อืม ต้องเป็นอย่างนี้แน่
สามีของฉีหลานไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน หากเป็นเพียงคนธรรมดาวันนี้คงไม่สามารถเรียกตำรวจมามากมายขนาดนี้ได้
ผู้คนในแวดวงการค้ากับผู้คนในเวทีการเมืองอย่างไรก็มีความแตกต่างกัน
คนในวงการธุรกิจแม้จะเกิดความขัดแย้ง แต่ส่วนใหญ่จะแก้ไขปัญหาโดยใช้เงินของตนเองหรือเงินของผู้สนับสนุนตนเอง
แต่ถ้าเป็นคนที่อยู่ในเวทีการเมือง หากมีอะไรผิดพลาดขึ้นก็ต้องเป็นความหุนหันพลับแล่นของหน่วยงานที่เป็นผู้บังคับใช้กฎหมายแน่
เพราะแม้ว่าจะร่ำรวยแค่ไหนและไร้เหตุผลแค่ไหนหรือไม่ว่าจะมีอำนาจมากแค่ไหนก็ตาม
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับหน่วยงานผู้บังคับใช้กฎหมายที่เป็นตัวแทนของทั้งประเทศ อย่างไรก็ต้องยอมนอนเฉยๆยอมรับการตรวจสอบนั้น
ดังนั้นสามีของฉีหลานน่าจะอยู่ในแวดวงการเมือง
และฉีหลานเมื่อครู่ส่งข้อความมากมาย เป็นเพราะว่าเธอไม่พอใจที่สามีของเธอจัดคนมาช้าเกินไปหรือเปล่า?
คนเที่มีแนวโน้มที่จะมีอำนาจมากเช่นนี้ หยางหลิงรุ่ยอดไม่ได้ที่จะให้ความสนใจอย่างมากในใจของเธอ
หลังจากได้ยินคำพูดของฉีหลานสักพัก เธอก็ยังไม่มีปฏิกิริยาใดๆ
ในความมืดฉีหลานไม่สามารถมองเห็นดวงตาของหยางหลิงรุ่ยได้อย่างชัดเจน ดังนั้นเธอจึงทำได้เพียงแค่ยื่นมือไปโบกที่ด้านหน้าหยางหลิงรุ่ย
"นี่ เธอกำลังมองไร?" ฉีหลานทักขึ้น
กลิ่นหอมอันน่ารื่นรมย์ปะทะเข้ากับจมูกของเธอ ทำให้เธอได้สติขึ้น
"อ๊ะ พี่หลาน ไม่ๆ ไม่คิดอะไรอยู่เลย?"
"เปล่าเหรอ?" เมื่อมองหยางหลิงรุ่ยก็เห็นได้ชัดว่าเธอรู้สึกตื่นเต้นกังวลเล็กน้อย ฉีหลานจึงได้ข้อสรุปในใจ
ผู้หญิงคนนี้คงกำลังคิดถึงเรื่องที่เธอทำอยู่แน่
"ไม่เลยจริงๆ พี่หลาน พี่เตรียมจะแต่งงานเมื่อไหร่?"
กลัวว่าฉีหลานจะยังจิกไม่ปล่อยเกี่ยวกับคำถามนี้ หยางหลิงรุ่ยจึงรีบตั้งหัวข้อใหม่
เมื่อพูดถึงการแต่งงาน ฉีหลานก็อดไม่ได้ที่จะปวดหัว
การแต่งงานครั้งนี้สำหรับเธอแล้วเธอยังคงเห็นเป็นเรื่องเลวร้ายโดยสัญชาตญาณ แล้วยังมีความกลัวที่เธอสะกดมันไว้ในใจ
"เร็วๆนี้แหล่ะ ฉันจะบอกเธอแน่นอนเมื่อถึงเวลา"
อันที่จริงงานแต่งงานได้กำหนดวันที่ไว้แล้ว แต่ฉลีหลานกลับไม่ได้บอกหยางหลิงรุ่ย
โดยสัญชาตญาณ เธอไม่ต้องการให้หยางหลิงรุ่ยมางานแต่งงานนี้
หากเกิดเรื่องเหมือนก่อนหน้านี้ขึ้นอีกครั้งล่ะ?
หยางหลิงรุ่ยตอบรับอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ลางสังหรณ์บอกเธอว่าชุดแต่งงานสั่งทำแล้ว และยังต้องรีบทำออกมาให้เสร็จอย่างรวดเร็ว เรื่องวันที่ไม่มีทางที่จะไม่ได้จัดการไว้แล้ว?
อย่างไรก็ตามเธอยังคงเชื่อในสิ่งที่ฉีหลานบอก และถึงแม้ว่าเธอจะไม่เชื่อ เธอก็ต้องบอกตัวเองว่านี่เป็นความจริง
"ฉันจะรีบทำเสื้อผ้าให้เร็วที่สุด ทำชุดออกมาให้เสร็จก่อนพอถถึงเวลาพี่หลานก็จะกลายเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลกอย่างแน่นอน!"
หยางหลิงรุ่ยพูดอย่างแน่วแน่ ใบหน้าของเธอเปล่งประกายไปด้วยความมั่นใจ
อย่างไรนี่ก็เป็นงานที่เธอเชี่ยวชาญ เธอจึงมีความมั่นใจนี้
หากนักออกแบบที่ดีไม่มีความมั่นใจเพียงพอแล้วเขาจะสร้างผลงานที่ดีได้อย่างไร?
หยางหลิงรุ่ยเชื่อในประโยคนี้อย่างลึกซึ้งมาตลอด!
“งั้นก็รบกวนด้วยนะ” ฉีหลานพูดอย่างอึดอัด
น้ำเสียงของเธอทำให้ในใจหยางหลิงรุ่ยกังวลอย่างอธิบายไม่ถูกเล็กน้อย
เห็นได้ชัดว่าไม่สบายใจถึงได้เป็นอย่างนี้
เป็นไปได้ไหมว่าชายที่ฉีหลานกำลังจะแต่งงานด้วยเป็นคนที่น่ากลัว?
หยางหลิงรุ่ยสังหรณ์ใจว่าเธออาจจะรู้จักชายฉีหลานกำลังจะแต่งงานด้วย
แต่เธอสูญเสียความทรงจำไปแล้ว คิดจนปวดหัวหัวแทบแตกก็คิดไม่ออก
เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางที่ยุ่งยากของหยางหลิงรุ่ย ฉีหลานก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า "เธอเป็นอะไรหรือเปล่า?"
เธอนึกว่าวันนี้หยางหลิงรุ่ยอาจจะรู้สึกกลัว เธอจึงใส่ใจไปโดยไม่รู้ตัว
หยางหลิงรุ่ยอึ้งไปชั่วขณะและรู้ว่าเธอแสดงอารมณ์ออกมามากเกินไป
เธอเม้มริมฝีปาก หลังจากคิดสักพักเธอก็กดปุ่มเจ้านายบนมือของเธอ จากนั้นแผ่นกั้นก็หล่นลงมาแยกที่นั่งคนขับออกจากผู้โดยสาร
“พี่หลาน ฉันคิดว่าพี่ดูไม่ค่อยมีความสุข!”
หยางหลิงรุ่ยพูดอย่างไม่แน่ใจขณะที่สังเกตสีหน้าของฉีหลานอย่างระมัดระวัง
อย่างแล้วสำหรับคนที่กำลังจะแต่งงาน การบอกว่าเธอไม่มีความสุขกับการแต่งงานอาจถูกเข้าใจผิดว่าเป็นการยั่วยุ
ดังนั้นหยางหลิงรุ่ยจึงตัดสินใจว่าหากเธอเห็นฉีหลานดูไม่มีความสุขจึงรีบปิดหัวข้อนี้
แต่สิ่งที่น่าประหลาดใจก็คือเมื่อหยางหลิงรุ่ยพูดเช่นนั้น ความขมขื่นเล็กน้อยก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของฉีหลาน
เธอมองไปที่หยางหลิงรุ่ยอย่างลึกซึ้ง หยางหลิงรุ่ยแต่ก่อนเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเธอ เพื่อนที่บอบบางที่สุดของเธอและแค่มองแว้บเดียวเธอก็สามารถบอกได้อย่างรวดเร็วว่าเธอมีอะไรในใจ
เดิมคิดว่าเธอสูญเสียความทรงจำแล้วเธออาจเปลี่ยนไป
แต่ตอนนี้ ฉีหลานมั่นใจแล้วว่าเธอยังคงเหมือนเดิม นิสัยของเธอไม่ได้เปลี่ยนไปเลย
แม้แต่ความทุกข์เล็กน้อยของเธอก็สามารถสังเกตเห็นได้ทันที
"ฉันยังไม่ได้คิดให้ดีเกี่ยวกับการแต่งงานครั้งนี้"
ฉีหลานพูดอย่างช้าๆ หลังจากพูดจบเธอก็รู้สึกอึดอัดในใจ แม้ว่าในรถจะมีเครื่องฟอกอากาศและระบบหมุนเวียนอากาศภายนอกก็ทำงานได้ดี แต่ฉีหลานก็ยังรู้สึกหายใจไม่ออกเล็กน้อย
เธอกดกระจกรถลงเผยให้เห็นรอยต่อ
รถไม่ได้วิ่งเร็วมาก เพียงแค่ 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเท่านั้น
บอดี้การ์ดของตระกูลหยางทุกคนเป็นบอดี้การ์ดมืออาชีพ ฝีมือในการขับรถนั้นสูงมากโดยธรรมชาติจนไม่รู้สึกถึงการกระแทกเลย
ล้อเล่นน่า จะมีเรื่องง่ายๆอย่างนั้นได้อย่างไร!
เธอเป็นบุคคลผู้สูญเสียความทรงจำคนหนึ่ง เธอไม่รู้เอากลับมาหรอก
ฉีหลานมองออกไปนอกหน้าต่าง ดวงดาวพร่างพราย ถนนที่นี่ค่อนข้างคุ้นเคยและความเร็วของรถก็ช้าลงเช่นกัน
คาดว่าเธอจะไปถึงที่นั่นภายในหนึ่งในสิบห้านาที
ผู้ชายคนนั้นดีกับเธอหรือเปล่า?
โกหก!
แน่นอนว่าไม่ดีแน่
เธอจะมีความสุขไหมหลังจากแต่งงาน?
เป็นไปไม่ได้ เธอจะไม่มีวันเกี่ยวข้องอะไรกับความสุขได้เลยตลอดชีวิต
เว้นแต่เธอจะละทิ้งความเกลียดชังทั้งหมดและยอมลงนรกไป
หยางหลิงรุ่ยมองไปที่ฉีหลานซึ่งเห็นได้ชัดว่าเศร้าโศก เธอก็อดเสียใจไม่ได้
ปากนี้ของเธอพูดอะไรไม่พูด ดันไปพูดเกี่ยวกับการแต่งงานของฉีหลาน
ตอนนี้ดูเหมือนว่าตัวเองจะเลือกหัวข้อสนทนาที่ไม่ถูกต้องเสียแล้วและทำให้ฉหลานต้องรู้สึกหดหู่
เธอยื่นมือออกไปหยิบถ้วยกาแฟจากช่องเก็บของในรถและส่งให้ฉีหลาน
ฉีหลานอึ้งไปชั่วขณะแต่ก็รับมา
หากเธอดื่มกาแฟตอนนี้ ไม่แน่ว่าคืนนี้เธออาจจะนอนไม่หลับได้
แต่ตอนนี้ในใจของเธอสับสนวุ่นวาย ไม่ต้องบอกว่าดื่มกาแฟจะทำให้นอนไม่หลับ เพราะถึงแม้ว่าเธอจะกลับบ้านไปเธอก็คงนอนไม่หลับทั้งคืนเช่นกัน
แต่กินกาแฟอาจทำให้เธอสงบลงได้
"ขอโทษนะ พี่หลาน ดูเหมือนว่าฉันจะพูดอะไรที่ไม่ดีไป"
หยางหลิงรุ่ยพูดกับฉีหลานด้วยเสียงที่อ่อนลง
ด้วยน้ำเสียงแบนั้นของเธอ ฉีหลานจึงอดไม่ได้ที่จะยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย
เธอยังไม่ได้พูดอะไรก็เริ่มขอโทษเสียก่อนแล้ว
นี่คล้ายกับหยางหลิงรุ่ยที่เธอเคยรู้จักจริงๆ!
"พูดอะไรกัน!" ฉีหลานเปิดกาแฟจิบ
กาแฟหอมกรุ่นที่แฝงไปด้วยความขมทำให้ความวุ่นวายในใจของเธอสงบลง
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดในโลกนี้ก็คือจุดจบของความหวังซึ่งก็คือความสิ้นหวังอันรุนแรง
แต่ตอนนี้ฉีหลานกลับกำลังเดินอยู่บนเส้นทางสายนี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง