หลังจากที่กลุ่มคนรอบข้างถูกไท่ซางตะคอกใส่ไป ทันใดนั้นก็ค่อยๆ แยกย้ายกันไป ไม่กล้าจะอยู่ต่อไปเลยสักนิด
ถึงยังไงภาพเมื่อกี้ที่ไท่ซางโมโหยังคงชัดเจน พวกเขาไม่อยากถูกโยนออกไปเหมือนหมา
วินาทีนั้น คนรอบข้างก็วิ่งหายไปจนโล่ง เหลือแค่หลี่ฝางที่ยังยืนอยู่ตรงนั้น
ในตอนนี้ ในที่สุดสายตาของไท่ซางก็หันไปมองหยูหลิงฮุ่ย
ที่เขาออกหน้าไม่ได้เพื่อความยุติธรรม
หยูหลิงฮุ่ยเห็นไท่ซาง ก็เดาความคิดของเขาออกโดยธรรมชาติ แต่แค่ไม่กล้าจะจากไปแบบนี้ หลังจากลังเลอยู่ครู่ ทำได้แค่เดินเข้าไปข้างหน้าเพื่อขอบคุณไท่ซาง
ดังนั้นหยูหลิงฮุ่ย ตอนแรกที่เจอกับหลี่ฝางสองคนนี้เจอเธอครั้งแรกพวกเขาต่างกันโดยสิ้นเชิง อำนาจบาตรใหญ่ในตอนแรกก็หายไปนานแล้ว ตอนนี้ราวกับเด็กที่ทำความผิดอย่างไงอย่างนั้น ดูแล้วท่าทางประหม่าและวิตกกังวล
ไท่ซางกลับยิ้มเหอะๆ และพูดขึ้นเสียงเบา: “ไปนั่งที่เรือนฉันเป็นไง? เรือน2ของฉันนั้นกว้างขวางกว่าเยอะ ที่นั่นโซฟาทั้งใหญ่และนั่งสบาย เธอสามารถทบทวนได้ว่าจะลองเข้าไปพักกับฉันมั้ย”
เขาพูดพลาง มือของเขาก็วางบนไหล่ของหยูหลิงฮุ่ยตามใจตัวเอง
รู้สึกถึงมือของไท่ซางที่มาสัมผัสตัวเอง หยูหลิงฮุ่ยก็สะดุ้ง อยากจะหลบก็แต่ไม่กล้า สุดท้าย จึงทำได้แค่เลือกยอมศิโรราบอย่างหมดหนทาง
วันนี้เธอได้เห็นสภาพแวดล้อมภายนอกที่อันตรายและน่ากลัวอย่างแจ่มแจ้งแล้ว และในที่สุดก็เข้าใจ ว่าเมื่อก่อนตนใช้ชีวิตแค่ในแวดวงสังคมเล็กๆ ถูกพ่อของตนปกป้องนั้นดีแค่ไหน
และในที่สุดก็ได้เข้าใจ ถ้าหากไม่มีความสามารถมากพอที่จะมารองรับ ความเย่อหยิ่งของตนเมื่อก่อนในสายตาคนอื่น นั้นน่าขันแค่ไหน
ไท่ซางดูเหมือนจะรู้สึกความแปลกในใจของหยูหลิงฮุ่ย จึงพูดเสริมอย่างหนักแน่น: “ได้ยินมาว่าตอนนี้เธอพักอยู่ในที่ที่สภาพแวดล้อมแย่มากๆ? เธอดูเอา เธอหน้าตาสวยขนาดนี้ จะไปพักอยู่ในที่แบบนั้นได้ยังไงกัน? คนที่ไม่รู้จักตื้นลึกหนาบางผ่านไปผ่านมา อันตรายแค่ไหน”
ได้ยินไท่ซางพูดแบบนี้ ในใจของหยูหลิงฮุ่ยก็ยิ่งเจ็บปวด เพราะว่าตอนนี้ไม่ใช่ว่าเธอพักอยู่ในที่ที่ไม่มี แต่เธอไม่มีแม้แต่ที่จะพัก
หลังจากถูกไล่ พวกเขาก็ไม่มีที่อื่นให้ไป พ่อลูกสองคนเตรียมตัวนอนค้างในรถคืนนึง
“นายคือปรมาจารย์จริงๆ เหรอ?” ในที่สุด หยูหลิงฮุ่ยก็ตัดสินใจ ไม่ลังเลอีก แล้วถามขึ้นมาคำถามนึง
“แน่นอน ฉันไม่มีทางโกหกเธอหรอก” ไท่ซางยิ้มฮี่ๆ รู้ว่าปลาติดเบ็ดแล้ว
หยูหลิงฮุ่ยพยักหน้า แอบเศร้าในใจเล็กน้อย แต่กลับไม่มีความรู้อะไรไปมากกว่านั้น
เพราะว่าที่จริงแล้วเธอก็อยากเกาะความสัมพันธ์กับตระกูลใหญ่ๆ ไม่ว่าจะเป็นชิวเฉิงฝูหรือไท่ซางก็ดี โดยเฉพาะเกาะไท่ซางได้ ผลลัพธ์มันดีกว่าที่เธอคิดไว้เป็นหมื่นเท่า
ถึงยังไงชิวเฉิงฝูก็ไม่ได้มีตำแหน่งอะไรในตระกูลชิว ก็แค่ญาติห่างๆ เท่านั้น แต่ไท่ซาง กลับเป็นปรมาจารย์ท่านนึงที่พ่อบ้านของตระกูลชิวยังต้องเคารพนับถือ
คิดแบบนี้ กลับกันในใจของหยูหลิงฮุ่ยก็สบายใจขึ้นมามาก แม้กระทั่ง ยังรู้สึกอิ่มเอมใจตัวเองอยู่บ้าง
ไท่ซางเห็นว่าหยูหลิงฮุ่ยในที่สุดก็ยอมตน ในใจก็มีความหวังขึ้นมา แม้กระทั่งมีความรู้สึกร้อนอกร้อนใจรอไม่ไหวเกิดขึ้น
และหลี่ฝางตอนนี้ก็ไม่มีเวลาว่างคิดถึงเรื่องนั้น สติสตังของเขาทั้งหมดจดจ่ออยู่ที่แหวนนิ้วโป้งหยกที่เขาเพิ่งได้มา
หลังจากพยายามอยู่ระยะนึง ในที่สุดหลี่ฝางก็นำกำลังภายในของตัวเองอัดเข้าไปในแหวนนิ้วโป้งหยกวงนี้ ทันใดนั้น เขาก็ตรวจสอบได้แล้วว่าด้านในแหวนหยกวงนี้มีอะไรอยู่กันแน่
นั่นคือออร่าแปลกๆ ที่คลุ้งเต็มไปหมด
ปราณบริสุทธิ์เหล่านี้ไม่มีสิ่งเจือปนเลยแม้แต่น้อย สามารถผสานเข้ากับกำลังภายในของหลี่ฝางได้อย่างง่ายดาย ไม่มีอุปสรรคอะไรใดๆ ทั้งสิ้น
และในขณะที่กำลังทำอยู่นั้น หลี่ฝางรู้สึกว่ากำลังภายในของตัวเอง มีความเปลี่ยนแปลงไปอีกครั้ง
พลังปราณที่เป็นกำลังภายใน ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นบริสุทธิ์ขึ้นเรื่อยๆ และยิ่งผสานเข้ากันมากขึ้น ถ้าหากพูดว่ากำลังภายในเมื่อก่อนคือไม้อัดแผ่นนึง งั้นตอนนี้กำลังภายในของเขากำลังเปลี่ยนกลายเป็นโลหะ
ตอนที่ค้นพบสิ่งนี้ หลี่ฝางก็ไม่ได้แปลกใจ
เหตุผลที่ปรมาจารย์กำลังภายในแตกต่างกับวิทยายุทธได้ มีความสามารถที่แตกต่างกันราวฟ้ากับดิน จุดที่สำคัญ ก็คือสามารถฝึกฝนกำลังภายในออกมาได้
ความมหัศจรรย์ของกำลังภายใน ก็คือสามารถทำให้ปรมาจารย์กำลังภายในมีแรงที่มหาศาล จนสามารถชกหินให้แตก แม้กระทั่งถึงขั้นฉีกโลหะได้เลย
สำหรับปรมาจารย์กำลังภายในแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุด ก็คือลำบากฝึกฝนให้มีกำลังภายในออกมา และยิ่งกำลังภายในบริสุทธิ์ ก็ยิ่งสามารถมีพลังได้มากขึ้นเท่านั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง