พ่ายรักเมียในนาม(จบ) นิยาย บท 121

ถ้าฉันเป็นเฉียวอี้คงจะยิ้มไม่ออกแน่ๆ “เธอเรียกสื่อมมวลชนมา เธอรู้ไหมว่าสีชิงชวนตระหนี่มาก อีกทั้งเธอยังหลอกเขา ยังด่าเขาว่าเป็นผู้ชายสารเลว พอมาตอนนี้ยังจะหาสื่อมวลชนมาถ่ายเขาอีก เขาจะต้องไม่ปล่อยเธอไว้แน่ๆ”

“เขาไม่กล้าทำอะไรฉันหรอก” เฉียวอี้ยิ่งคิดก็ยิ่งลำพองใจ ปิ้งย่างยังไม่ทันมาเสิร์ฟก็ดันเปิดขวดเบียร์กระดกไปเกินครึ่งขวดแล้ว “ชนแก้ว! เซียวเซิง!”

ในเมื่อเธอฮึกเหิมขนาดนี้ฉันก็ไม่ขัดศรัทธา

ฉันเปิดขวดเบียร์เหมือนกัน ฉันคออ่อน ทว่าในเมื่ออารมณ์มันพาไปจะห้ามก็คงยาก ฉันกระดกไปเกือบครึ่งขวดภายในกรึ๊บเดียว

“เซียวเซิง คุณรู้ไหมว่าหลายวันก่อนฉันอยู่กับสีชิงชวนมันน่ารำคาญมากแค่ไหน เห็นเขาทำท่าทำทาง ฉันนี่นะอยากจะฟาดเขาด้วยส้นรองเท้าเสียเหลือเกิน

“ก็มีแค่เธอคนเดียวละมั้งที่อยากจะทะเลาะด้วยตอนที่อยู่กับเขา ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นก็คงอยากจะกระโจนเข้าใส่เขา”

“ถุย กระโจนเข้าหางั้นเหรอ เขานึกว่าตัวเองหล่อวัวตายความล้มหรือยังไง?”

“เอาตามตรง เขาจีบเธอขนาดนั้นเธอไม่รู้สึกหวั่นไหวบ้างเลยหรือ?”

“สีชิงชวนไม่ใช่สเปคของฉัน” เฉียวอี้สีหน้าจริงจัง “ฉันมีแฟนแล้วนะ ก็ฉินกวนไง ฉันไม่ใช่คนหลายใจนะยะ”

“ก็แหงอยู่แล้วสิ เฉียวอี้สาวซื่อบื้อคนนี้ จะหวั่นไหวกับสีชิงชวนได้ยังไงกัน”

“งั้นที่ผ่านมาเธอตบตาเขานะเหรอ?”

“แน่นอนสิ ที่ทำไปก็เพื่อวันนี้นี่แหละ สะใจชะมัดเลย เซียวเซิง ฉันแก้แค้นให้เธอแล้วไง?”

“อืม”

“สภาพของเธอเมื่อวานนี้ฉันรู้สึกเสียใจมาก” เธอกระดกเบียร์จากขวด“ฉันร้องให้เกือบครึ่งค่อนคืน เกือบจะทนไม่ได้จนต้องโทรหาเธอ แต่ก็กลั้นใจไว้ได้ ก็แค่เรื่องชั่วข้ามคืนเท่านั้น พอวันนี้ก็ผ่านไปแล้ว”

“เธอตบตาเขาแบบนี้” ฉันรู้สึกเป็นห่วงเฉียวอี้มากๆ

“ใจเย็นก่อน” เธอตบบ่าของฉันอย่างแรงจนกระดูกเกือบหัก “สีชิงชวนใหญ่มาจากไหนก็ไม่กล้าทำร้ายฉันหรอก ตราบใดที่แฟนและพ่อของฉันยังมีอำนาจอยู่?”

“แฟนกับพ่อบุญธรรมของคุณใครใหญ่กว่ากัน?” จู่ๆฉันก็นึกถามคำถามซีเรียสขึ้นมา

เฉียวอี้กระพริบตาปริบๆ “พวกเขาสาบานเป็นพี่น้องกันได้น่ะ”

“ไส้หัวไปเถอะ!” สมองกลับแบบเฉียวอี้เนี่ยนะ ทำให้ฉันกังวลว่าจะถูกสีชิงชวนดึงดูดไปได้?”

พอคิดดูแล้วก็รู้สึกว่าตัวเองจิตใจคับแคบ วางขวดเหล้าลงแล้ววิ่งไปกอดเฉียวอี้ “ทว่าฉันโกรธเธอไปแล้วน่ะ ฉันนึกว่าเธอจะโดนสีชิงชวนหว่านเสน่ห์เข้าให้แล้ว”

“สัจธรรมของมนุษย์” เธอลูบหัวฉันด้วยความสงสาร “ไม่เป็นไรนะ ไม่เข้าใจผิดก็แสดงว่าฉันเล่นละครตบตาได้ไม่เนียน เป็นไง ละครเรื่องนี้เป็นไงบ้าง?”

ฉันขบคิดอย่างถีถ้วน ไม่ใช่เพราะเฉียวอี้เล่นละครเก่ง แต่เป็นเพระทุกคนคิดว่าไม่มีใครสามารถต้านทานฝีมือการจีบสาวของสีชิงชวนได้ต่างหาก

“ใครให้เฉียวอี้ไม่ใช่สามัญชนธรรมดาล่ะ?”

ฉันยิ่งคิดก็ยิ่งลำพองใจ โอดครวญสักหน่อยจากนั้นก็ประทับตราลงบนหน้าผากของเธอ

เธอจ้องมาที่รอยลิปสติกของฉันอย่างลำพองใจและยังคงดื่มเหล้าต่อไป

หลังจากนั้น ก่อนที่หนีอีโจวจะมาฉันก็ดื่มไปกรุ่มกริ่มแล้ว ต่อมาเมื่อหนีอีโจวมาถึง ฉันก็เริ่มโซซัดโซเซ เขาประคองฉันไว้ด้วยความห่วงใย “คุณเป็นไงบ้าง? ทำไมถึงดื่มเยอะขนาดนี้”

หน้าตาหล่อเหลาของหนีอีโจวโยกเยกไปมาในสายตาของฉัน ฉันโอบคอเขาไว้ ท่าทางดีอกดีใจ “สีชิงชวนยังบอกอีกว่าให้ฉันมองไว้ซะว่าโลกแห่งความจริงมันเป็นยังไง ฮาฮาฮา เขาเพิ่งเคยเจอผู้คนเพียงน้อยนิด นึกว่าตนเองเข้าใจทุกคนบนโลกหรือยังไง? เขาบอกว่าบนโลกใบนี้ไม่มีมิตรภาพที่แท้จริง ก็เป็นเพราะเขาไมเคยสัมผัสกับมิตรภาพที่แท้จริงมันเป็นยังไงนั่นเอง!”

“สีชิงชวน อวดดีเป็นที่สุด นี้เป็นบทเรียนราคาแพงของเขาเลย!”

“เฉียวอี้ คุณมอมเหล้าเซียวเซิงได้ไงกัน?”

“ใจเย็นก่อน ยังไม่ได้ทานข้าวเลย เพิ่งกินปิ้งย่างไปแค่ไม้เดียวเธอก็ดันสร่างเมาซะแล้ว”

หนีอีโจวเอามืออุดปากของเฉียวอี้ จากนั้นก็ลากเธอออกมา

ฉันโดนสีชิงชวนโยนทิ้งลงบนรถ ฉันไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไรฉัน แต่ฉันรู้สึกมีความสุขมาก

แน่นอนว่าฉันไม่ได้มีความสุขเพราะได้ครอบครองสีชิงชวนหรอก แต่เป็นเพราะเฉียวอี้ไม่ต้องไปกับเขาต่างหากล่ะ

เมื่อไหร่ที่ฉันดื่มเหล้าก็มักจะหัวเราะคิกๆไม่หยุด ไม่ว่าจะเรื่องอะไรบนโลกฉันก็รู้สึกว่ามันน่าขำไปหมด

เรื่องที่น่าขำที่สุดก็คงไม่พ้นสีชิงชวนนี่แหละ ท่าทางที่เขาเบิ่งตาเป่าหนวดมันช่างจนปัญญานัก พอนึกถึงท่าตกตะลึงในวันนี้ที่เขาโดยฝ่ามืออรหันต์ของเฉียวอี้ไปบนเวทีก็รู้สึกเบิกบานใจขึ้นมาทันที และเมื่อเพ่งไปบนคอด้านซ้ายของเขายังเห็นมีรอยนิ้วเบาบางหลงเหลืออยู่เลย

มือของเฉียวอี้เล่นบาสและชกมวยมานักต่อนัก หากว่าได้สู้รบปรบมือกับสีชิงชวนขึ้นมาก็คงจะศีลเสมอกัน

สีชิงชวนกอดอกปรายตามองมาทางฉันที่กำลังหัวเราะเจื่อนๆ ตราบใดที่เขาจ้องฉันอยู่ ฉันก็จะหัวเราะอยู่อย่างนั้น

หลังจากที่ฉันตื่นขึ้นในวันถัดมาถึงจะเกิดอาการหวาดกลัว ยืนอยู่หน้ากระจกสอดส่องตัวเองว่าได้รับบาดเจ็บตรงไหนบ้างไหม บางทีสีชิงชวนอาจจะถือโอกาสที่ฉันกำลังเมาอยู่ต่อยฉันก็เป็นได้

ทว่ายังดีที่หาไม่เจอ และไม่รู้สึกเจ็บตรงไหนด้วย

ฉันนั่งอยู่บนเตียงหวนคิดกลับไปว่าหลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้นต่อบ้าง ฉันกลับบ้านมายังไง สีชิงชวนพูดอะไรกับฉันบ้าง แต่ฉันกลับคิดมันไม่ออกสักเรื่องเดียว

หลังจากที่ทานอาหารเช้าเสร็จก็ไปทำงาน พอไปถึงโรงจอดรถถึงจะนึกได้ว่าตนเองไม่มีรถ อนาคตก็ขับรถไม่ได้ด้วย

บ้านตระกูลสีอยู่บริเวณตีนเขา ถ้าจะเรียกรถต้องเดินอีกไกลเลย คิดอยู่ตั้งนานจึงไปหาพ่อบ้านให้เตรียมรถมาส่งฉันไปทำงาน

พ่อบ้านรีบรับปากอย่างเร็วไว ให้ฉันรอสักครู่ เดี๋ยวรถก็มา

ฉันไม่ค่อยอยากจะเชื่อเท่าไหร่ รู้สึกอยู่เนืองๆว่าสีชิงชวนจะต้องทำให้ฉันกระอักกระอ่วน

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)