โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง นิยาย บท 511

แต่ต่อมา พฤิกรรมของฉินลูลู่ เกินความคาดหมายของหยูซิงเหวิน

ฉินลูลู่ดิ่งไปรัแขนของหยูซิงเหวิน แล้วเอ่ยอย่างออดอ้อน "งั้น ซิงเหวิน พวกเรามันเริ่มแสดงต่อหน้าผู้คนกันเถอะ แล้วลับหลังก็เป็นแค่คนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเท่านั้นกัน!"

รอยยิ้มมีเลศนัยปรากฏอยู่บนใบหน้าของฉินบูลู่ แทบจะทะลักออกมา

แต่คำที่เธอพูด กลับเป็นแบบเยือกเย็นอย่างนั้น

ในตอนนี้หยูซิงเหวิน จู่ ๆ ก็รู้สึกเหมือนได้รู้จักกับฉินลูลู่ใหม่อีกครั้ง

และฉินลูลู่ ในตอนนี้ ก็มั่นใจกับความคิดที่จะใช้ชีวิตอยู่กับหยูซิงเหวินในอนาคตได้แล้ว

เมื่อคิดถึงเรื่องในอดีต ฉินลูลู่ก็สงบลงเล็กน้อย

เธอรู้ว ส่าวันนี้เธอเกินขั้นนั้นไปแล้ว

เดิมทีที่ออดอ้อน ก็ยับบั้งชั่งใจไว้ก็ดี แต่เมื่อครู่ฉินลูลู่ อยากจะดึงดูดความขัดแย้งระหว่างตระกูลหยูและตระกูลหยาง

ถ้าเป็นอย่างนี้ล่ะก็ ไม่ต้องพูดถึงความสัมพันธ์ของเธอกับหยูซิงเหวินในฐานะแขก นับว่าทั้งสองจะเป็นสามีภรรยาที่รักกันอย่างแท้จริง หยูซิงเหวินก็จะรั้งเขาไว้

วันนี้เธอ มาเพื่อเจอกับฉีหลาน แล้วบวกกับได้เจอกับหยางหลิงรุ่ยที่ปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่าเมื่อครู่นี้ ใจก็กระวนกระวาย

ธอสูดหายใจเข้าลูก ๆ หนึ่งเฮือก เพื่อกดอารมณสับสนวุ่นวายภายในจิตใจเมื่อครู่ เอ่ยอย่างอ่อนโยน "ซิงเหวินพูดแบบนี้ งั้นฉันก็จะฟังนาย"

ท่าทีที่อ่อนโยนของเธอ และท่าทีที่เปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนอย่างรวดเร็ว ทำให้คนที่อยู่ในสถานที่ตรงนั้นมองดูเธอด้วยสายตาที่แปลกใจ

แต่มีสองคนที่สีหน้าไม่เปลี่ยนคือ ฉีหลานและจางหงเหว่ย

เมื่อก่อนฉีหลานเคยสนิทสนมกับฉินลูลู่ ดังนั้นจึงรู้ว่าฉนลูลู่เป็นคนอย่างไร

และแม้แต่จางหงเหว่ย ที่อยู่รอบตัวฉินลูลู่และเสียเปรียบไปมากขนาดนั้น ในใจก็เกลียดฉินลูลู่เข้ากระดูกไปตั้งนานแล้ว พูดง่าย ๆ หน่อย เพียงแค่ฉินลูลู่ยกเท้าขึ้น จางหงเหว่ยก็รู้แล้วว่าเธอจะสกัดใคร

เพียงแค่จางหงเหว่ยคาดไม่ถึงว่า ฉินลูลู่ที่ได้ย้ายออกมาจากเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่อย่างหยูซิงเหวินแล้ว อย่างนั้นถ้าดูตามนิสัยของหยูซินเหวิน ทำไมถึงยังต้องโอบเอวฉินลูลู่อยู่อีก นี่นับ่ว่าไม่โอบเอว อย่างนั้นก็ต้องอธิบายหยางหลิงรุ่ยสักหน่อยสิ หาทางประนีประนอมกัน

ยังไงซะ นี่ก็เป็นวิธีที่เหมาะสมในการปฏิบัติตัวต่อผู้หญิงรอบตัว

แต่ทว่า หยูซิงเหวินกลับไม่ไดด้ทำแบบนี้ นี่จึงทำให้จางหงเหว่ยอดไม่ได้ที่จะครุ่นคิดสักหน่อย

หยูซิงเหวินทำแบบ นั่นก็มีเพียงสองเหตุผล

เหตุผลที่หนึ่ง ก็คือเขารู้สึกว่าฉินลูลู่ไม่สำคัญ ดังนั้นจึงไม่โอบเอวเธอออกหน้าออกตา

แต่ว่าอันนี้ จางหงเหว่ยรู้สึกว่าไม่ค่อยเป็นความจริง หากดูตามท่าทีที่เลี่ยนมากของแินลูลู่เมื่อสักครู่นี้ ทั้งสองก็ใกล้จะแต่งงานกันแล้ว ทำไมความสัมพันธ์ของทั้งสองจะนับว่าไม่ดีอย่างไรกัน? ไม่อย่างนั้นหยูซิงเหวินจะเตะฉีหลาน แล้วมาเอาผู้หญิงเน่า ๆ คนนี้ทำไม?

และเหตุผลข้อที่สอง นั่นก็คือหยูซิงเหวิน ต้องการไว้หน้าของหยางหลิงรุ่ย

ดังนั้น อำนาจของตระกูลหยางอยู่ที่นี่ ก็นับว่าเป็นตระกูลหยู จำเป็นต้องหลบหลีกจุดแข็งของพวกเขา

ถ้าเป็นอย่างนี้ จางหงเหว่ยรู้สึกว่าการคาดเดาในใจเขาก่อตัวขึ้นแล้ว

แต่การก่อตัวนี้ ทำให้จิตใจของเขารู้สึกกระวนกระวายขึ้นมาทันที

เพราะวันนี้เขาได้พบว่า ก็มักจะอยู่ข้าง ๆ กายของหยางหลิงรุ่ยตลอดเวลา มีบางคำที่ก็ไม่สำคัญ

นี่ถ้าทำให้หยางหลิงรุ่ยฟังยู่ในใจ กลับไปบอกกับตระกูลหยางสักหน่อย เขาเกรงว่าจะวุ่นวายแล้วน่ะสิ!

ในฐานะเป็นที่ยืดหยุ่นได้คนหนึ่ง อย่างน้อยเขาที่รู้จักกับผู้ชายคนนี้ จางหงเหว่ยจะไม่ให้เรื่องอย่างนี้เกิดขึ้นอย่างแน่นอน

"คุณหยางครับ เรื่องวันนี้ ต้องขอบคุณคุณจริง ๆ ! นะครับ คุณดูสิว่าตอนนี้คุณมีเวลามั้ย? พวกเราไปทานข้าวกันสักมื้อนะครับ"

จางหงเหว่ยที่กำลังพูด ก็ใช้แขนสะกิดฉีหลานเล็กน้อย เตือนให้ฉีหลานเออออไปกับตัวเอง

ความสัมพันธ์ของฉีหลานกับจางหงเหว่ยแม้ว่าจะสามารถใช้คำว่าความเร็วแสงมาบรรยายได้ แต่เพราะลักษณะนิสัยของจางหงเหว่ย เธอกลับเข้าถึงได้อย่างชัดเจน

จู่ ๆ ท่าทีผู้ชายคนนี้ก็เปลี่ยนไปในตอนนี้ เป็นไปได้เพียงเพราะท่าทีของหยูซิงเหวินเมื่อครู่นี้เท่านั้น

หยูซิงเหวินก็ให้ไปแล้ว ก็แสดงให้เห็นถึงความชอบบงการของจางหงเหว่ยได้อย่างชัดเจน

ในใจของฉีหลานยิ้มแห้ง ผลลัพธ์ ชายคนนี้ ก็ไม่มีจิตใจที่เด็ดเดี่ยวอะไร

เธอไม่ได้เอ่ยเสียงในทันใด ทำเพียงยิ้มเล็กน้อยให้กับหยางหลิงรุ่ย ใช้สายตาแสดงออกไปว่าเธอมีความคิดตรงนี้

การรู้ใจของหยางหลิงรุ่ยและฉีหลาน มีความข็งกล้า

ความหมายของสายตาของฉีหลาน บอกกับเธอได้ชัดเจนว่าไม่ต้องไปพูดไร้สาระกับจางหงเหว่ย

ดังนั้นหยางหลิงรุ่ยจึงเอ่ยอย่างเป็นทางการ "ขอบคุณสำหรับน้ำใจของประธานจางนะคะ แต่ว่าท่านก็เห็ฯ ว่าที่นี่ดิฉันมีลูกค้าจำนวนมาก เปลี่ยนเป็นวันหลังนะคะ!"

หยางหลิงรุ่ยไม่ได้ปฏิเสธสักคำ และนับว่าเป็นการไว้หน้าฉีหลาน

ไม่อย่างนั้นถ้าเป็นเวลาปกติ นายจางหงเหว่ยเป็นใคร? ฉันรู้จักนายหรอ?

เรื่องของธุรกิจ ฉันสามารถนอบน้อมเพื่อผลประโยชน์กับคุณได้ แต่การทานข้าว ขอโทษที ไม่ใช่คนสนิท ไม่ไป

ต่อหน้าหยางหลิงรุ่ยไม่ได้ปฏิเสธ จางหงเหว่ยก็รู้สึกว่าใบหน้าของตนเองมีออร่าเล็กน้อย

ยังไงซะนี่ก็เป็นพี่ใหญ่ของตระกูลหยาง เมื่อก่อนจางหงเหว่ยคิดว่า แค่ผู้หญิงคนเดียว ไม่มีอะไรมาขัดขวางได้

แต่หลังจากที่เห็นว่าหยูซิงเหวินให้ทาง เขาก็กลับมาดูหยางหลิงรุ่ยใหม่อีกรอบ

เขาครุ่นคิดอย่าละเอียดสักครู่ ก็ถึงเอ่ยปาก ยังดี เขาเป็นคนง่าย ๆ แม้ว่าในคำพูดบางครั้งก็ดูไม่ให้เกียรติ แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่มีความขัดแย้งใด ๆ กับหยางหลิงรุ่ย

ทว่าคดีของจางหงเหว่ย ที่เพิ่งวางเรียงลำดับจัดการ สำนักการจัดการที่อยู่อาศัยด้านนั้น ก็ได้ลงมาแจ้ง การอนุมัติโครงการของจางหงเหว่ยผ่านแล้ว

เห็นได้ชัดว่าเป็นทำแบบลับ ๆ จางหงเหว่ยเดาอีกครั้งก็ไม่ออก เกรงว่าไม่ต้องมาผสมอยู่ในโลกนี้แล้ว

ตอนนั้นเขาโกรธมาก ยืดหยัดว่าจะฟ้องดำเนินคดีเคหะสถานต่อศาล

อย่างไรก็ตามหลังจากการชักชวนซ้ำ ๆ จากผู้ใต้บังคับบัญชา เขาจึงคิดว่าถังในที่สุดเขาก็ทนได้

ผู้ใต้บังคับบัญชาคิดถูก พวกเขาคิดถึงปัญหาทั้งหมด แต่พวกเขาไม่ได้คิดถึง ปัญหาของการป้องกันภูมิภาค

คนจีนมีคำพูดโบราณที่ว่า มังกรใหญ่กดงูเล็กในพื้นที่ไม่ได้

การอัดฉีดเงินทุนขอจางหงเหว่ย อาจกล่าวได้ว่าปัญหาการดำเนินงานทั้งหมดของบริษัท ไม่สามารถเกิดข้อผิดพลาดได้แม้แต่นิดเดียว

และจากลำดับการของต่างประเทศ การยื่นขอของเขาผ่านเกณฑ์ พูดตามเหตุผล ต่อมาสามารถร่ำรวยได้

แต่สิ่งที่น่าเสียใจก็คือ การร่ำรวยนี้ มันกลับไม่เกิดขึ้น

เพราะการปกป้องภูมิภาคทั้งประเทศ รวมทั้งโครงการของเขา เดิมทีคือสิ่งที่มีชื่อเสียง แต่ผลลัพธ์กลับล้มเหลวไม่เหลือซาก

เพราะเรื่องนี้ จางหงเหว่ยจึงกดดัมาก และระยะเวลาในตอนนั้นทำให้เขานอนไม่หลับ

ต่อมาภายคำแนะนำของจื้อหนางกรุ๊ป เขารู้วิธีว่าจะต้องไปทำอย่างไร

กลุ่มทุนต่างชาติขนาดใหญ่ ล้วนมีความเชี่ยวชาญในการดำเนินงานด้านเงินทุน ดังนั้นหากจางหงเหว่ยต้องการความช่วยเหลือจากอีกฝ่าย ผลประโยชน์และความเสี่ยงก็จะอยู่ร่วมกันอย่างแน่นอน

หากคุณไม่กล้าหาญ อีกฝ่ายอาจจะเขี่ยคุณทิ้ง ดังนั้นการร่วมมืเป็นพันธมิตรกัน จางหงเหว่ยจึงไม่กล้าเลือก

ดังนั้น การร่วมมืเป็นพันธมิตรกัน ก็มาจากธุรกิจภายในประเทศและเดินออกไปต่างประเทศ

และถ้าจะพูดว่าหลายปีมานี้การทำธุรกิจ้ามชาติขนาดใหญ่ที่สุด นั่นก็ต้องเป็นGroup Aneng ไปโดยธรรมชาติ

ในฐานะผู้นำของอุตสาหกรรมพลังงานGroup Aneng มีพลังงานที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง ในหลากหลายประเทศ

หากสามารถร่วมมือกับGroup Aneng บริษัทอสังหาริมทรัพย์ของจางหงเหว่ย จะดีขึ้นอีกหนึ่งระดับอย่างแน่นอน

และเจ้าของที่อยู่เบื้องหลัง An Neng คือตระกูลหยาง

ตระกูลหยางผู้นำด้านพลังงานประเภทนี้ เมื่อก่อนจางหงเหว่ยคิดหาวิธีอย่างสุดกำลัง แต่ก็ไม่ได้สนิทสนมกับบุคคลสำคัญในตระกูลหยาง

ตอนนี้ล่ะ พี่สาวคนโตของตระกูลหยาง กับคู่หมั่นของเขา ความสัมพันธ์ดีมากอย่างเห็นได้ชัด

นี่เป็นโอกาสหนึ่งอยาง โอกาสที่จะสามารถใกล้ชิดกับตระกูลหยางได้

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: โชคชะตาตื้นมาก แต่ความรักนั้นลึกซึ้ง