"หือ?" หยางหยวนยกชาขึ้นมาจิบหนึ่งคำ ก่อนจะวางถ้วยน้ำชาไว้ในมือ
ถ้วยน้ำชามีขนาดเล็กกะทัดรัด มือใหญ่หยาบกร้านของหยางหยวนสามารถวางถ้วยน้ำชานี้ได้ถึงสามสี่ใบอย่างไม่มีปัญหา
แต่ถ้วยน้ำชาตอนนี้ ราวกับเป็นหยางหลิงรุ่ยที่อยู่ตรงหน้าเขา
มันขึ้นอยู่กับว่าเขาจะทำอย่างไร หยางหลิงรุ่ยถึงจะยอมรับตระกูลหยางและอยู่ในตระกูลหยางต่อไป
“เธออยากใช้ชีวิตอยู่กับฮั่วเทียนหลันไหม”
หยางหยวนถามถึงประเด็นสำคัญในทันที เขาไม่ได้ดึงเรื่องเข้าใจผิดและเรื่องโกรธแค้นที่มีต่อกันเข้ามายุ่งเกี่ยว
เพราะเขารู้ดีว่า ไม่ว่าเขาจะพูดอย่างไรสุดท้ายคนที่ตัดสินใจก็ยังเป็นหยางหลิงรุ่ยอยู่ดี
หากเธอทิ้งลูกไม่ลง ก็จะต้องพาชิงหรงกลับไปด้วยอย่างแน่นอน
และถ้าเป็นเช่นนี้ แม้ว่าหยางหยวนจะพูดมากกว่านี้สักแค่ไหนก็คงจะช่วยอะไรไม่ได้
"ฉันไม่รู้"
เหนือความคาดหมาย แต่ก็เป็นคำตอบที่คาดการณ์ไว้แล้ว ขณะเดียวกันก็เป็นคำตอบที่หยางหยวนไม่สามารถตัดสินอะไรได้เลยเหมือนกัน
และหยางหยวนเกลียดคำตอบลักษณะนี้มาก
"จริง ๆ แล้วในบ้านหยางทั้งหมดมีเพียงฉันคนเดียวที่จัดการเรื่องนี้ คนอื่นต่างก็ไม่รู้เรื่องด้วย"
หยางหยวนลังเลเล็กน้อย แต่ก็ตัดสินใจที่จะเปิดเผยเรื่องทุกอย่างกับหยางหลิงรุ่ย ไม่ว่าเธอจะเชื่อหรือไม่ แต่ถึงกระนั้นเขาก็ต้องบอกเธออย่างจริงจังให้ได้ว่าที่เขาพูดมาเมื่อสักครู่ไม่ได้โกหกเธอเลยสักนิด
หยางหลิงรุ่ยมองไปที่หยางหยวนด้วยความประหลาดใจและมีความรู้สึกไม่ไว้วางใจเท่าไหร่
แม้ว่าหยางหยวนจะไม่เคยโกหกเธอ แต่ไม่ว่าหยางหลิงรุ่ยจะคิดยังไง เธอก็รู้สึกว่าคำพูดของหยางหยวนมีช่องโหว่
"พี่สะใภ้ไม่รู้เรื่องเหรอคะ พี่รองและพี่สามก็ไม่รู้ด้วยงั้นเหรอ"
“พี่สะใภ้ของเธอรู้เรื่องนิดหน่อย นั่นเป็นเพราะว่าตอนนั้นฉันมักจะบินไปทำงานที่อื่นอยู่บ่อย ๆ จึงอยากรู้ว่าเธอเป็นอย่างไรบ้าง ส่วนพี่รองของเธอนั้นฉันแค่เคยวานให้เขาช่วยดู เพื่อให้เธออยู่ห่างจากคนบางคนและไม่ให้เจอกับคนพวกนั้น”
“แล้วคุณตากับคุณยายล่ะ” หยางหลิงรุ่ยนึกถึงผู้เฒ่าใจดีสองคนนี้ขึ้นมา แม้ว่าพวกเขาจะเย็นชาต่อหยางหลิงรุ่ยบ้างเล็กน้อย แต่ลึก ๆ แล้วพวกเขาก็รักหยางหลิงรุ่ยมากไม่ต่างกัน
เมื่อก่อนหยางหลิงรุ่ยยังคงไม่เข้าใจ แต่ตอนนี้พอครุ่นคิดแล้วเธอก็เข้าใจอย่างแจ่มแจ้งว่านี่คงเป็นการชดเชยให้กับเธออีกอย่างหนึ่ง
“คุณปู่คุณย่าไม่รู้เรื่องพวกนี้ เพราะพวกเขาแก่แล้วดังนั้นฉันจึงไม่เคยเล่าเรื่องที่ไม่ดีเกี่ยวกับเธอให้พวกเขาฟังเลย”
คำพูดของหยางหยวนทำให้หยางหลิงรุ่ยตกอยู่ในห้วงความคิด
เดิมทีเธอคิดว่าคนในครอบครัวทั้งหมดรู้เรื่องนี้ และมีเพียงเธอที่เป็นคนโง่อยู่คนเดียวที่กำลังถูกหลอก
แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นเช่นนั้น
สิ่งที่หยางหยวนพูดกับคนตระกูลหยางมีแต่เรื่องที่ดีเสมอ ไม่มีเรื่องเลวร้ายเลย
"บอกฉันได้ไหมว่าทำไมฉันถึงสูญเสียความทรงจำ" หยางหลิงรุ่ยถามถึงประเด็นหลักทันที
ปัญหาเรื่องสูญเสียความทรงจำนี้คอยตามหลอกหลอนหยางหลิงรุ่ยอยู่เสมอ ถึงขนาดที่ทำให้ชีวิตของเธอกลับตาลปัตร
เธอไม่รู้ว่าเมื่อก่อนใครดีกับเธอและใครร้ายกับเธอ
เธอลืมเรื่องราวต่าง ๆ ไปมากมาย ชีวิตตั้งแต่เธอเริ่มจำความได้จนถึงปัจจุบันนั้นส่วนใหญ่กลับเป็นความว่างเปล่า
แม้ว่าความทรงจำตลอดสองปีที่ผ่านมานี้ เธอมีความสุขมาก
แต่เมื่อได้พบเจอกับผู้คนมากมายและได้รับรู้เรื่องราวต่าง ๆ มากขึ้นเรื่อย ๆ ความรู้สึกที่อยากจะรู้ถึงเรื่องราวในอดีตของหยางหลิงรุ่ยก็มีมากขึ้นไปตาม ๆ กัน
"ที่เธอสูญเสียความทรงจำนั้น บางส่วนเกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุทางรถยนต์"
"หือ?" หยางหลิงรุ่ยตระหนักได้ถึงคำว่าบางส่วนในประโยคที่หยางหยวนพูดขึ้นมา
ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่าต้องมีส่วนอื่นที่เกี่ยวข้องอย่างแน่นอน
หรือว่าเธอจะถูกลบความทรงจำด้วยฝีมือใครสักคน
เป็นไปไม่ได้หรอก! บนโลกนี้ยังไม่มีเทคโนโลยีขั้นสูงแบบนี้ไม่ใช่เหรอ
เมื่อเห็นท่าทางดูไม่ค่อยดีอย่างเห็นได้ชัดของหยางหลิงรุ่ย หยางหยวนจึงสูดหายใจเข้าเต็มปอด ก่อนจะครุ่นคิดอยู่ในใจสักพักจากนั้นเอ่ยขึ้นมาว่า : "เพราะสาเหตุบางอย่างก็เลยทำให้เธอสูญเสียความทรงจำไปโดยสิ้นเชิง"
"สาเหตุอะไรคะ"
หยางหลิงรุ่ยเอ่ยถามทันควัน ไม่มีใครอยากให้ตัวเองดูเป็นคนโง่ที่น่าสมเพชนักหรอก
เนื่องจากสูญเสียความทรงจำ หยางหลิงรุ่ยไม่สามารถแม้แต่จะคิดถึงวัยเด็กของเธอและลืมรูปร่างหน้าตาของพ่อแม่ไปหมด
การสูญเสียความทรงจำสามารถปกปิดความเศร้าโศกได้มากมาย แต่ความสุขและบทเรียนที่ผ่านการฝึกฝนมามากมายก็จะถูกปิดกั้นไปด้วยเช่นเดียวกัน
แล้วชีวิตเช่นนี้มันจะมีความหมายอะไรกัน
"สาเหตุนี้ซับซ้อนมาก และไม่สามารถอธิบายได้อย่างชัดเจนในเวลาเพียงชั่วครู่" หยางหยวนกล่าว
หยางหลิงรุ่ยเงยหน้าขึ้นมองหยางหยวน ราวกับต้องการมองผ่านดวงตาของเขาเพื่อต้องการรู้ให้ได้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
แต่หยางหลิงรุ่ยคิดมากเกินไป คนสุขุมอย่างหยางหยวนนั้นสามารถมองทะลุได้อย่างง่ายดายที่ไหนกัน
ในสายตาของหยางหยวนมีเพียงความรู้สึกผิดและห่วงใยรักใคร่เอ็นดูหยางหลิงรุ่ย
นั่นทำให้หยางหลิงรุ่ยที่เดิมทีมีเพียงความโกรธแค้นภายในใจ ตอนนี้ความรู้สึกนั้นกลับมลายหายไปอย่างสมบูรณ์
“ฉันยังมีธุระต้องไปทำ งั้นขอตัวนะคะ”
หยางหลิงรุ่ยไม่อยากอยู่ที่นี่ต่อไปอีก เธอกลัวว่าหากอยู่ต่อไปจุดยืนที่มีเพียงน้อยนิดของตัวเองอาจจะหายไปในที่สุด
เธอลุกขึ้นและก้าวเดินตรงไปข้างหน้า หยางหยวนมองดูแผ่นหลังของเธออยู่อย่างนั้น โดยไม่ได้เอ่ยห้ามแต่อย่างใด
แต่ทันทีที่หยางหลิงรุ่ยเปิดประตู เสียงของหยางหยวนก็ดังมาจากด้านหลัง
“หลิงรุ่ย”
"คะ"
เธอไม่ได้หันกลับไป เพราะกลัวว่าตัวเองจะใจอ่อนเมื่อได้ยินคำพูดของหยางหยวน
"น่าจะเป็นเพื่อนที่ชวนเขาออกไปนะคะ!" หยางหลิงรุ่ยพูดช่วยคุณตาขึ้นมา ขณะเดียวกันก็บรรเทาความโกรธของคุณยายไปด้วย
นิสัยของคุณยายเธอรู้จักเป็นอย่างดีเลยล่ะ
ถ้าได้อารมณ์เสียขึ้นมามีหวังได้ทำสงครามเย็นกับคุณตาไปสักระยะแน่
หยางหลิงรุ่ยรู้ว่าตอนที่คุณยายโกรธนานที่สุด คือตอนที่หยางหยวนต้องกลับจีนเพื่อมาปรับความเข้าใจ
ว่ากันว่าครั้งนั้นเป็นเพราะคุณยายไม่ยอมให้คุณตาออกไปตกปลากับเพื่อน คุณตาก็เลยไม่ยอมคุยกับคุณยายเป็นเวลาหนึ่งเดือน
ส่วนคุณยายก็ไม่ยอมอ่อนข้อให้และยังทำตัวเย็นชาใส่อย่างไม่คิดสนใจใด ๆ
ทำให้บ้านตระกูลหยางบรรยากาศอึมครึมไปหมด จนหยางหยวนต้องกลับไปพูดไกล่เกลี่ยเพื่อปรับความเข้าใจกว่าสัปดาร์ถึงเริ่มดีขึ้นมา
"เขาน่ะเหรอ ช่างเถอะ!" น้ำเสียงของยายเฒ่าหยางเต็มไปด้วยความไม่สนใจ
หยางหลิงรุ่ยสังเกตได้ว่าจะต้องมีเรื่องราวมากกว่านั้นอีกแน่ เธอจึงถามขึ้น : "มีอะไรหรือเปล่าคะ"
"ตาเฒ่านี่ปิดบังฉันเรื่องเข้าร่วมการแข่งขันเต้นรำหลายครั้ง และยังเล่นหูเล่นตากับคนรักเก่าตอนสมัยวัยรุ่ยอีกด้วย เขาคงคิดว่าตัวเองปิดซ่อนไว้อย่างดี แต่ไม่รู้เลยว่าคนขับรถของเขานั้นเป็นคนของฉันตั้งนานแล้ว ... "
คุณยายโมโหจนควันออกหู ขณะที่พูดก็ไม่ได้เก็บซ่อนความโกรธที่มีต่อคุณตาเอาไว้เลยสักนิด
หยางหลิงรุ่ยอดไม่ได้ที่จะหัวเราะขึ้นมา ก่อนจะตบไหล่คุณยายเบา ๆ สองสามครั้งเพื่อปลอบประโลม : "ใจเย็น ๆ นะคะคุณยาย คุณตาเขาอายุปูนนั้นแล้วเขารู้อยู่แก่ใจดี"
"อืม เขาไม่มีสมรรถนะที่จะสามารถทำตัวไม่มีหลักการได้หรอก"
คำพูดของคุณยายทำให้หยางหลิงรุ่ยตะลึงงัน
นี่คุณยายกำลังพูดถึงเรื่องนั้น?
เธอไม่อาจตอบโต้เรื่องนี้ต่อไปได้ จะให้เธอถามคุณยายว่าสมรรถนะของคุณปู่เสื่อมลงแล้วยังงั้นหรือ
เมื่อเห็นว่าคุณยายดูเหมือนจะผ่อนคลายความโกรธลงบ้างแล้ว หยางหลิงรุ่ยจึงเปลี่ยนเรื่องคุยขึ้นมา
เธอมองไปที่อัลบั้มรูปบนโต๊ะด้านข้าง อัลบั้มรูปนี้ดูท่าคงจะถูกเก็บไว้นานมากแล้ว เพราะมันเริ่มเหลืองนิดหน่อย
“คุณยายคะอัลบั้มนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่คะ ดูเหมือนว่ามันจะหลายปีมากแล้ว”
หยางหลิงรุ่ยเอ่ยถามขึ้นตามปกติ เธอไม่ได้กลับมาที่นี่บ่อยนักและยิ่งไม่ค่อยได้ไปหาคุณตาคุณยายเลย
ปกติที่ไปหาก็พูดคุยกันแค่เรื่องธรรมดาทั่วไปเท่านั้น เรื่องเกี่ยวกับบ้านหยางในอดีตไม่มีใครเอ่ยถึงเลยสักนิด
คุณยายหยางเหลือบมองอัลบั้มรูปบนโต๊ะเล็กน้อย วันนี้เธอและคุณตาหยางพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องราวในอดีต ทำให้เธออดไม่ได้ที่จะหวนคิดถึง จนต้องให้คนรับใช้ไปหยิบอัลบั้มรูปออกมา
อัลบั้มนี้มีประวัติยาวนานหลายสิบปี ปกติเธอจะเก็บมันไว้ในลิ้นชักและล็อกไว้อย่างดี
เธอไม่อยากเห็นมันเพราะเมื่อมองเห็นรูปของใครสักคนในนั้นมันทำให้เธอเสียใจ
เพราะคนคนนั้นเป็นลูกสาวที่เธอรักมากที่สุด
เมื่อหยางหลิงรุ่ยเอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมา คุณยายหยางก็มีสีหน้าท่าทางที่ยากจะเดาออก
"อัลบั้มนี้นานมากแล้ว ถ้าเธออยากดูก็ดูสิ!"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง