หลังจากนั่งดื่มชาที่ห้องทำงานของหลี่ซือหยวนได้สักพัก และเหลืออีกครึ่งชั่วโมงจะเลิกงานหยางหลิงรุ่ยก็เดินกลับมา
ทันทีที่เธอมาถึงทางเดิน เธอก็เห็นพนักงานส่งของถือดอกไม้สดช่อใหญ่ ในมือมีกล่องขนมหวานอยู่หนึ่งกล่อง เธอจึงรีบเดินเข้าไปทันที
ดอกไม้คือดอกกุหลายสีม่วงแสนโรแมนติก ขนมหวานคือแบรนด์ที่หยางหลิงรุ่ยชอบเป็นอย่างมาก
หยางหลิงรุ่ยอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอิจฉาขึ้นมาในใจเล็กน้อย นี่ไม่รู้ว่าหญิงสาวในบริษัทคนไหน กำลังถูกแฟนหนุ่มนำสิ่งของมาให้เพื่อแสดงความรัก
เธอจงใจก้าวให้ช้าลง เพื่อที่ว่าเพื่อนร่วมงานในบริษัทจะได้มีความสุขโดยไม่ถูกขัดจังหวะด้วยการปรากฏตัวของเธอ
หลังจากรอมาห้านาที พนักงานส่งของก็เดินออกมา หยางหลิงรุ่ยถึงเดินกลับเข้าไปที่สำนักงาน
ทันทีที่เดินเข้าไปในห้อง กลิ่นหอมของดอกไม้ก็ลอยเข้ามาแตะจมูก
ในตอนนี้ เย่ตงกำลังยืนอยู่ตรงหน้าช่อดอกกุหลายสีม่วง มือของเธอกำลังกดโทรศัพท์มือถือเพื่อถ่ายรูป
"ใครส่งดอกไม้มาให้เธอเหรอ โรแมนติกจังเลย" หยางหลิงรุ่ยถาม
เธออยู่กับเย่ตงมาก็นาน แต่กลับจำไม่ได้ว่าเย่ตงมีแฟนด้วย
ดูเหมือนว่าเธอจะโสดไม่ใช่เหรอ
เช่นเดียวกับตัวเอง...
พอ ออกนอกเรื่องแล้ว
เย่ถงรีบลุกขึ้น รูปก็ยังถ่ายไม่เสร็จ
เธออุ้มช่อดอกไม้ขึ้นมา ก่อนจะนำไปส่งให้หยางหลิงรุ่ย : "ผู้อำนวยการหยางคะ มีคนนำมาส่งให้คุณค่ะ"
"ส่งมาให้ฉันเหรอ"
"ค่ะ"
ความประหลาดใจของหยางหลิงรุ่ยและคำยืนยันจากเย่ตง ทำให้เกิดการนิ่งงันไปชั่วขณะ
หยางหลิงรุ่ยรับช่อดอกไม้มา จากนั้นมองเห็นการ์ดอวยพรที่ถูกแนบมาด้วย เธอหยิบมันออกมาและเปิดดู ข้างในมีตัวหนังสือที่สวยงามและดูทรงพลัง : ส่งให้ผู้หญิงที่ผมรักที่สุด
ตัวหนังสือแบบนี้ทำไมถึงได้รู้สึกคุ้นจังเลยนะ
เหมือนกับ เหมือนกับ.....ในหัวของหยางหลิงรุ่ยปรากฏภาพของฮั่วเทียนหลันขึ้นมาฉับพลัน
เงาของเขาติดอยู่ในหัวของหยางหลิงรุ่ยเป็นเวลาหนึ่งนาที ก่อนที่หยางหลิงรุ่ยจะโยนมันออกจากความคิดของเธอในที่สุด
เป็นไปไม่ได้ ไม่ใช่ของฮั่วเทียนหลันแน่นอน เขาโรแมนติกขนาดนี้ที่ไหนล่ะ เธอรีบปฏิเสธความคิดของตัวเองในใจทันที
“เขาได้บอกไหมว่าใครเป็นคนส่งมา” หยางหลิงรุ่ยถาม
เย่ตงส่ายหัวตอบ ก่อนจะถามขึ้น : "แล้วไม่ใช่แฟนของผู้อำนวยการหยางหรอกเหรอคะ"
"แฟน ... " หยางหลิงรุ่ยพูดไม่ออกไปชั่วขณะ สิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดชนิดนี้ไม่มีอยู่ในชีวิตของหยางหลิงรุ่ยเลย
เมื่อก่อนเคยมีก็จริง แต่เป็นจางรันที่รับบทแสดงฐานะแฟน แต่จางรันนั้นทำให้หยางหลิงรุ่ยรู้สึกถึงความเป็นญาติพี่น้องกันเสียมากกว่า
ต่อมาก็เกิดเรื่องราวมากมาย ดังนั้นหยางหลิงรุ่ยจึงปฏิเสธอดีตและปฏิเสธปัจจุบันไปทั้งหมด ผันตัวเป็นสาวโสดเต็มรูปแบบ
เธอมองไปที่กุหลาบสีม่วงตรงหน้า กลีบดอกสีม่วงนั้นได้ผ่านกรรมวิธีพิเศษ บนพื้นผิวของมันมีประกายวิบวับราวกับคริสตัล
นอกจากนี้ยังมีกลิ่นหอมของดอกไม้จาง ๆ ที่ไม่ใช่กลิ่นที่ถูกแต่งแต้มขึ้นมา แต่เป็นกลิ่นจากธรรมชาติ ซึ่งเหมาะกับความชื่นชอบของหยางหลิงรุ่ยเป็นอย่างมาก
กุหลาบม่วงแสนโรแมนติกนี้ ถ้าพูดตามหลักแล้วไม่มีดอกไม้ชนิดนี้ในสายพันธุ์ของดอกไม้เลยดวยซ้ำ
แต่มันถูกแปรรูปมาจากดอกกุหลาบอีกที
หยางหลิงรุ่ยมีความรู้เกี่ยวกับดอกไม้ไม่เยอะนัก แต่เธอก็รู้สึกชอบดอกกุหลาบสีม่วงนี้ไม่น้อยเลยล่ะ
หรือว่าก่อนที่เธอจะสูญเสียความทรงจำนั้น เธอเคยชอบดอกไม้ชนิดนี้มาก ๆ
เธอวางช่อดอกไม้ลง ก่อนจะเปิดกล่องขนมหวานที่วางอยู่ด้านข้าง
เป็นไปตามที่คิด ขนมหวานหลากหลายชนิดที่อยู่ด้านใน ล้วนแต่เป็นชิ้นที่เธอโปรดปรานทั้งนั้น
หยางหลิงรุ่ยหยิบมันขึ้นมา ก่อนจะแบ่งชิ้นที่ชอบสองสามอย่างให้กับเย่ตงด้วย
นี่เป็นของที่ส่งให้หยางหลิงรุ่ย แน่นอนว่าเย่ตงไม่อาจรับมันมาได้ แต่ภายใต้การขอร้องแกมบังคับของหยางหลิงรุ่ย ทำให้เธอต้องรับมาอย่างไม่กล้าปฏิเสธ
หลังจากนั้นขนมหวานกล่องนี้ก็ถูกนำมาทานคู่กับน้ำชาในตอนบ่ายที่ห้องทำงานของพวกเธอ
อีกสักพักก็จะถึงเวลาเลิกงาน เย่ตงที่อยู่อีกด้านกำลังนั่งนับจำนวนดอกกุหลาบสีม่วงว่ามีทั้งหมดกี่ดอก
หลังจากใช้เวลาไปสักพัก เธอก็ได้รู้คำตอบว่าข้างในช่อนั้นมีทั้งหมด 100 ดอก
"ผู้อำนวยการหยางคะ ดอกไม้จำนวน 100 ดอกมันสื่อว่ายังไงนะคะ"
เย่ตงไม่รู้ เธอจึงเอ่ยถามหยางหลิงรุ่ยอย่างลืมตัว
หยางหลิงรุ่ยที่ไม่มีความรู้ด้านภาษาสื่อของดอกไม้เลยจึงไม่รู้ว่าควรตอบอย่างไร เธอนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ย : "เหมือนว่าจะเป็น เป็น... "
"ฉันค้นหาเจอแล้ว" เย่ตงพิมพ์ค้นหาใน Baidu ก่อนจะเอ่ยขึ้น
ดอกไม้ 100 ดอกสื่อถึง "จิตวิญญาณแห่งความรัก 2 ดวงที่จะอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขไปจนถึง 100 ปี หรือจนกว่าจะถึงวันตาย"
หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านี้ หยางหลิงรุ่ยก็ตกตะลึงในทันที
ในหัวของเธอฉายภาพคนที่เธอรู้ว่าเขายังอยู่ที่เมือง S และดูเหมือนว่ามีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ตรงตามความคิดนี้ นั่นก็คือฮั่วเทียนหลัน
หรือว่าจะเป็นเขาที่ส่งมาจริง ๆ ผู้ชายป่าเถื่อนคนนี้รู้จักความโรแมนติกด้วยจริง ๆ เหรอ
ขณะนั้นเองโทรศัพท์มือถือของหยางหลิงรุ่ยก็ดังขึ้น
เธอเหลือบมองดูแวบนึง เมื่อเห็นว่าเป็นสายจากฮั่วเทียนหลัน จึงกดปิดหน้าจอและวางมันลงบนโต๊ะทันที
เย่ตงสังเกตเห็นท่าทางของหยางหลิงรุ่ย เธอคิดว่าตัวเองอาจจะกำลังทำให้อีกฝ่ายไม่สะดวกรับสาย ดังนั้นจึงวางช่อดอกไม้ลงก่อนจะเอ่ย : "ผู้อำนวยการหยางคะ อีกเดี๋ยวจะเลิกงานแล้ว ฉันไปตอกบัตรก่อนนะคะ"
จากนั้นเธอก็หยิบกระเป๋าที่เก็บเรียบร้อยแล้วขึ้นมา เตรียมจะเดินออกไปนอกห้อง
หยางหลิงรุ่ยรู้สึกแปลก ๆ ก่อนจะคิดขึ้นได้เมื่อเย่ตงกำลังจะเดินออกไป
ปกติเย่ตงไม่ได้รีบร้อนจะเลิกงานเลยนี่นา!
“เหลืออีกตั้งสองนาทีนะ... ”
"ไม่เป็นไรคะ เดี๋ยวฉันรออยู่ข้างนอกก็ได้ ไม่อยากเป็นก้างขวางคอคุณ"
คำพูดของเย่ตงดังผ่านประตูหน้าห้องเข้ามา ทำให้ใบหน้าของหยางหลิงรุ่ยแดงก่ำขึ้นมาทันที
ทันใดนั้นเองโทรศัพท์มือถือก็หยุดสั่นและไม่มีเสียง เนื่องจากไม่มีคนกดรับสายฝั่งนั้นจึงกดวางไป
แต่หลังจากนั้นไม่นานก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง
หยางหลิงรุ่ยมองดูชื่อฮั่วเทียนหลันที่ปรากฏบนจอ เธอลังเลอยู่ครู่นึง แต่ก็ยังเลือกที่จะกดรับสาย
แต่หลังจากที่สูญเสียความรักไป หลังจากที่ได้การผ่อนคลายมาสักระยะ ก็คิดอยากจะมีความรักอีกสักครั้ง
แม้ว่าหยางหลิงรุ่ยไม่อยากจะยอมรับตัวเองว่าเป็นแบบนี้เหมือนกัน แต่ความจริงที่ปรากฏขึ้นมาทุกอย่างนั้นทำให้เธอปฏิเสธไม่ออก
"เพราะฉะนั้นหมายความว่าคุณก็ชอบมันน่ะสิ แต่ถึงอย่างไรก็เถอะ คุณชอบก็ดีแล้วล่ะ"
ฮั่วเทียนหลันพูดขึ้นมา น้ำเสียงของเขาแฝงด้วยอารมณ์ความรู้สึกเต็มไปหมด จนทำให้หยางหลิงรุ่ยอ่านเขาไม่ออก
แต่เธอรู้สึกได้ว่าเขาดูผิดหวังเล็กน้อย
หรือบางทีความรู้สึกของเธออาจจะผิดไป แต่ว่าอารมณ์ของฮั่วเทียนหลันนั้น เธอสังเกตได้ เขากำลังไม่มีความสุข
“คุณฮั่วส่งดอกไม้มาให้ฉัน มีอะไรแอบแฝงหรือเปล่าคะ” หยางหลิงรุ่ยรู้สึกสับสนเล็กน้อย จึงเอ่ยถามขึ้นด้วยประโยคที่ฟังดู EQ ต่ำ
ฮั่วเทียนหลันมุมปากยกขึ้นมาเล็กน้อย ผู้หญิงคนนี้บทจะโง่ก็โง่ขึ้นมาจนเกินเยี่ยวยา
“ไม่มีอะไรแอบแฝง”
พูดจบ ฮั่วเทียนหลันก็กดวางสายทันที
เมื่อถูกวางสายใส่ หยางหลิงรุ่ยก็ตะลึงงันขึ้นมาทันที
ผู้ชายคนนี้ทำไมถึงได้อารมณ์แปรปรวนนัก
เมื่อกี้ เมื่อกี้ยังดี ๆ อยู่ไม่ใช่หรือไง
เป็นอะไรไป หรือเขาไปเรียนเปลี่ยนสีหน้าเหรอ หยางหลิงรุ่ยครุ่นคิดถึงสิ่งที่คุยกับฮั่วเทียนหลันเมื่อสักครู่ ดูเหมือนว่าเธอก็ไม่ได้ทำอะไรผิดไปนี่นา
เธอรู้สึกไม่เข้าใจนิดหน่อย ก่อนจะรู้สึกโมโหขึ้นมาในใจ
ผู้ชายคนนี้เห็นเธอเป็นคนแบบไหนกัน ยามชอบก็โอบอุ้มขึ้นมาอย่างทะนุถนอม ยามไม่ชอบก็จะโยนทิ้งไปอย่างนี้ก็ได้เหรอ
เธอโยนช่อดอกไม้ลงพื้นด้วยความคับแค้นใจ ดอกไม้ช่อนั้นกลิ้งไปกับพื้นอย่างน่าสงสาร จากนั้นเธอชำเลืองดูมันเพียงแวบเดียวก่อนจะหยิบกระเป๋าและเตรียมจะเดินออกจากที่ทำงานไป
แต่ตอนที่จะปิดไฟในห้อง เธอก็รู้สึกลังเลขึ้นมา ก่อนจะก้มลงไปเก็บช่อดอกไม้ขึ้นมาอีกครั้งและวางมันลงบนโซฟา
ที่ Fahrenheit Group สาขาเมือง S ภายในห้องทำงานของท่านประธาน
ฮั่วเทียนหลันยืนอยู่ด้านหน้าของหน้าต่างบานใหญ่ที่สูงจากพื้นจนถึงเพดาน เขามองดูรถราที่คับแน่นเต็มท้องถนนยามคนเลิกงาน
โทรศัพท์มือถือของเขายังไม่ได้กดปิดหน้าจอ ประวัติการโทรออกไปหาผู้หญิงคนนั้นก็ยังคงแสดงอยู่
เหอะ ไม่ชอบงั้นเหรอ
เธอบอกว่าเธอไม่ชอบดอกไม้ของเขา แต่เพื่อรักษาความรู้สึกของเขา เธอจึงเปลี่ยนคำพูดเป็นไม่ขวางตาแทน
คำพูดนี้ทำให้หัวใจของฮั่วเทียนหลันรู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมาก
การที่ส่งดอกไม้ไปให้ผู้หญิงที่ตนรัก แต่กลับถูกเธอฝืนรับอย่างไม่เต็มใจ เป็นใครก็คงรู้สึกไม่สบายใจอยู่แล้ว
และการที่เขากดวางสายก่อน ก็เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ตัวเองเผลอแสดงอารมณ์ที่ไม่ดีออกมา จนทำให้ผู้หญิงคนนั้นสัมผัสได้ถึงอารมณ์โกรธของเขา
หลังจากที่หยางหลิงรุ่ยกลับมาถึงบ้าน เธอก็เจอกับตงเหยียนที่เพิ่งกลับมาจากข้างนอกพอดี
เมื่อชิงหรงมองเห็นแม่ของตน เธอก็รีบวิ่งเข้าไปหาพร้อมทั้งเอ่ยเรียกคุณแม่น้ำเสียงหวาน
หยางหลิงรุ่ยกอดชิงหรงเอาไว้และจุ๊บไปที่แก้มน่ารักของเธอ ก่อนจะส่งชิงหรงให้กับพี่เลี้ยงที่อยู่ด้านข้าง ให้พี่เลี้ยงพาชิงหรงกลับไปที่ห้องของตน
“พี่สะใภ้คะ เรื่องที่โรงเรียนจัดการเรียบร้อยหรือยังคะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง