อันหรันเหลือบมองชื่อคนที่โทรเข้ามาตอนนี้ ก่อนจะกดตัดสายทันทีโดยไม่ต้องคิด
แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ลดละความพยายาม ยังคงกระหน่ำโทรเข้ามาอยู่เรื่อยๆ
อันหรันขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะเห็นสายตาที่อยากรู้ของฮั่วเทียนหลันที่มองมา
"รับเถอะ!"
ฮั่วเทียนหลันคิดว่าอันหรันคงเห็นว่าเขาอยู่ตรงนี้ด้วยจึงไม่กล้ากดรับสาย
อันหรันตักโจ๊กเข้าปากคำสุดท้าย ก่อนจะเช็ดปากอย่างสง่า แล้วจึงลุกออกไปรับโทรศัพท์มือถือข้างนอก
ฮั่วเทียนหลันที่ดูเหมือนกำลังนั่งทานอาหารเช้าอยู่นั่น สายตากลับจดจ้องมองไปที่แผ่นหลังของอันหรันอย่างไม่วางตา
ขณะนั้นเองป้า Ding ที่คอยมองสถานการณ์อยู่ด้านข้างก็เอ่ยขึ้น : "เทียนหลัน ก็แค่คุยโทรศัพท์แค่นี้เอง คุณต้องเชื่อใจภรรยาเยอะๆนะ"
คำพูดนี้ของป้า Ding ฮั่วเทียนหลันเองก็เห็นด้วย
แต่ก็ต้องดูก่อนว่าคนคนนั้นควรให้ความเชื่อใจมากแค่ไหน
เพราะถ้าหากอันหรันเป็นอย่างคนทั่วไปล่ะก็ คงจะไม่มีเบื้องหลังที่เละเทะเช่นนี้หรอก
อันหรันยืนอยู่นอกบ้าน ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือที่สั่นขึ้นมากดรับสาย
ยังไม่ทันที่เธอจะได้เอ่ยพูดอะไร ปลายสายก็ส่งเสียงไม่พอใจออกมาซะก่อน : "อันหรัน แกตายไปแล้วเหรอ แค่โทรหาก็ยังต้องเปลืองแรงขนาดนี้!"
เมื่อได้ยินคำต่อว่าอย่างหยาบคายของมู่เหว่ย อันหรันจึงขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย พยายามห้ามปากตัวเองเอาไว้ก่อนจะเอ่ยตอบ : "มีอะไรก็พูดมา!"
มู่เหว่ยยิ้มเยาะก่อนจะเอ่ย : "แกคิดว่าระหว่างฉันกับแกยังมีเรื่องอะไรดีๆต้องคุยกันอยู่อีกเหรอ ออกมาเจอกันที่ เลอปาย Winery ฉันจะรอ"
ฟังน้ำเสียงหุนหันพลันแล่นของมู่เหว่ย อันหรันก็รู้สึกอยากจะหัวเราะขึ้นมา ก่อนจะเอ่ยขึ้น : "ทำไมฉันต้องไปตามที่เธอบอกด้วยล่ะ"
ทุกครั้งที่มู่เหว่ยติดต่อมาเช่นนี้ อันหรันก็เดือดร้อนไปทุกที
ผู้หญิงคนนี้ทำตัวน่าสมเพชเก่งจริงๆ ทั้งยังสามารถปั้นน้ำเป็นตัวได้อย่างน่าไม่อาย
เธอก่อเรื่องเลวร้ายสารพัด แต่กลับพูดแถออกมาอย่างหน้าด้านว่าไม่ใช่ฝีมือตัวเอง
แล้วโยนความผิดให้อันหรันที่เป็นผู้ถูกกระทำต้องมารับเคราะห์แทน
“ฉันมีอะไรบางอย่างที่คิดว่าแกจะต้องชอบมันอย่างแน่นอน”
พูดเสร็จ เธอก็กดตัดสายทันทีโดยไม่รอฟังคำตอบของอันหรัน
ใจของอันหรันสั่นขึ้นมาเล็กน้อย ความรู้สึกกังวลในใจเริ่มก่อตัวขึ้นเรื่อยๆ
เธอเชื่อในสัญชาตญาณของตัวเอง เพราะทุกครั้งที่รู้สึกแบบนี้ก็มักจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นมาเสมอ
เธอยืนพิงต้นไม้อย่างใช้ความคิด มู่เหว่ยบอกว่าเป็นสิ่งที่เธอชอบ แน่นอนว่าสิ่งนั้นจะต้องเป็นจุดอ่อนของเธออย่างแน่นอน
แต่ตัวเธอมีจุดอ่อนอะไรที่ทำให้มู่เหว่ยนำมาใช้ต่อรองได้นะ
ตัวเธอไม่มีทรัพย์สินใดๆ ญาติพี่น้องก็ไม่มี....
ญาติพี่น้องงั้นเหรอ ทันใดนั้นในหัวของอันหรันก็ปรากฏภาพของเจ้าของรอยยิ้มสดใสขึ้นมา... ลั่นลาน
เธอก็รู้สึกประหม่าขึ้นมาทันที ก่อนจะรีบกดโทรหาหวังเทียจุน
นานสองนานก็ยังไม่มีท่าทีว่าอีกฝ่ายจะกดรับสาย ทำให้อันหรันเกิดความรู้สึกร้อนใจเป็นอย่างมาก
ไม่หรอกมั้ง มันคงไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นมาจริงๆหรอก
เธอลองกดโทรหาป้าเฉิน คราวนี้ถึงมีคนรับสาย
ทันใดนั้นเสียงของป้าเฉินก็ดังผ่านเข้ามาในสาย : “หรันหรัน มีอะไรหรือเปล่า โทรมากลางวันแสกๆแบบนี้ ถ้าถูกคุณคนนั้นจับได้เดี๋ยวจะลำบากเอานะ”
ตอนนี้อันหรันไม่มีจิตใจมาห่วงแล้วว่าฮัวเทียนหลันจะรู้เรื่อง ลูกสาวคือแก้วตาดวงใจของเธอ เพราะฉะนั้นจะเกิดอะไรขึ้นกับลูกของเธอไม่ได้เด็ดขาด
“ป้าเฉิน ช่วงนี้ลั่นลานเป็นอย่างไรบ้างคะ มีคนแปลกๆเข้ามาบ้างหรือเปล่า”
น้ำเสียงร้อนใจของอันหรัน ทำให้ป้าเฉินเกิดความรู้สึกกังวลขึ้นมาทันที มีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นอย่างนั้นเหรอ
เธอเอ่ยตอบ : "คราวก่อนป้าเล่าให้เธอฟังแล้วนี่! หลังจากนั้นมาก็เหมือนจะไม่มีใครที่...ไม่ใช่สิ มีคนนึง!"
ทันใดนั้นป้าเฉินก็เหมือนนึกอะไรออก
อันหรันจึงเอ่ยถามอย่างรีบร้อน : "ใครเหรอคะป้าเฉิน"
จากคำบอกเล่าของป้าเฉิน ทำให้อันหรันรู้ว่ามีคนกลุ่มหนึ่งได้ไปที่เมือง W เมื่อสองสามวันก่อน
บอกว่ามาตรวจสุขภาพให้แก่เด็กๆฟรี
แต่คนกลุ่มนั้นแปลกมากๆ เพราะไปที่ไหนต่างก็มุ่งเป้าไปที่เด็กๆเท่านั้น ยิ่งกว่านั้นคือเจาะจงเฉพาะกลุ่มเด็กที่มีอายุไล่เลี่ยกับลั่นลานเท่านั้น
อันหรันเข้าใจขึ้นมาทันที คนกลุ่มนี้ดูยังไงก็รู้ว่าต้องเป็นคนที่มู่เหว่ยส่งไปแน่
"หลังจากนั้นล่ะคะ พวกเขาทำอะไรอีกบ้าง" อันหรันเอ่ยถามต่อ
ป้าเฉินจึงเอ่ยตอบ : "ไม่มีแล้วนะ แต่นายหวังบอกป้าว่าเหมือนมีคนแอบตามเขาตอนไปรับส่งลั่นลานที่โรงเรียน"
"โอเคค่ะ ป้าเฉินคะ รบกวนป้าช่วยดูแลลั่นลานให้หน่อยนะคะ" อันหรันกล่าว
หลักจากนั้นป้าเฉินและอันหรันก็คุยกันต่ออีกสองสามประโยคแล้วจึงกดวางสายไป
อันหรันเดินไปเดินมาในบ้านอยู่นานสองนาน พลางคิดหาวิธีป้องกันไม่ให้มู่เหว่ยก่อเรื่องไม่ดีขึ้น
เธอไม่รู้ว่าเหตุใดมู่เหว่ยถึงได้พุ่งเป้าไปที่เมือง W ได้ แต่สิ่งหนึ่งที่เธอรู้เป็นอย่างดีก็คือ ถ้าหากมู่เหว่ยทราบว่าลั่นลานเป็นลูกสาวแท้ๆของเธอล่ะก็ ลั่นลานจะต้องตกอยู่ในอันตรายเป็นแน่แท้
ลั่นลานคือทั้งชีวิตของเธอ เพราะฉะนั้นเธอจะทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องลูกให้ได้
ในขณะที่พูด มู่เหว่ยก็สังเกตสีหน้าของอันหรันไปพลางๆ
แต่ใบหน้าของอันหรันกลับเรียบนิ่ง ไม่แม้แต่แสดงท่าทีตื่นตระหนกใดๆออกมา เธอเอื้อมมือไปหยิบแฟ้มข้อมูลขึ้นมาดูเล็กน้อย ก่อนจะโยนกลับไปที่เดิม แล้วเอ่ยขึ้น : "เธอคงไม่คิดว่านี่คือลูกสาวแท้ๆของฉันหรอกใช่ไหม"
ข้างในแฟ้มมีรูปถ่ายของลั่นลาน รวมถึงข้อมูลในวัยเด็กของเขา หรือแม้แต่ข้อมูลการติดต่อระหว่างเขากับอันหรันก็ถูกสืบค้นมาจนครบ
"แล้วมันไม่ใช่เหรอ หน้าตาก็ดูคล้ายคลึงกันดีนี่!"
เมื่อมู่เหว่ยได้ยินอันหรันเอ่ยขึ้นมาอย่างนี้ ก็เกิดความรู้สึกสนุกขึ้นมา จึงรีบถามกลับไปในทันที
อันหลันเม้มปากเล็กน้อย ก่อนจะแสดงสีหน้าออกมา : "แน่นอน ฉันเองก็ชอบเขามากเหมือนกัน ถ้าหากคุณมู่จะโมเมว่าเขาเป็นลูกสาวของฉันจริงล่ะก็ ฉันก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร เพราะฉันคิดว่าเทียนหลันก็คงจะชอบเขาไม่ต่างจากฉันแน่ๆ!"
ประโยคนี้กระทบเข้าตรงจุดอ่อนไหวของมู่เหว่ยอีกครั้ง เธอตบโซฟาอย่างแรง ก่อนจะมองไปที่อันหรันด้วยความโกรธ : "เหลวไหล! เด็กนอกสมรสแบบนี้ เทียนหลันไม่มีทางชอบเด็ดขาด หน้าตาก็น่าเกียจน่ากลัว ไปที่ไหนคนเขาก็เกลียดกันหมด! "
อันหรันยักไหล่แสดงท่าทีไม่ยี่หระ ก่อนจะเอ่ยขึ้น : "เธอพูดถูก แต่แล้วยังไงเหรอ ในเมื่อเขาเป็นลูกสาวของเพื่อนฉัน ถึงเธอจะพูดด่าอีกกี่ร้อยรอบ ฉันก็ไม่ได้ใส่ใจนักหรอกนะ เพราะมันช่างไร้ประโยชน์สิ้นดี"
ศัตรูหัวใจทั้งสองประจันหน้ากันอย่างดุเดือด
ในเมื่อมู่เหว่ยกล้าพูดขึ้นมาอย่างไร้มารยาทเช่นนี้ อันหรันก็ไม่จำเป็นที่จะเกรงใจเธอเช่นเดียวกัน
ในใจของมู่เหว่ยเริ่มจะไขว่เขว คำพูดที่ตั้งใจเอ่ยขึ้นยั่วยุกระตุ้นความโกรธของอันหรันเมื่อกี้ กลับไม่ทำให้อันหรันแสดงท่าทีเดือดเนื้อร้อนใจใดๆเลยสักนิด เด็กนั้นคงจะไม่ได้สำคัญกับอันหรันขนาดนั้น
เพราะสิ่งที่มองเห็นได้จากอันหรันมีเพียงท่าทีที่ไม่คิดจะแยแสใดๆเลย
เธอหายใจเข้าลึกๆ บอกตัวเองให้ใจเย็น ก่อนจะเอ่ยขึ้น : "อันหรัน เธอแน่ใจนะว่าเด็กคนนี้ไม่ใช่ลูกของเธอจริงๆน่ะ คราวก่อนที่ฉันไปเมือง W เด็กคนนี้ทำให้ฉันหวนคิดถึงอะไรบางอย่างที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ยังไงเธอกับฉันก็เป็นเพื่อนกัน ดังนั้นฉันอยากพูดอะไรหน่อย ถ้าเธอยังยืนยันว่าเธอไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเด็กนี้จริงๆ ถ้าอย่างนั้นฉันก็จะ... "
มู่เหว่ยไม่เชื่อว่าอันหรันจะไม่รู้จักกับเด็กคนนี้
เอสธอบข้อมูลมาแล้วว่าอันหรันเคยอาศัยอยู่ที่นั่นเป็นเวลาหลายปี และเด็กคนนี้ก็คอยวนเวียนอยู่รอบตัวเธอมาตลอด
เด็กคนนี้อยู่ในนามลูกสาวของหวังถิงก็จริง แต่หวังถิงเป็นผู้หญิงที่ยังไม่ได้แต่งงาน เรื่องที่ว่าท้องก่อนแต่งนั้นมันก็ดูจะไกลความเป็นจริงเกินไป แล้วในอนาคตจะยังสามารถแต่งงานได้อย่างไรกันเล่า จริงไหม
ดังนั้นหลังจากที่คิดไตร่ตรองอยู่สักพัก มู่เหว่ยก็เกิดความคิดอยากจะลองเข้าข้างตัวเองดูอีกสักครั้ง
แต่เนื่องจากเธอไม่มีหลักฐานเพียงพอ จึงทำได้แค่เก็บมันไว้ในใจ
แต่เมื่อคืนนี้ขณะที่เธอนั่งรอให้ฮั่วเทียนหลันมาหานั้น ไม่นานรถของฮั่วเทียนหลันก็ขับเข้ามาจอดตรงหน้าประตู
แต่แล้วทันใดนั้นเอง เขาก็วนรถแล้วขับออกไปอีกครั้ง
เหตุการณ์นี้ทำให้มู่เหว่ยเกิดความวิตกกังวลขึ้นมาในใจ
อันหรันหัวเราะขึ้นมาเบาๆ เธอเก็บกดความกังวลเอาไว้ในใจ ก่อนจะเอ่ยปาก : “คุณมู่ยังคิดวางแผนจะจัดการกับเด็กด้วยเหรอนี่ จิตใจช่างกว้างขวางจริงๆเลยนะ เหอะ เธออยากจะทำอะไรก็ทำไปเลยละกัน! ที่เธอนัดฉันออกมานี้วันนี้ ถือว่าฉันได้รับรู้ไว้หมดแล้ว และถึงเธอจะไปหาถึงบ้านตระกูลฮัว ฉันก็ไม่กลัวอะไรทั้งนั้น เพราะว่าฉันบริสุทธิ์ใจ และเธอก็ไม่มีทางทำอะไรกับฉันได้เหมือนกัน เฮ้อ ฟังคนไม่ปกติพูดพร่ำเรื่องไร้สาระจนรู้สึกเบื่อเต็มทนแล้ว ขอตัวกลับก่อนแล้วกันนะ"
อันหรันเป็นคนอ่อนโยนและจริงใจก็จริง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะยอมถูกรังแกโดยไม่โต้ตอบอะไรกลับไปเลย
เมื่อได้ยินอันหรันพูดว่าตัวเองพูดพร่ำเรื่องไร้สาระ มู่เหว่ยก็หน้าเปลี่ยนสีทันที เธอตะโกนขึ้นเสียงดังด้วยความโมโห : "อันหรัน แกอย่าทำตัวหยิ่งผยองให้มันมากนัก ถึงแม้ตอนนี้เทียนหลันอาจจะหลงแกอยู่ แต่จำไว้ว่าคนที่อยู่ข้างๆเขามาตลอดคือฉัน! ตำแหน่งรองก้นของแกไม่ได้มั่นคงเลย ไม่ช้าก็เร็วตำแหน่งนั้นมันก็ต้องตกเป็นของฉันอยู่ดี!"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง