ถึงแม้ว่าหลี่ซ่วยซ่วยจะมีความลำบากใจ
แต่หลี่ซ่วยซ่วยดีกับเขาซะขนาดนั้น นอกจากนี้ ที่ตัวเองมีปัญหากับแมงป่อง จะว่าไปแล้ว ก็ไม่ใช่เพราะหลี่ซ่วยซ่วยหรอกเหรอ?
เพราะหลี่ซ่วยซ่วย ตัวเองถึงได้ทำร้ายหยิ่นเหล่ย ตระกูลหยิ่นถึงได้ไปหาแมงป่องให้มาต่อกรกับตัวเอง แต่พอมาวันนี้ เกิดความหายนะขึ้นมา หลี่ซ่วยซ่วยหนีไป กลับเหลือไว้เพียงตัวเองที่เป็นคนช่วยคนนี้
พูดให้ถูกหน่อยก็คือ หลี่ซ่วยซ่วยไม่ใจนักเลงพอ ทำให้หลี่ฝางรู้สึกห่อเหี่ยวใจ
หลังจากที่แมงป่องลงจากรถ ฉ่างจื่อก็รีบดับเครื่องยนต์ทันที และเดินตามมาอย่างติด ๆ ถึงแม้ฉ่างจือจะไม่เห็นด้วยที่แมงป่องจะจัดการกับลูกชายของหลอซ่า แต่ในเมื่อแมงป่องตัดสินใจที่จะทำแบบนั้น งั้นฉางจื่อก็จะทำตาม
“คุณชายหลี่ เดินทางจากเมืองเอกมาเที่ยวเล่นซะไกลถึงอำเภอหลิน ทำไมถึงไม่บอกฉันสักคำล่ะ ถ้าบอกฉันสักคำ ฉันก็จะทำหน้าที่ฐานะเจ้าบ้านให้ดีที่สุด” แมงป่องเดินขึ้นมาข้างหน้า เขามองหลี่ฝางแล้วยิ้มขึ้นมาอย่างมีเล่ห์เหลี่ยม
ในเวลานี้ สวีเจ๋ได้ถอยหลังไปสองสามก้าว เขาวางมือจากการต่อสู้กับถังหยู่ซวน: “ลูกพี่ คุณรู้จักเขาเหรอครับ?”
สวีเจ๋ดูเหมือนจะไม่เข้าใจอะไรบางอย่าง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง