ฮั่วเทียนหลันมองไปที่ดวงตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักของมู่เหว่ย เหมือนกับว่าเขามองเห็นอะไรบางอย่างในตาของเธอ
สุดท้าย เขาก็ค่อยๆเอาจับแขนของมู่เหว่ยออก เพื่อให้เธอได้พักผ่อน
เขาออกมาจากห้องนอน รู้สึกกลุ่มใจเล็กน้อย เขาจึงนัดฮัวเส้าซู่ออกมาดื่มเหล้า
กลางดึก ฮัวเส้าซู่เพิ่งออกมาจากเมืองเวินโหรวเพื่อกลับไปรายงานตัวที่บ้าน แต่จู่ๆก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น นั้นทำให้เขาตกใจมาก
แย่แล้ว! หรือว่าแม่จะโทรมาเร่ง?
ฮัวเส้าซู่รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู เขาถึงรู้ว่าเป็นพี่รองที่โทรมา
เขาถอนหายใจยาวๆ หลังจากนั้นก็รับโทรศัพท์ “พี่รอง นี่มันก็ดึกแล้วจะโทรมาสั่งอะไรอีก?”
“ออกมา!” ฮั่วเทียนหลันพูดออกมาด้วยนำเสียงที่เย็นชา หลังจากนั้นก็วางโทรศัพท์
ฮัวเส้าซู่รีบใส่เสื้อผ้าและวิ่งลงมาด้านล่าง ในตอนนั้นเขาก็เห็นว่ารถของฮั่วเทียนหลันมาจอดรอเขาอยู่หน้าตึกแล้ว
ไปดื่มเหล้ากันสองคน เทียนหลันดื่มไปแล้วหกแก้ว
เขาดื่มอย่างเดียวไม่ได้พูดอะไร ทำให้ฮัวเส้าซู่รู้สึกกังวล เพราะว่านี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นพี่รองเป็นแบบนี้
คิดไม่ออกว่ามันเป็นเพราะอะไร?
“พี่รอง พี่เป็นอะไร?” ฮัวเส้าซู่ขับมือของฮั่วเทียนหลันไว้ไม่ให้กระดกแก้วที่เจ็ดลงไปแล้วพูดออกมา
ฮั่วเทียนหลันมองมาที่ฮัวเส้าซู่ด้วยท่าทางจริงจัง จากนั้นก็วางแก้วลงอย่างแรง
เปรี๊ยะ!!! แก้วใบนั้นได้แตกลงแล้ว
“แกเห็นข่าวบนอินเทอร์เน็ตช่วงนี้ไหม?” ฮั่วเทียนหลันไม่สนใจเหล้าที่หกอยู่บนโต๊ะ แล้วถามออกมา
ฮัวเส้าซู่พยักหน้าด้วยความสงสัย
“แกคิดว่าเรื่องนี้มันเป็นเรื่องจริงไหม?” ฮั่วเทียนหลันถาม
นี้ทำให้ฮัวเส้าซู่ถึงกับตะลึง เขาพูดออกมาด้วยความรู้สึกที่ไม่อยากจะเชื่อว่า “พี่รอง พี่กำลังสงสัย....”
คำพูดต่อไปของเขายังไม่ทันได้ออกมา ก็ถูกฮั่วเทียนหลันขัดออกมาด้วยสายตา พร้อมพูดว่า “ตอบให้ตรงคำถาม....”
เนื่องจากฮั่วเทียนหลันไม่ยอมให้เขาพูด เขาจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เปิดเข้าไปดูวีดิโอ ดูได้สักพักเขาก็กดหยุดตรงภาพที่เขาต้องการที่จะให้ฮั่วเทียนหลันได้เห็น
“พี่รอง พี่ลองดูนี่ ในตอนนี้พี่สะใภ้รองยังอยู่ที่หน้าประตูอยู่เลย พูดตามเหตุผล เธอไม่มีทางเอื้อมมีมาตบผู้หญิงคนนี้ได้แน่”
ฮั่วเทียนหลันค่อยๆก้มลงมามองที่โทรศัพท์ จากนั้นก็พยักหน้าเบาๆ
หลังจากนั้นฮัวเส้าซู่ก็เปิดต่อไปอีกสักพัก และก็หยุดไว้อีกครั้งหนึ่งพร้อมพูดว่า “คนทั่วไปตอนโนกระชากล้ม ตอนมีอาการเซเล็กน้อย หรือล้มลงไปแบบไม่รู้ตัว แต่พี่ดูผู้หญิงคนนี้ เธอไม่มีท่าทีแบบที่ว่าเลย เหมือนกันว่าเธอล้มไปด้วยตัวของเธอเอง...”
ดวงตาของฮั่วเทียนหลันจ้องไปที่หน้าจอของโทรศัพท์ ฮัวเส้าซู่ทำแบบนี้ ทำให้ฮั่วเทียนหลันคิดถึงเรื่องที่เขาไม่เคยคิดมาก่อน และนั้นทำให้เขาเข้าจะอะไรหลายๆอย่างมากขึ้น
เขาพยักหน้า และเอื้อมมือไปปิดโทรศัพท์ของฮัวเส้าซู่
ไม่ทันได้รอให้ฮัวเส้าซู่พูดอะไรออกมา เขาก็เอื้อมมือไปหยิบแก้วแล้วพูดออกมาว่า “ดื่ม!”
ช่วงนี้อันหรันกำลังหมกมุ่นเกี่ยวกับเรื่องการแต่งงานของฉีหลาน
ฉีหลานก็เป็นเพื่อนที่ดีของเธอคนหนึ่ง ในชีวิตของคนมีการแต่งงานเพียงครั้งเดียว จะทำยังไงให้งานแต่งงานนี้ออกมาดีที่สุด
แต่เนื่องจากหลายปีมานี้เธอไม่ค่อยไปเจอกับฉีหลานสักเท่าไหร่ จึงทำให้เธอไม่ค่อยรู้รายละเอียดอะไรมากนัก
ดังนั้นเธอจึงนัดฉีหลานออกมาเจอ พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องการจัดงาน
เจอกันร้านกาแฟที่เดิม ครั้งนี้อันหรันมาถึงก่อน รอเพียงไม่นานก็เห็นผู้หญิงที่ที่รูปร่างสวยงามเดินมาที่หน้าประตูของร้านกาแฟ
“พี่ฉีหลาน ฉันอยู่นี่!”
อันหรันทักทายฉีหลาน ฉีหลานจึงเดินมาหาเธอ
อันหรันหยิบแบบร่างของงานแต่งส่งให้ฉีหลานพร้อมกับพูดว่า “พี่ฉีหลาน นี่คือชุดแต่งงานและสไตล์การแต่งกายที่ฉันออกแบบ ด้านหลังคือรูปสถานที่จัดงาน พี่ลองดูสักหน่อย”
ฉีหลานรับมา แล้วตั้งใจดู
อันหรันที่อยู่ข้างๆพูดออกมาเบาๆว่า “ถ้าพี่ไม่ถูกใจตรงไหนก็บอกฉันได้เลยนะ ฉันจะแก้ให้เดี๋ยวนี้เลย”
ฉีหลานพอใจ
อันหรันพูดออกมาด้วยความมั่นใจ ฉีหลานยิ้มและพูดออกมาว่า “เธอทำได้ดีมากๆ ไม่มีอะไรต้องแก้เลย”
เมื่อพูดเสร็จ เธอก็ว่างแบบร่างนั้นลง
เขาเดินออกมาสูดอากาศด้านนอก เขาก็ได้ยินเสียงเท้าเดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆ
“จื่อหยิม คุยกันเป็นอย่างไรบ้าง?”
หลี่รอซีเดินมาควงแขนหยางจื่อหยิมด้วยท่าทางที่สีดใสแล้วถามออกมา
หยางจื่อหยิมไม่ได้พูดอะไร เขายิ้มออกมาอย่างเยือกเย็น คนของตระกูลหลี่ น่าสนใจจริงๆ
กลัวว่าเลขขาธรรมดาไม่สามารถจัดการเขาได้ จึงส่งหลี่รอซีมาดูแลเขา
“ประธานหลิงยังไม่ได้ปริปาก เพราะโครงการนี้ถ้าทำโดยFahrenheit Groupจะปลอยภัยที่สุด”
หยางจื่อหยิมพูดจบ หลี่รอซีก็ปล่อยมือออกจากแขนของหยางจื่อหยิม เธออารมณ์เสียเล็กน้อย พูดออกมาว่า “ทำไมต้องเป็นFahrenheit Groupอีกแล้ว ฉื่อหยิม ครอบครัวของคุณไม่ได้สนิทสนมกับประธานหลิงหรอ? แค่โครงการเล็กแค่นี้ ให้พวกเราทำไม่ได้หรอ?”
โครงการเล็กๆ? หยางจื่อหยิมยิ้มออกมาในใจ หลี่รอซีพูดง่ายเกินไป
โครงการนี้เป็นโครงการฟื้นฟูวิถีชีวิตขนาดใหญ่ที่ได้รับทุนจากรัฐบาล แค่การลงทุนในระยะแรกก็มีเงินทุนสูงถึงหลายหมื่นล้าน
ตามความเป็นจริงแล้วถึงแม้ว่าครอบครัวหยางและครอบครัวหลี่ช่วยกันทำโครงการนี้ในขั้นแรกก็ยังอาจจะเอาตัวไม่รอด นั้นไม่ต้องพูดถึงทั้งหมดเลย มันต้องไม่สำเร็จแน่นอน
ถ้าหากมีปัญหาอะไรเกิดขึ้นระหว่างดำเนินการ โครงการทั้งหมดจะถูกยกเลิกเงินทุน
ดังนั้นที่หลิงเทียนไม่ได้พูดอะไรออกมา หยางจื่อหยิมก็สามารถเข้าใจได้
เขาลูบไปที่ผมของหลี่รอซีเบาๆ พร้อมพูดออกมาว่า “ไว้ฉันจะไปคุยกับเขาอีกที”
ดวงตาของหลี่รอซีแสดงถึงความไม่พอใจ แต่เธอก็ปกปิดมันไว้ได้ดีแล้วพูดออกมาว่า “ฉื่อหยิม ต้องลำบากคุณแล้ว คุณปู่บอกว่า ถ้าหากคุณสามารถคว้าโครงการนี้มาได้ ทุกอย่างของครอบครัวหลี่จะตกเป็นของคุณ!”
“ถ้าหากว่าคว้ามาไม่ได้หละ?” หยางจื่อหยิมถามออกมาอย่างช้าๆ
หลี่รอซีกัดฟัน แหงนมองไปที่หยางจื่อหยิมด้วยความโกรธและถามกลับไปว่า “ทำไม่ถึงจะคว้าไม่ได้หละห๊ะ!”
หยางจื่อหยิมยิ้มในใจ เขาเติบโตมาจากครอบครัวที่ทำการค้า และสิ่งสำคัญที่สุดของการแต่งงานระหว่างพ่อค้ากับพ่อค้านั้นก็คือ ผลกำไร
พักนี้เขาเห็นหลี่รอซีเดินอยู่กับนายน้อยของตระกูลลี้อยู่บ่อยๆ และเขาก็เข้าใจความหมายของมัน
นี่ก็เป็นเพราะว่าครอบครัวหลี่ไม่ต้องการที่จะจมปักอยู่กับสิ่งเดิม ถ้าทางไหนให้ผลกำไรที่มากกว่า พวกเขาก็พร้อมที่จะไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง